ข้อมูลทั่วไป

ภาพรวม

ถาม: Amazon Elastic Compute Cloud (Amazon EC2) คืออะไร

Amazon Elastic Compute Cloud (Amazon EC2) เป็นบริการเว็บที่ให้พื้นที่การประมวลผลที่ปรับเปลี่ยนขนาดได้ในระบบคลาวด์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักพัฒนาประมวลผลแบบ Web-Scale ได้ง่ายขึ้น

ถาม: ฉันสามารถทำอะไรได้บ้างเมื่อใช้ Amazon EC2

เหมือนกับที่ Amazon Simple Storage Service (Amazon S3) เปิดใช้งานพื้นที่จัดเก็บในระบบคลาวด์ Amazon EC2 ก็เปิดใช้ “การประมวลผล” ในระบบคลาวด์เช่นกัน  อินเทอร์เฟซบริการเว็บของ Amazon EC2 ที่ใช้งานง่ายนี้ช่วยให้คุณได้รับประสิทธิภาพและกำหนดค่าความสามารถได้โดยมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด โดยจะให้คุณควบคุมทรัพยากรการประมวลผลได้อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งให้คุณเรียกใช้ด้วยการเชื่อมต่อสภาพแวดล้อมการประมวลผลที่ผ่านการรับรองของ Amazon Amazon EC2 ลดเวลาที่ใช้ในการรับและเริ่มต้นอินสแตนซ์เซิร์ฟเวอร์ใหม่ให้เหลือภายในไม่กี่นาที ทำให้คุณสามารถปรับขนาดความสามารถให้มากขึ้นหรือน้อยลงให้สอดคล้องกับเงื่อนไขของการประมวลผลที่เปลี่ยนแปลงได้ Amazon EC2 เปลี่ยนมุมมองด้านความคุ้มค่าของการประมวลผลโดยให้คุณจ่ายค่าบริการตามความสามารถที่ใช้จริงเท่านั้น

ถาม: ฉันจะเริ่มใช้ Amazon EC2 ได้อย่างไร

หากต้องการลงชื่อสมัครใช้งาน Amazon EC2 ให้เลือกปุ่ม “ลงชื่อสมัครใช้งาน Web Service นี้” ในหน้ารายละเอียดของ Amazon EC2 คุณต้องมีบัญชี AWS เพื่อเข้าถึงบริการนี้ หากคุณยังไม่มีบัญชี ระบบจะแจ้งให้คุณสร้างบัญชีเมื่อคุณเริ่มขั้นตอนการลงชื่อสมัครใช้งาน Amazon EC2 หลังจากลงชื่อสมัครใช้งานแล้ว โปรดดูเอกสารประกอบ Amazon EC2 ซึ่งมีคู่มือเริ่มต้นใช้งานของเรารวมอยู่ด้วย

ถาม: เพราะเหตุใดจึงมีการขอให้ฉันยืนยันหมายเลขโทรศัพท์เมื่อลงชื่อสมัครใช้ Amazon EC2

การลงทะเบียน Amazon EC2 กำหนดให้คุณต้องระบุหมายเลขโทรศัพท์และอีเมลที่ถูกต้องเพื่อบันทึกไว้กับ AWS ในกรณีที่เราต้องการติดต่อคุณ การยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ของคุณใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งรวมถึงการรับโทรศัพท์ภายในขั้นตอนการลงทะเบียนและการกรอก PIN โดยใช้แป้นพิมพ์บนโทรศัพท์ด้วย

ถาม: ตอนนี้นักพัฒนาสามารถทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อนได้บ้าง

ก่อนหน้านี้ นักพัฒนารายเล็กไม่มีเงินทุนเพื่อจัดหาทรัพยากรการประมวลผลขนาดใหญ่เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับภาระงานที่เพิ่มขึ้นสูงมากโดยไม่ได้คาดคิดได้ Amazon EC2 ช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้ข้อดีต่างๆ ของ Amazon ได้ในวงกว้างโดยไม่ต้องมีการลงทุนล่วงหน้าหรือลดทอนประสิทธิภาพการทำงาน ตอนนี้นักพัฒนาสามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างอิสระไม่ว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ง่ายและไม่แพง เพื่อให้มั่นใจว่ามีความสามารถในการประมวลผลตามความต้องการทางธุรกิจ

ลักษณะของบริการแบบ “Elastic” ช่วยให้ Developer สามารถปรับขนาดเพื่อรองรับปริมาณการใช้งานหรือความต้องการที่เพิ่มขึ้นสูงมากได้ทันที เมื่อความต้องการในการประมวลผลเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิด (ขึ้นหรือลง) Amazon EC2 สามารถตอบสนองได้ทันที ซึ่งทำให้ Developer สามารถควบคุมจำนวนทรัพยากรที่ใช้งานได้ตลอดเวลา ในทางกลับกัน บริการโฮสต์แบบเดิมมักจะกำหนดทรัพยากรตายตัวในช่วงเวลาตายตัว ซึ่งทำให้ผู้ใช้ขาดความคล่องตัวในการตอบสนองเมื่อการใช้งานเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คาดการณ์ไม่ได้ หรือเมื่อมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงเวลาต่างๆ กัน

ถาม: ฉันจะเรียกใช้ระบบในสภาพแวดล้อม Amazon EC2 อย่างไร

เมื่อคุณตั้งค่าบัญชีและเลือกหรือสร้าง AMI ของคุณแล้ว คุณจะสามารถเริ่มต้นอินสแตนซ์ของคุณได้ คุณสามารถเริ่ม AMI ของคุณที่อินสแตนซ์แบบตามต้องการจำนวนเท่าใดก็ได้ โดยใช้การเรียก RunInstances API คุณเพียงแต่ต้องระบุจำนวนอินสแตนซ์ที่คุณต้องการเปิดใช้เท่านั้น หากคุณต้องการเรียกใช้อินสแตนซ์แบบตามต้องการมากกว่าโควต้าตามความต้องการของคุณ ให้กรอกแบบฟอร์มคำขออินสแตนซ์ Amazon EC2

หาก Amazon EC2 สามารถดำเนินการตามคำขอของคุณ RunInstances จะตอบรับและเราจะเริ่มเปิดใช้อินสแตนซ์ของคุณ คุณสามารถตรวจสอบสถานะอินสแตนซ์ของคุณได้ โดยใช้การเรียก DescribeInstances API คุณสามารถตั้งโปรแกรมให้หยุดจำนวนอินสแตนซ์ของคุณกี่รายการก็ได้ โดยใช้การเรียก TerminateInstances API

หากคุณเรียกใช้อินสแตนซ์โดยใช้พาร์ติชันสำหรับเริ่มต้นระบบของ Amazon EBS คุณยังสามารถใช้การเรียก StopInstances API เพื่อปล่อยทรัพยากรการประมวลผลแต่คงรักษาข้อมูลไว้บนพาร์ติชันสำหรับเริ่มต้นระบบได้ คุณสามารถใช้ StartInstances API เมื่อคุณพร้อมที่จะรีสตาร์ทอินสแตนซ์ที่เชื่อมโยงกับพาร์ติชันสำหรับเริ่มต้นระบบของ Amazon EBS ได้

นอกจากนี้ คุณมีตัวเลือกที่จะใช้อินสแตนซ์ Spot เพื่อลดค่าใช้จ่ายการประมวลผลของคุณเมื่อคุณมีความยืดหยุ่นที่คุณสามารถเรียกใช้แอปพลิเคชันเมื่อใดก็ได้ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับอินสแตนซ์ Spot เพื่อดูคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีการทำงานของอินสแตนซ์ Spot

