Finch ขยายการรองรับให้ครอบคลุม Linux ซึ่งช่วยปรับปรุงกระบวนการพัฒนาคอนเทนเนอร์ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ
วันนี้ AWS ได้ประกาศว่า Finch รองรับความพร้อมใช้งานทั่วไปของ Linux แล้ว ซึ่งเป็นเครื่องมือบรรทัดคำสั่งแบบโอเพนซอร์สที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้าง เรียกใช้ และเผยแพร่คอนเทนเนอร์ Linux ได้ Finch ช่วยลดความยุ่งยากในการพัฒนาคอนเทนเนอร์โดยทำการรวมไคลเอ็นต์ดั้งเดิมที่มีการทำงานแบบง่ายไว้ พร้อมกับมีส่วนประกอบแบบโอเพนซอร์สที่ได้รับการคัดสรรมาแล้วให้เลือกใช้ ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างและจัดการคอนเทนเนอร์ได้โดยไม่ต้องจัดการรายละเอียดที่ซับซ้อนให้ยุ่งยาก
เนื่องจากมีการเพิ่มการสนับสนุน Linux นี้เข้ามา Finch จึงสามารถมอบประสบการณ์การพัฒนาคอนเทนเนอร์ที่สม่ำเสมอและมีความคล่องตัวได้ในระบบปฏิบัติการสำคัญทุกระบบ นักพัฒนาสามารถใช้ประโยชน์จากคำสั่ง Finch ที่คุ้นเคยได้เช่นเดิม เช่น คำสั่งสร้าง เรียกใช้ และเผยแพร่คอนเทนเนอร์ของตน ไม่ว่านักพัฒนาจะทำงานบน Linux, macOS หรือ Windows ก็ตาม จึงช่วยให้ทีมสามารถกำหนดมาตรฐานเวิร์กโฟลว์คอนเทนเนอร์และเครื่องมือของตนได้ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและการทำงานร่วมกันให้ดีขึ้น นอกเหนือจากการสนับสนุนแพลตฟอร์มที่เพิ่มเข้ามาแล้ว Finch ยังผสานรวมเข้ากับ Finch Daemon ซึ่งช่วยให้มีข้อกำหนด Docker API ชุดย่อยได้ด้วย Finch Daemon ช่วยให้ลูกค้าที่จำเป็นต้องใช้ Docker REST API ยังสามารถใช้งานทางโปรแกรมได้ต่อไปในทุกสภาพแวดล้อมที่รองรับ Finch แม้ว่าปัจจุบัน Finch Daemon มีขอบเขตการใช้งานครอบคลุมถึง Docker API ชุดหลัก แต่เราก็ร่วมมือกับชุมชนเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการทำงานให้มากขึ้นโดยตลอด การสนับสนุน Linux ของ Finch มีให้ใช้งานในรูปแบบแพ็กเกจ RPM สำหรับ Amazon Linux 2 และ Amazon Linux 2023 ซึ่งสามารถติดตั้งจากคลัง YUM ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ผู้ใช้ Linux Distribution อื่น ๆ ยังสามารถทดลองใช้ Finch ได้โดยทำตามคำแนะนำที่มีอยู่ในเว็บไซต์ของโปรเจกต์และคลัง GitHub
หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งาน Finch บน Linux โปรดอ่านบล็อกข่าว AWS