หากต้องการ คุณสามารถดำเนินการเหล่านี้ทั้งหมดจาก AWS Management Console หรือผ่านบรรทัดคำสั่งโดยใช้เครื่องมือบรรทัดคำสั่ง ซึ่งนำมาใช้กับ API ของบริการเว็บนี้

ถาม: อะไรคือความแตกต่างระหว่างที่จัดเก็บอินสแตนซ์ภายในและ Amazon Elastic Block Store (Amazon EBS) สำหรับอุปกรณ์ราก

เมื่อเปิดใช้อินสแตนซ์ Amazon EC2 คุณจะสามารถจัดเก็บข้อมูลอุปกรณ์รากบน Amazon EBS หรือที่จัดเก็บอินสแตนซ์ภายในได้ ในการใช้ Amazon EBS ข้อมูลบนอุปกรณ์รากจะยังคงอยู่อย่างอิสระต่อไปหลังจากอายุการใช้งานของอินสแตนซ์ ซึ่งทำให้คุณสามารถหยุดและรีสตาร์ทอินสแตนซ์ได้ในเวลาต่อมา ซึ่งคล้ายกับการปิดการทำงานของแล็ปท็อป และรีสตาร์ทเมื่อคุณต้องการใช้งานอีกครั้ง

หรือที่จัดเก็บอินสแตนซ์ภายในจะยังคงอยู่เฉพาะช่วงอายุการใช้งานของอินสแตนซ์ ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่แพงในการเปิดใช้อินสแตนซ์ซึ่งไม่ได้จัดเก็บข้อมูลไปยังอุปกรณ์ราก ตัวอย่างเช่น ลูกค้าบางรายใช้ตัวเลือกนี้เพื่อเรียกใช้เว็บไซต์ขนาดใหญ่ โดยอินสแตนซ์แต่ละรายการเป็นการลอกแบบเพื่อจัดการกับปริมาณการใช้งานบนเว็บ

ถาม: จะเรียกใช้ระบบได้เร็วเพียงใด

โดยทั่วไป การออกการเรียก RunInstance ไปจนถึงเวลาที่อินสแตนซ์ที่ขอทั้งหมดเริ่มลำดับการเริ่มต้นระบบจะใช้เวลาน้อยกว่า 10 นาที ระยะเวลานี้ขึ้นอยู่กับจำนวนตัวแปรต่างๆ ซึ่งได้แก่ ขนาด AMI ของคุณ จำนวนอินสแตนซ์ที่คุณเปิดใช้ และคุณเปิดใช้ AMI มานานแค่ไหน อิมเมจที่เปิดใช้ครั้งแรกอาจใช้เวลาเริ่มต้นระบบนานกว่านี้เล็กน้อย  

ถาม: ฉันจะโหลดและจัดเก็บระบบของฉันโดยใช้ Amazon EC2 ได้อย่างไร

Amazon EC2 ช่วยให้คุณสามารถตั้งค่าและกำหนดค่าทุกอย่างเกี่ยวกับอินสแตนซ์ได้ ตั้งแต่ระบบปฏิบัติการไปจนถึงแอปพลิเคชันของคุณ Amazon Machine Image (AMI) เป็นการใช้งานแบบเป็นแพ็กเกจที่รวมสิ่งเล็กน้อยที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อตั้งค่าและเริ่มต้นอินสแตนซ์ของคุณ AMI เป็นหน่วยการปรับใช้งานของคุณ คุณอาจมีเพียง AMI เดียว หรือคุณอาจสร้างระบบของคุณจากการสร้าง AMI หลายบล็อก (เช่น เว็บเซิร์ฟเวอร์ แอปเซิร์ฟเวอร์ และฐานข้อมูล) Amazon EC2 ให้เครื่องมือมากมายเพื่อสร้าง AMI ได้อย่างง่ายดาย เมื่อสร้าง AMI แบบกำหนดเอง คุณจะต้องรวมเป็นกลุ่ม หากคุณรวมอิมเมจเป็นกลุ่มด้วยอุปกรณ์รากที่มีการรองรับโดย Amazon EBS คุณจะสามารถใช้คำสั่งแบบกลุ่มได้โดยง่ายใน AWS Management Console หากคุณรวมกลุ่มอิมเมจด้วยพาร์ติชันสำหรับเริ่มต้นระบบบนที่จัดเก็บอินสแตนซ์ คุณจะต้องใช้เครื่องมือ AMI ในการอัปโหลดอิมเมจไปยัง Amazon S3 Amazon EC2 ใช้ Amazon EBS และ Amazon S3 เพื่อเตรียมพื้นที่จัดเก็บ AMI ที่เชื่อถือได้และปรับขนาดได้ของคุณเพื่อให้เราสามารถเริ่มต้นระบบได้เมื่อคุณขอ

หรือ หากคุณต้องการ คุณไม่ต้องตั้งค่า AMI ของคุณเองตั้งแต่ต้น คุณสามารถเลือกจาก AMI ต่างๆ ที่พร้อมใช้ทั้งระบบซึ่งมีอินสแตนซ์ที่เป็นประโยชน์ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเซิร์ฟเวอร์ Linux พื้นฐาน คุณสามารถเลือกหนึ่งในตัวเลือก AMI การเผยแพร่ Linux มาตรฐานได้

ถาม: ฉันจะเข้าถึงระบบของฉันได้อย่างไร

การเรียก RunInstance ที่ริเริ่มการดำเนินงานของสแตกแอปพลิชันของคุณจะส่งกลับชื่อ DNS หนึ่งชุดสำหรับแต่ละระบบที่กำลังเริ่มต้น โดยสามารถใช้ชื่อนี้เพื่อเข้าระบบได้ตามที่คุณต้องการ เหมือนเป็นศูนย์ข้อมูลของคุณเอง คุณจึงใช้งานเครื่องได้แม้ในขณะที่สแตกระบบปฏิบัติการของคุณกำลังดำเนินงานอยู่

ถาม: มีการใช้ Amazon EC2 ร่วมกับ Amazon S3 หรือไม่

ใช่ มีการใช้ Amazon EC2 ร่วมกับ Amazon S3 สำหรับอินสแตนซ์ที่มีอุปกรณ์รากที่สำรองบนพื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ภายใน การใช้ Amazon S3 ช่วยให้ Developer สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ปรับขนาดได้สูง เชื่อถือได้ รวดเร็ว ราคาไม่แพง เช่นเดียวกับที่ Amazon ใช้ในการเรียกใช้เครือข่ายเว็บไซต์ทั่วโลกของตนเอง เพื่อดำเนินการระบบในสภาพแวดล้อม Amazon EC2 Developer จะใช้เครื่องมือที่จัดเตรียมให้ในการโหลด AMI ของตนลงใน Amazon S3 และย้าย AMI ระหว่าง Amazon S3 กับ Amazon EC2 ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AMI ที่ฉันจะโหลดและจัดเก็บระบบโดยใช้ Amazon EC2 ได้อย่างไร

เราคาดหวังว่า Developer จะพบว่าการรวม Amazon EC2 เข้ากับ Amazon S3 นั้นมีประโยชน์มาก Amazon EC2 ให้การประมวลผลในราคาถูกและปรับขนาดได้ในระบบคลาวด์ ในขณะที่ Amazon S3 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บข้อมูลของตนได้อย่างไร้กังวล

ถาม: สามารถเรียกใช้อินสแตนซ์ใน Amazon EC2 ได้กี่รายการ

คุณสามารถเรียกใช้ On-Demand Instance หลายรายการต่อค่าจำกัดอินสแตนซ์ On-Demand บน vCPU ซื้อ Reserved Instance ได้ 20 รายการ และขอ Spot Instance ต่อค่าจำกัด Spot แบบไดนามิกต่อ Region ของคุณ บัญชี AWS ใหม่อาจเริ่มโดยมีขีดจำกัดที่ต่ำกว่าขีดจำกัดที่อธิบายไว้ในที่นี้

หากคุณต้องการอินสแตนซ์เพิ่มเติม ให้กรอกแบบฟอร์มคำขอเพิ่มขีดจำกัด Amazon EC2 พร้อมระบุกรณีการใช้งานของคุณ และเราจะพิจารณาเพิ่มขีดจำกัดให้กับคุณ การเพิ่มขีดจำกัดจะขึ้นอยู่กับรีเจี้ยนที่คุณขอใช้งาน

ถาม: มีข้อจำกัดในการส่งอีเมลจากอินสแตนซ์ Amazon EC2 หรือไม่

ได้ เพื่อรักษาคุณภาพของที่อยู่ Amazon EC2 สำหรับการส่งอีเมล เราบังคับใช้ขีดจำกัดที่เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับจำนวนอีเมลที่สามารถส่งจากบัญชี EC2 ได้ หากคุณต้องการส่งอีเมลจำนวนมากกว่าที่กำหนดจาก EC2 คุณสามารถสมัครเพื่อยกเลิกขีดจำกัดนี้จากบัญชีของคุณได้ผ่านการกรอกแบบฟอร์มนี้

ถาม: ฉันสามารถปรับขนาดความสามารถให้มากขึ้นและน้อยลงได้รวดเร็วเพียงใด

Amazon EC2 มอบสภาพแวดล้อมการประมวลผลที่ยืดหยุ่น Amazon EC2 ให้คุณเพิ่มหรือลดความจุได้ในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องเสียเวลาเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน คุณสามารถจัดการอินสแตนซ์เซิร์ฟเวอร์รายการเดียว หลายร้อย หรือนับพันรายการได้พร้อมกัน เมื่อคุณต้องการอินสแตนซ์มากขึ้น คุณเพียงเรียก RunInstances และโดยทั่วไป Amazon EC2 จะตั้งค่าอินสแตนซ์ใหม่ของคุณในเวลาเพียงไม่กี่นาที เพราะการดำเนินการนี้ควบคุมด้วย API ของบริการเว็บทั้งหมด แอปพลิเคชันของคุณจึงสามารถปรับขนาดขึ้นและลงเองได้โดยอัตโนมัติตามความต้องการ

ถาม: รองรับสภาพแวดล้อมของระบบปฏิบัติการใดบ้าง

ขณะนี้ Amazon EC2 รองรับระบบปฏิบัติการที่หลากหลาย ได้แก่: Amazon Linux, Ubuntu, Windows Server, Red Hat Enterprise Linux, SUSE Linux Enterprise Server, openSUSE Leap, Fedora, Fedora CoreOS, Debian, CentOS, Gentoo Linux, Oracle Linux และ FreeBSD เรากำลังมองหาวิธีการขยายไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ

ถาม: Amazon EC2 ใช้หน่วยความจำ ECC ใช่หรือไม่

ตามประสบการณ์ของเรา หน่วยความจำ ECC จำเป็นสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของเซิร์ฟเวอร์ และฮาร์ดแวร์ทั้งหมดที่เป็นพื้นฐานของ Amazon EC2 ใช้หน่วยความจำ ECC

ถาม: บริการนี้ต่างจากบริการโฮสต์ทั่วไปอย่างไร

โดยทั่วไป บริการโฮสต์แบบเดิมจะมอบทรัพยากรที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้าในระยะเวลาตายตัวโดยมีค่าใช้จ่ายที่ตั้งไว้แล้ว โดยหลักแล้ว Amazon EC2 จะแตกต่างในเรื่องการนำเสนอความยืดหยุ่น การควบคุม และการประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวนมากให้ Developer ซึ่งทำให้ Developer ใช้ Amazon EC2 เป็นเสมือนศูนย์ข้อมูลส่วนตัวที่ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่ทนทานของ Amazon.com

เมื่อความต้องการในการประมวลผลเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิด (ขึ้นหรือลง) Amazon EC2 สามารถตอบสนองได้ทันที ซึ่งทำให้ Developer สามารถควบคุมจำนวนทรัพยากรที่ใช้งานได้ตลอดเวลา ในทางกลับกัน บริการโฮสต์แบบเดิมมักจะกำหนดทรัพยากรตายตัวในช่วงเวลาตายตัว ซึ่งทำให้ผู้ใช้ขาดความคล่องตัวในการตอบสนองเมื่อการใช้งานเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คาดการณ์ไม่ได้ หรือเมื่อมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงเวลาต่างๆ กัน

ประการที่สอง บริการโฮสต์หลายแห่งไม่ให้การควบคุมทรัพยากรการประมวลผลที่จัดเตรียมให้อย่างเต็มที่ เมื่อใช้ Amazon EC2 Developer ไม่เพียงแต่สามารถเลือกที่จะเริ่มหรือปิดอินสแตนซ์เมื่อใดก็ได้ แต่ยังสามารถกำหนดการตั้งค่าอินสแตนซ์ได้ทั้งหมดเพื่อให้เหมาะกับความต้องการ และเปลี่ยนได้ตลอดเวลา บริการโฮสต์ส่วนใหญ่ให้บริการกลุ่มผู้ใช้ที่มีความต้องการคล้ายคลึงกัน จึงนำเสนอความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อย่างมีข้อจำกัด

ประการสุดท้าย เมื่อใช้ Amazon EC2 นักพัฒนาจะได้ประโยชน์จากการชำระค่าบริการเฉพาะทรัพยากรที่ใช้จริงเท่านั้น และมีราคาที่ต่ำมาก บริการโฮสต์ส่วนใหญ่กำหนดให้ผู้ใช้ชำระค่าธรรมเนียมแบบคงที่ล่วงหน้า โดยไม่คำนึงถึงกำลังในการประมวลผลที่ใช้จริง ผู้ใช้จึงมีความเสี่ยงในการซื้อทรัพยากรเกินความจำเป็นเพื่อชดเชยการขาดความสามารถในการปรับขนาดทรัพยากรภายในระยะเวลาสั้น 

ค่าจำกัดของ EC2 On-Demand Instance

ถาม: มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป

Amazon EC2 อยู่ระหว่างเปลี่ยนค่าจำกัด On-Demand Instance จากค่าจำกัดอินสแตนซ์ตามจำนวนนับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไปเป็นค่าจำกัดแบบใหม่ซึ่งขึ้นอยู่กับ vCPU เพื่อลดความซับซ้อนในการใช้งานการจัดการค่าจำกัดสำหรับลูกค้า AWS การใช้งานที่นำไปใช้คำนวณค่าจำกัดตาม vCPU จะได้รับการวัดจากจำนวนของ vCPU (หน่วยประมวลผลส่วนกลางเสมือน) เพื่อให้ประเภทต่างๆ ของ Amazon EC2 Instance ใช้ในการเปิดใช้ชุดประเภทอินสแตนซ์ต่างๆ ที่ตรงกับความต้องการของแอปพลิเคชันของคุณ

ถาม: ค่าจำกัดตาม vCPU คืออะไร

คุณถูกจำกัดให้ใช้งานบนอินสแตนซ์แบบตามความต้องการหนึ่งอินสแตนซ์หรือมากกว่าในบัญชี AWS และ Amazon EC2 จะวัดการใช้งานตามค่าจำกัดแต่ละค่าจากจำนวนรวมของ vCPU (หน่วยประมวลผลส่วนกลางเสมือน) ที่ได้รับมอบหมายไว้กับอินสแตนซ์ตามความต้องการที่ใช้งานอยู่ในบัญชี AWS ของคุณ ตารางต่อไปนี้แสดงจำนวน vCPU สำหรับอินสแตนซ์แต่ละขนาด การแมป vCPU สำหรับอินสแตนซ์บางประเภทอาจต่างออกไป โปรดดูรายละเอียดที่ประเภท Amazon EC2 Instance

ขนาดของอินสแตนซ์ vCPU
nano 1
micro 1
small 1
medium 1
large 2
xlarge 4
2xlarge 8
3xlarge 12
4xlarge 16
8xlarge 32
9xlarge 36
10xlarge 40
12xlarge 48
16xlarge 64
18xlarge 72
24xlarge 96
32xlarge 128

ถาม: ฉันสามารถเรียกใช้ On-Demand Instance ใน Amazon EC2 ได้กี่รายการ

ค่าจำกัดอินสแตนซ์ตาม vCPU มี 5 รายการ แต่ละรายการจะระบุจำนวนความจุที่คุณใช้ได้สำหรับกลุ่มประเภทอินสแตนซ์แต่ละกลุ่ม สำหรับอินสแตนซ์ในกลุ่มที่กำหนดให้ ไม่ว่าจะใช้รุ่น ขนาด หรือตัวแปรการกำหนดค่า (เช่น ดิสก์หรือชนิดของโปรเซสเซอร์ เป็นต้น) ใดๆ การใช้งานทุกอย่างจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงค่าจำกัด vCPU รวมของกลุ่มประเภทอินสแตนซ์นั้นๆ ดังระบุไว้ในตารางด้านล่างนี้ บัญชี AWS ใหม่อาจเริ่มโดยมีขีดจำกัดที่ต่ำกว่าขีดจำกัดที่อธิบายไว้ในที่นี้

ชื่อค่าจำกัด On-Demand Instance ค่าจำกัด vCPU เริ่มต้น
อินสแตนซ์มาตรฐาน (A, C, D, H, I, M, R, T, Z) ตามความต้องการที่ใช้งานอยู่ 1152 vCPU
อินสแตนซ์ F ตามความต้องการที่ใช้งานอยู่ 128 vCPU
อินสแตนซ์ G ตามความต้องการที่ใช้งานอยู่ 128 vCPU
อินสแตนซ์ Inf ตามความต้องการที่ใช้งานอยู่ 128 vCPU
อินสแตนซ์ P ตามความต้องการที่ใช้งานอยู่ 128 vCPU
อินสแตนซ์ X ตามความต้องการที่ใช้งานอยู่ 128 vCPU

ถาม: ค่าจำกัด On-Demand Instance ตาม vCPU เหล่านี้แบ่งตาม Region หรือไม่

ใช่ ค่าจำกัด On-Demand Instance สำหรับบัญชี AWS จะกำหนดเป็น Region ไป

ถาม: ค่าจำกัดเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเวลาผ่านไปหรือไม่

ใช่ ค่าจำกัดจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเวลาผ่านไป Amazon EC2 จะติดตามการใช้งานของคุณในแต่ละเขตอย่างต่อเนื่อง และค่าจำกัดของคุณจะเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติตามการใช้งาน EC2 ของคุณ

ถาม: ฉันจะขอให้เพิ่มค่าจำกัดได้อย่างไร

แม้ว่า EC2 จะเพิ่มค่าจำกัด On-Demand Instance ของคุณโดยอัตโนมัติตามการใช้งานของคุณ แต่หากจำเป็น คุณจะสามารถขอเพิ่มค่าจำกัดได้จากหน้าค่าจำกัดใน Amazon EC2 Console, หน้าบริการของ Amazon EC2 ใน Service Quotas Console หรือ API/CLI ของ Service Quotas

ถาม: ฉันจะคำนวณค่าจำกัด vCPU ใหม่ของฉันได้อย่างไร

คุณสามารถดูการแมป vCPU สำหรับประเภท Amazon EC2 Instance หรือใช้เครื่องคำนวณ vCPU อย่างง่ายเพื่อคำนวณค่าจำกัด vCPU รวมที่จำเป็นต้องใช้สำหรับบัญชี AWS ของคุณ

ถาม: ค่าจำกัด vCPU จะมีผลเมื่อซื้ออินสแตนซ์แบบเหมาจ่ายหรือขออินสแตนซ์สปอตหรือไม่

ไม่มีผล ค่าจำกัดตาม vCPU จะมีผลกับอินสแตนซ์ตามความต้องการและอินสแตนซ์สปอตที่ใช้งานอยู่เท่านั้น

ถาม: ฉันจะดูค่าจำกัด On-Demand Instance ในปัจจุบันของฉันได้อย่างไร

คุณสามารถดูค่าจำกัด On-Demand Instance ในปัจจุบันของคุณได้บนหน้า EC2 Service Limits ใน Amazon EC2 Console หรือจาก Service Quotas Console และ API

ถาม: การเลือกใช้จะมีผลกระทบต่ออินสแตนซ์ที่ใช้งานอยู่หรือไม่

ไม่ การเลือกใช้ค่าจำกัดอินสแตนซ์ตาม vCPU จะไม่มีผลกระทบต่ออินสแตนซ์ที่ใช้งานอยู่

ถาม: ฉันยังเปิดใช้อินสแตนซ์จำนวนเท่าเดิมได้หรือไม่

ได้ ค่าจำกัดอินสแตนซ์ตาม vCPU จะให้คุณเปิดใช้งานอินสแตนซ์ได้เป็นจำนวนเท่ากับค่าจำกัดอินสแตนซ์ตามจำนวนนับเป็นอย่างต่ำ

ถาม: ฉันจะดูการใช้อินสแตนซ์เทียบกับค่าจำกัดเหล่านี้ได้หรือไม่

ด้วยการนำตัววัด Amazon CloudWatch มาใช้ร่วมกัน คุณจะสามารถดูการใช้ EC2 เทียบกับค่าจำกัดต่างๆ ได้ใน Service Quotas Console Service Quotas ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ CloudWatch ในการกำหนดค่าตัวแจ้งเตือนหากลูกค้าใช้จนใกล้ถึงค่าจำกัดแล้ว นอกจากนี้ คุณยังสามารถติดตามและตรวจสอบการใช้งานอินสแตนซ์ของคุณต่อไปได้ใน Trusted Advisor และ Limit Monitor

ถาม: ฉันจะยังใช้ DescribeAccountAttributes API ได้หรือไม่

เมื่อใช้ค่าจำกัด vCPU เราจะไม่มีค่าจำกัดอินสแตนซ์รวมมาควบคุมการใช้งานอีกต่อไป ดังนั้น API DescribeAccountAttributes จึงจะไม่คืนค่าของอินสแตนซ์สูงสุดอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ คุณสามารถใช้ Service Quotas API แทนเพื่อดึงข้อมูลค่าจำกัดของ EC2 คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Service Quotas API ได้ในเอกสารประกอบ AWS

ถาม: ค่าจำกัด vCPU จะมีผลกับค่าบริการรายเดือนของฉันหรือไม่

ไม่ การใช้งาน EC2 จะยังคงคำนวณเป็นรายชั่วโมงหรือรายวินาที โดยขึ้นอยู่กับ AMI ที่คุณใช้งานอยู่ รวมถึงประเภทและขนาดของอินสแตนซ์ที่คุณเปิดใช้

ถาม: ค่าจำกัด vCPU จะมีให้ใช้งานทุกรีเจี้ยนหรือไม่

ค่าจำกัดอินสแตนซ์ที่ขับเคลื่อนด้วย vCPU จะมีให้ใช้งานทุกรีเจี้ยนการค้าของ AWS

การเปลี่ยนแปลงนโยบายตำแหน่งข้อมูล EC2 SMTP

ถาม: มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป

ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2020 เป็นต้นไป Amazon EC2 จะเริ่มการเปลี่ยนแปลงเพื่อจำกัดการรับส่งอีเมลผ่านพอร์ต 25 ตามค่าเริ่มต้น เพื่อปกป้องลูกค้าและผู้รับอื่นๆ จากการใช้สแปมและการใช้อีเมลในทางที่ไม่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้ว พอร์ต 25 จะใช้เป็นพอร์ต SMTP เริ่มต้นเพื่อส่งอีเมล บัญชี AWS ที่ร้องขอและมีการนำคอขวดพอร์ต 25 ออกในอดีตจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้

ถาม: ฉันมีกรณีการใช้งานที่ถูกต้องสำหรับการส่งอีเมลไปยังพอร์ต 25 จาก EC2 ฉันจะนำข้อจำกัดพอร์ต 25 เหล่านี้ออกได้อย่างไร

หากคุณมีกรณีการใช้งานที่ถูกต้องสำหรับการส่งอีเมลไปยังพอร์ต 25 (SMTP) จาก EC2 โปรดส่งคำขอให้นำข้อจำกัดการส่งอีเมลออก เพื่อยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้ นอกจากนี้ คุณสามารถส่งอีเมลโดยใช้พอร์ตอื่น หรือใช้ประโยชน์จากบริการส่งอีเมลที่ผ่านการรับรองความถูกต้องที่คุณใช้งานอยู่ เช่น Amazon Simple Email Service (Amazon SES)

ข้อตกลงระดับการให้บริการ (SLA)

ถาม: ข้อตกลงระดับการให้บริการ Amazon EC2 ของคุณรับรองอะไรบ้าง

SLA ของเรารับประกันเวลาพร้อมใช้งานเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 99.99% สำหรับ Amazon EC2 และ Amazon EBS ภายในภูมิภาคเดียวกัน

ถาม: ฉันจะทราบได้อย่างไรว่าฉันมีสิทธิ์ได้รับเครดิตบริการ SLA

คุณจะมีสิทธิ์ได้รับเครดิต SLA สำหรับ Amazon EC2 หรือ Amazon EBS (ไม่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่งไม่สามารถใช้งานได้ หรือไม่สามารถใช้งานได้ทั้งสองอย่าง) หาก Region ที่คุณใช้งานมีเปอร์เซ็นต์ช่วงเวลาให้บริการต่อเดือนต่ำกว่า 99.99% ในรอบการเก็บค่าบริการรายเดือน หากต้องการรายละเอียดที่ครบถ้วนเกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไขทั้งหมดของ SLA ตลอดจนรายละเอียดเกี่ยวกับการยื่นคำร้อง ให้ดูที่ข้อตกลงระดับการให้บริการของ Amazon Compute 

ประเภทอินสแตนซ์

อินสแตนซ์การประมวลผลแบบเร่งความเร็ว

ถาม: อินสแตนซ์การประมวลผลแบบเร่งความเร็วคืออะไร

หมวดหมู่อินสแตนซ์การประมวลผลแบบเร่งความเร็วรวมถึงตระกูลอินสแตนซ์ที่ใช้ตัวเร่งฮาร์ดแวร์หรือตัวประมวลผลร่วมกันเพื่อทำหน้าที่บางอย่าง เช่น การคำนวณเลขทศนิยมและการประมวลผลกราฟิกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าซอฟต์แวร์ที่ทำงานบน CPU Amazon EC2 มีอินสแตนซ์การประมวลผลแบบเร่งความเร็วสามประเภทคือ อินสแตนซ์การประมวลผล GPU สำหรับการประมวลผลทั่วไป, อินสแตนซ์กราฟิก GPU สำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องใช้กราฟิกอย่างมาก และอินสแตนซ์การประมวลผลฮาร์ดแวร์แบบโปรแกรมได้ FPGA สำหรับเวิร์กโหลดทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูง

ถาม: ฉันควรใช้อินสแตนซ์กราฟิกและประมวลผล GPU เมื่อใด

อินสแตนซ์ GPU ทำงานได้ดีที่สุดสำหรับแอปพลิเคชันที่มีการทำงานคู่ขนานปริมาณมาก เช่น เวิร์กโหลดที่ใช้หลายพันเธรด การประมวลผลกราฟิกเป็นตัวอย่างที่มีข้อกำหนดด้านการประมวลผลปริมาณมาก ซึ่งแต่ละงานมีขนาดค่อนข้างเล็ก ชุดการทำงานที่ทำจะสร้างขั้นตอน และอัตราความเร็วของขั้นตอนนี้มีความสำคัญมากกว่าเวลาแฝงในการทำงานแต่ละอย่าง เพื่อให้สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้ประโยชน์ได้ในระดับการทำงานคู่ขนานนี้ เราต้องการความรู้เฉพาะเกี่ยวกับอุปกรณ์ GPU โดยทำความเข้าใจวิธีการเขียนโปรแกรมกับกราฟิก API ต่างๆ (DirectX, OpenGL) หรือโมเดลการเขียนโปรแกรมประมวลผล GPU (CUDA, OpenCL)

ถาม: แอปพลิเคชันใดบ้างที่ได้รับประโยชน์จาก P4d

แอปพลิเคชันบางอย่างที่เราคาดหมายให้ลูกค้าใช้ P4d คือเวิร์กโหลดแมชชีนเลิร์นนิง (ML) เช่น การทำความเข้าใจภาษาธรรมชาติ, การฝึกฝนโมเดลการรับรู้สำหรับยานพาหนะอัตโนมัติ การจัดหมวดหมู่รูปภาพ การตรวจจับวัตถุ และกลไกการแนะนำ ประสิทธิภาพ GPU ที่เพิ่มขึ้นสามารถลดเวลาที่ใช้ฝึกฝนและหน่วยความจำ GPU เพิ่มเติมจะช่วยลูกค้าฝึกฝนโมเดลที่ใหญ่ขึ้นและซับซ้อนขึ้นได้ ลูกค้า HPC สามารถใช้ประสิทธิภาพการประมวลผลที่เพิ่มขึ้นของ P4 และหน่วยความจำ GPU สำหรับการวิเคราะห์การสั่นไหว, การค้นพบยา, การหาลำดับดีเอ็นเอ และการสร้างโมเดลความเสี่ยงในการประกันภัย

ถาม: อินสแตนซ์ P4d เป็นอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับอินสแตนซ์ P3

อินสแตนซ์ P4 มี A100 Tensor Core GPU รุ่นล่าสุดของ NVIDIA เพื่อให้ประสิทธิภาพ TFLOP เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2.5 เท่าเหนือ V100 รุ่นก่อนหน้าเมื่อใช้ร่วมกับหน่วยความจำ GPU 2.5 เท่า อินสแตนซ์ P4 มี Cascade Lake Intel CPU ที่มี 24C ต่อซ็อกเก็ตและชุดคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับ Vector Neural Network Instructions อินสแตนซ์ P4 จะมีหน่วยความจำระบบรวม 1.5 เท่า และอัตราการส่งข้อมูลเครือข่าย P3dn 4 เท่า หรือ 16 เท่าเมื่อเทียบกับ P3.16xl ความแตกต่างที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ปริมาณการประมวลผลแบบเชื่อมต่อระหว่างกันของ NVSwitch GPU จะช่วยเพิ่มพูนสิ่งที่ P3 ทำได้เป็นทวีคูณ แต่ละ GPU จึงสามารถสื่อสารกับ GPU อื่นๆ ทุกตัวที่ปริมาณการประมวลผลแบบสองทิศทาง 600 GB/วินาทีเท่ากัน โดยมีเวลาแฝงแบบ single-hop ซึ่งทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชันมองว่า GPU หลายตัวและหน่วยความจำเป็น GPU ขนาดใหญ่ตัวเดียวและพูลหน่วยความที่เป็นหนึ่งเดียว นอกจากนี้ ยังมีการนำอินสแตนซ์ P4d มาปรับใช้ในคลัสเตอร์แบบไฮเปอร์สเกลที่ใช้ร่วมกันอย่างใกล้ชิด เรียกกว่า EC2 UltraClusters ซึ่งช่วยให้คุณรันการฝึกฝน ML และแอปพลิเคชัน HPC แบบหลายโหนดที่ซับซ้อนที่สุดได้

ถาม: EC2 UltraClusters คืออะไร และฉันจะรับสิทธิ์เข้าถึงได้อย่างไร

อินสแตนซ์ P4d ถูกนำมาใช้งานในคลัสเตอร์แบบไฮเปอร์สเกลที่เรียกว่า EC2 UltraClusters EC2 UltraCluster แต่ละรายการประกอบด้วย NVIDIA A100 Tensor Core GPU กว่า 4,000 รายการ, ระบบเครือข่ายระดับเพตะบิต และพื้นที่จัดเก็บเวลาแฝงต่ำที่ปรับขนาดได้พร้อม FSx for Lustre EC2 UltraCluster แต่ละรายการเป็นหนึ่งในซูเปอร์คอมพิวเตอร์อันดับต้นๆ ของโลก ไม่ว่าใครก็สามารถรันอินสแตนซ์ P4d เร็วจี๋ใน EC2 SuperClusters ได้อย่างง่ายดาย สำหรับความช่วยเหลือเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา

ถาม: AMI ที่ฉันใช้ใน P3 และ P3dn จะทำงานบน P4 ได้หรือไม่

P4 AMI จะต้องติดตั้งไดรเวอร์ NVIDIA ใหม่สำหรับ A100 GPU และไดรเวอร์ ENA เวอร์ชันใหม่ อินสแตนซ์ P4 ขับเคลื่อนโดย Nitro System และต้องใช้ AMI ที่ติดตั้งไดรเวอร์ NVMe และ ENA นอกจากนี้ P4 ยังมาพร้อมกับ Intel Cascade Lake CPU รุ่นใหม่ ซึ่งมีชุดคำแนะนำที่อัปเดต เราจึงขอแนะนำให้ใช้เฟรมเวิร์ก ML ที่แจกจ่ายล่าสุดซึ่งใช้ประโยชน์จากชุดคำแนะนำใหม่เหล่านี้สำหรับการประมวลผลข้อมูลล่วงหน้า

ถาม: อินสแตนซ์ P3 แตกต่างจากอินสแตนซ์ G3 อย่างไร

อินสแตนซ์ P3 เป็นอินสแตนซ์ประมวลผล GPU EC2 สำหรับงานทั่วไปรุ่นถัดไปที่ขับเคลื่อนด้วย NVIDIA Tesla V100 GPU รุ่นล่าสุดสูงสุด 8 ตัว อินสแตนซ์ใหม่เหล่านี้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถในการปรับขนาดได้อย่างมากและเพิ่มคุณสมบัติใหม่มากมาย รวมทั้งสถาปัตยกรรม Streaming Multiprocessor (SM) สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพ Machine Learning (ML)/Deep Learning (DL) การเชื่อมต่อ GPU ความเร็วสูงของ NVIDIA NVLink รุ่นที่สอง และหน่วยความจำ HBM2 ที่มีการปรับแต่งสูงเพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น

อินสแตนซ์ G3 ใช้ GPU NVIDIA Tesla M60 และมอบแพลตฟอร์มประสิทธิภาพสูงสำหรับแอปพลิเคชันกราฟิกโดยใช้ DirectX หรือ OpenGL NVIDIA Tesla M60 GPUs สนับสนุนคุณลักษณะ NVIDIA GRID Virtual Workstation และการเข้ารหัสฮาร์ดแวร์ H.265 (HEVC) GPU M60 แต่ละตัวในอินสแตนซ์ G3 รองรับจอภาพ 4 จอซึ่งมีความละเอียดสูงถึง 4096x2160 และได้รับอนุญาตให้ใช้ NVIDIA GRID Virtual Workstation สำหรับผู้ใช้ที่ต่อเชื่อมกันพร้อมกันหนึ่งราย แอปพลิเคชันตัวอย่างของอินสแตนซ์ G3 ประกอบด้วยการจัดรูปแบบการแสดงผล 3 มิติ เวิร์กสเตชันระยะไกลที่ใช้กราฟิกมาก การแสดงผลแบบ 3 มิติ การสตรีมมิ่งแอปพลิเคชัน การเข้ารหัสวิดีโอ และตามปริมาณงานด้านกราฟิกฝั่งเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ

ถาม: GPU NVIDIA Volta GV100 มีประโยชน์อะไรบ้าง

ตัวเร่งความเร็วใหม่ NVIDIA Tesla V100 มีการรวม Volta GV100 GPU ใหม่ที่มีประสิทธิภาพไว้ด้วย GV100 ไม่เพียงแต่จะสร้างขึ้นบนการพัฒนาจาก Pascal GP100 GPU รุ่นก่อนเท่านั้น แต่ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการปรับขนาดได้อย่างมาก รวมทั้งเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ ที่ช่วยปรับปรุงความสามารถในการเขียนโปรแกรม ความก้าวหน้าเหล่านี้จะช่วยอัดฉีดประสิทธิภาพของ HPC, ศูนย์ข้อมูล, ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ และระบบ Deep Learning และแอปพลิเคชันต่างๆ

ถาม: ใครจะได้ประโยชน์จากอินสแตนซ์ P3

อินสแตนซ์ P3 ที่มีประสิทธิภาพด้านการประมวลผลสูงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI), แมชชีนเลิร์นนิง (ML), ดีปเลิร์นนิ่ง (DL) และการประมวลผลสมรรถนะสูง (HPC) ผู้ใช้ต่างๆ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, สถาปนิกข้อมูล, นักวิเคราะห์ข้อมูล, นักวิจัยทางวิทยาศาสตร์, วิศวกร ML, ผู้จัดการด้านไอที และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ อุตสาหกรรมหลักต่างๆ ได้แก่ การขนส่ง พลังงาน/น้ำมันและก๊าซ บริการทางการเงิน (ธนาคาร ประกันภัย) การดูแลสุขภาพ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ไอที การค้าปลีก การผลิต เทคโนโลยีขั้นสูง การขนส่ง ภาครัฐ สถาบันการศึกษา และอื่นๆ อีกมากมาย

ถาม: กรณีการใช้งานที่สำคัญของอินสแตนซ์ P3 มีอะไรบ้าง

อินสแตนซ์ P3 ใช้ GPU เพื่อเร่งความเร็วระบบ Deep Learning และแอปพลิเคชันที่หลากหลาย รวมทั้งแพลตฟอร์มรถยนต์อัตโนมัติ คำพูด รูปภาพ และระบบจดจำข้อความ การวิเคราะห์วิดีโออัจฉริยะ การจำลองแบบโมเลกุล การค้นพบยา การวินิจฉัยโรค การพยากรณ์อากาศ การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ การสร้างโมเดลทางการเงิน หุ่นยนต์ โรงงานอัตโนมัติ การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาออนไลน์ และการแนะนำผู้ใช้ที่มีการปรับแต่งส่วนบุคคล และอื่นๆ อีกมากมาย

ถาม: เพราะเหตุใดลูกค้าจึงควรใช้อินสแตนซ์ Amazon P3 ที่ทำงานบน GPU สำหรับ AI/ML และ HPC

อินสแตนซ์การประมวลผลที่ใช้ GPU จะช่วยเพิ่มอัตราความเร็วและประสิทธิภาพเนื่องจากได้รับการออกแบบสำหรับการประมวลผลแบบขนานปริมาณมากโดยใช้แกนประมวลผลพิเศษหลายพันแกนต่อ GPU เทียบกับ CPU ที่มีการประมวลผลตามลำดับโดยใช้ไม่กี่แกน นอกจากนี้ นักพัฒนายังได้สร้างแอปพลิเคชัน HPC ทางวิทยาศาสตร์ซึ่งปรับ GPU ให้เหมาะสมหลายร้อยรายการ เช่น เคมีควอนตัม พลศาสตร์โมเลกุล อุตุนิยมวิทยา และอื่นๆ อีกมากมาย การวิจัยชี้ให้เห็นว่ากว่า 70% ของแอปพลิเคชัน HPC ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดมีการรองรับ GPU ในตัว

ถาม: อินสแตนซ์ G3 แตกต่างจากอินสแตนซ์ P2 อย่างไร

อินสแตนซ์ G3 ใช้ GPU NVIDIA Tesla M60 และมอบแพลตฟอร์มประสิทธิภาพสูงสำหรับแอปพลิเคชันกราฟิกโดยใช้ DirectX หรือ OpenGL NVIDIA Tesla M60 GPUs สนับสนุนคุณลักษณะ NVIDIA GRID Virtual Workstation และการเข้ารหัสฮาร์ดแวร์ H.265 (HEVC) GPU M60 แต่ละตัวในอินสแตนซ์ G3 รองรับจอภาพ 4 จอซึ่งมีความละเอียดสูงถึง 4096x2160 และได้รับอนุญาตให้ใช้ NVIDIA GRID Virtual Workstation สำหรับผู้ใช้ที่ต่อเชื่อมกันพร้อมกันหนึ่งราย แอปพลิเคชันตัวอย่างของอินสแตนซ์ G3 ประกอบด้วยการจัดรูปแบบการแสดงผล 3 มิติ เวิร์กสเตชันระยะไกลที่ใช้กราฟิกมาก การแสดงผลแบบ 3 มิติ การสตรีมมิ่งแอปพลิเคชัน การเข้ารหัสวิดีโอ และตามปริมาณงานด้านกราฟิกฝั่งเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ

อินสแตนซ์ P2 ใช้ NVIDIA Tesla K80 GPU และได้รับการออกแบบมาสำหรับการประมวลผล GPU ทั่วไปโดยใช้โมเดลการเขียนโปรแกรม CUDA หรือ OpenCL อินสแตนซ์ P2 ให้บริการลูกค้าด้วยระบบเครือข่ายแบนด์วิดท์สูง 25 Gbps พร้อมความสามารถด้านจุดลอยตัวแบบความเที่ยงหนึ่งเท่าและสองเท่า และหน่วยความจำโค้ดแก้ไขข้อผิดพลาด (ECC) ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับ Deep Learning ฐานข้อมูลประสิทธิภาพสูง พลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณ การเงินเชิงคำนวณ การวิเคราะห์แผ่นดินไหว การสร้างแบบจำลองโมเลกุล จีโนม การแสดงผล และปริมาณงานประมวลผล GPU ฝั่งเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ

ถาม: อินสแตนซ์ P3 แตกต่างจากอินสแตนซ์ P2 อย่างไร

อินสแตนซ์ P3 เป็นอินสแตนซ์ประมวลผล GPU อเนกประสงค์ EC2 รุ่นถัดไป ที่ขับเคลื่อนด้วย NVIDIA Volta GV100 รุ่นล่าสุด สูงสุด 8 ตัว อินสแตนซ์ใหม่เหล่านี้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถในการปรับขนาดได้อย่างมากและเพิ่มคุณสมบัติใหม่มากมาย รวมทั้งสถาปัตยกรรม Streaming Multiprocessor (SM) เพิ่มประสิทธิภาพมาสำหรับ Machine Learning (ML)/Deep Learning (DL) การเชื่อมต่อ GPU ความเร็วสูงของ NVIDIA NVLink รุ่นที่สอง และหน่วยความจำ HBM2 ที่มีการปรับแต่งสูงเพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น

อินสแตนซ์ P2 ใช้ NVIDIA Tesla K80 GPU และได้รับการออกแบบมาสำหรับการประมวลผล GPU ทั่วไปโดยใช้โมเดลการเขียนโปรแกรม CUDA หรือ OpenCL ส่วนอินสแตนซ์ P2 จะมอบระบบเครือข่ายแบนด์วิธสูง 25 Gbps พร้อมความสามารถด้านจุดลอยตัวแบบความเที่ยงตรงหนึ่งเท่าและสองเท่า และหน่วยความจำโค้ดแก้ไขข้อผิดพลาด (ECC)

ถาม: อินสแตนซ์ GPU ด้านกราฟิกและประมวลผลรองรับ API และโมเดลการเขียนโปรแกรมใดบ้าง

อินสแตนซ์ P3 รองรับ CUDA 9 และ OpenCL, อินสแตนซ์ P2 รองรับ CUDA 8 และ OpenCL 1.2 และอินสแตนซ์ G3 รองรับ DirectX 12, OpenGL 4.5, CUDA 8 และ OpenCL 1.2

ถาม: ฉันจะหาไดรเวอร์ NVIDIA สำหรับอินสแตนซ์ P3 และอินสแตนซ์ G3 ได้จากที่ใด

มีสองวิธีการที่สามารถหาไดรเวอร์ของ NVIDIA ได้ โดยมีรายการใน AWS Marketplace ซึ่งมี Amazon Linux AMI และ Windows Server AMI ที่ติดตั้งไดรเวอร์ NVIDIA ไว้ล่วงหน้าแล้ว นอกจากนี้ คุณยังสามารถเปิดใช้ HVM AMI แบบ 64 บิต และติดตั้งไดรเวอร์ได้ด้วยตนเองอีกด้วย คุณต้องไปที่เว็บไซต์ไดรเวอร์ของ NVIDIA และค้นหา NVIDIA Tesla V100 สำหรับอินสแตนซ์ P3, NVIDIA Tesla K80 สำหรับอินสแตนซ์ P2 และ NVIDIA Tesla M60 สำหรับอินสแตนซ์ G3

ถาม: ฉันจะสามารถใช้อินสแตนซ์ AMI กับ P3, P2 และ G3 ได้อย่างไร

ขณะนี้คุณสามารถใช้ AMI ของ Windows Server, SUSE Enterprise Linux, Ubuntu และ Amazon Linux บนอินสแตนซ์ P2 และอินสแตนซ์ G3 ได้ อินสแตนซ์ P3 จะสนับสนุน HVM AMI เท่านั้น หากคุณต้องการเปิดใช้ AMI กับระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้ระบุไว้ที่นี่ โปรดติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าของ AWS พร้อมคำขอของคุณ หรือติดต่อผ่านฟอรัม EC2

ถาม: อินสแตนซ์ G2 และอินสแตนซ์ G3 จำเป็นต้องมีสิทธิ์การใช้งานของบุคคลที่สามหรือไม่

นอกเหนือจากไดรเวอร์ NVIDIA และ GRID SDK แล้ว การใช้อินสแตนซ์ G2 และอินสแตนซ์ G3 ไม่จำเป็นต้องมีสิทธิ์การใช้งานใดๆ ของบุคคลที่สาม อย่างไรก็ตาม คุณมีหน้าที่รับผิดชอบในการพิจารณาว่าเนื้อหาหรือเทคโนโลยีของคุณที่ใช้ในอินสแตนซ์ G2 และอินสแตนซ์ G3 ต้องการการออกสิทธิ์การใช้งานเพิ่มเติมหรือไม่ ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังสตรีมเนื้อหาคุณอาจต้องการสิทธิ์การใช้งานสำหรับเนื้อหานั้นบางส่วนหรือทั้งหมด หากคุณใช้เทคโนโลยีของบุคคลที่สาม เช่น ระบบปฏิบัติการ โปรแกรมเข้ารหัสเสียงและ/หรือวิดีโอ และตัวถอดรหัสจาก Microsoft, Thomson, Fraunhofer IIS, Sisvel S.p.A., MPEG-LA และ Coding Technologies โปรดปรึกษาผู้ให้บริการเหล่านี้เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องมีสิทธิ์การใช้งานหรือไม่ ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้โปรแกรมเข้ารหัสวิดีโอ h.264 บน NVIDIA GRID GPU คุณควรติดต่อกับ MPEG-LA เพื่อขอคำแนะนำ และหากคุณใช้เทคโนโลยี mp3 คุณควรติดต่อ Thomson เพื่อขอคำแนะนำ

ถาม: เหตุใดฉันจึงไม่มีคุณสมบัติ NVIDIA GRID ในอินสแตนซ์ G3 ซึ่งใช้ไดรเวอร์ที่ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของ NVIDIA

NVIDIA Tesla M60 GPU ที่ใช้ในอินสแตนซ์ G3 จำเป็นต้องมีไดรเวอร์ NVIDIA GRID แบบพิเศษเพื่อให้สามารถใช้คุณสมบัติกราฟิกขั้นสูงทั้งหมด และการรองรับจอภาพ 4 ตัวที่ความละเอียดสูงสุด 4096x2160 ได้ คุณต้องใช้ AMI ที่ติดตั้งไดรเวอร์ NVIDIA GRID ไว้ หรือดาวน์โหลดและติดตั้งไดรเวอร์ NVIDIA GRID ตามเอกสารประกอบของ AWS

ถาม: เหตุใดฉันจึงไม่เห็น GPU เมื่อใช้ Microsoft Remote Desktop

เมื่อใช้ Remote Desktop อยู่นั้น GPU ที่ใช้ไดรเวอร์ WDDM จะถูกแทนที่ด้วยไดรเวอร์แสดงผล Remote Desktop ที่ไม่มีการเร่งความเร็ว เพื่อเข้าถึงฮาร์ดแวร์ GPU ของคุณ คุณจำเป็นต้องใช้เครื่องมือการเข้าถึงระยะไกลอื่นๆ เช่น VNC

ถาม: Amazon EC2 F1 คืออะไร

Amazon EC2 F1 เป็นอินสแตนซ์การประมวลผลที่มีฮาร์ดแวร์แบบโปรแกรมได้ที่คุณสามารถใช้สำหรับการเร่งความเร็วแอปพลิเคชัน ประเภทอินสแตนซ์ใหม่ F1 ให้ประสิทธิภาพที่สูงและง่ายต่อการเข้าถึง FPGA สำหรับการพัฒนาและปรับใช้การเร่งความเร็วฮาร์ดแวร์แบบกำหนดเอง

ถาม: FPGA คืออะไร และทำไมฉันจึงต้องใช้

FPGA เป็นวงจรรวมแบบโปรแกรมได้ซึ่งคุณสามารถกำหนดค่าได้โดยใช้ซอฟต์แวร์ เมื่อใช้ FPGA คุณสามารถเร่งความเร็วแอปพลิเคชันได้ถึง 30 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ CPU เพียงอย่างเดียว นอกจากนั้น FPGA ยังสามารถโปรแกรมใหม่ได้เพื่อมอบความยืดหยุ่นในการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการเร่งความเร็วฮาร์ดแวร์ของคุณโดยไม่ต้องออกแบบฮาร์ดแวร์ใหม่

ถาม: โซลูชัน F1 เป็นอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับ FPGA แบบดั้งเดิม

F1 เป็นอินสแตนซ์ AWS ที่มีฮาร์ดแวร์แบบโปรแกรมได้สำหรับการเร่งความเร็วแอปพลิเคชัน เมื่อใช้ F1 คุณจะสามารถเข้าถึงฮาร์ดแวร์ FPGA ได้โดยคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง ทำให้ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนา FPGA แบบเต็มรูปแบบ และลดเวลาการปรับใช้การปรับขนาดงานจากระยะเวลาหลักเดือนหรือปี เป็นระยะเวลาหลักวัน แม้ว่าเทคโนโลยี FPGA จะมีมาหลายทศวรรษแล้ว แต่การนำการเร่งความเร็วแอปพลิเคชันมาใช้งานก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จทั้งในด้านการพัฒนาตัวเร่งความเร็วและรูปแบบธุรกิจในการขายฮาร์ดแวร์ที่กำหนดเองสำหรับองค์กรแบบดั้งเดิม เนื่องจากเวลาและต้นทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การออกแบบฮาร์ดแวร์ และการปรับใช้งานตามขนาด ด้วยข้อเสนอนี้ ลูกค้าสามารถหลีกเลี่ยงการแบกรับภาระหนักที่ไม่มีความแตกต่าง ซึ่งเชื่อมโยงกับการพัฒนา FPGA ในศูนย์ข้อมูลในองค์กร

ถาม: Amazon FPGA Image (AFI) คืออะไร

การออกแบบที่คุณสร้างขึ้นเพื่อโปรแกรม FPGA ของคุณเรียกว่า Amazon FPGA Image (AFI) AWS ให้บริการเพื่อลงทะเบียน จัดการ คัดลอก สืบค้น และลบ AFI หลังจากสร้าง AFI แล้ว จะสามารถโหลดได้ในอินสแตนซ์ F1 ที่เรียกใช้อยู่ คุณสามารถโหลด AFI จำนวนมากไปยังอินสแตนซ์ F1 เดียวกัน และสามารถสลับระหว่าง AFI ในเรียกใช้ไทม์ได้โดยไม่ต้องรีบูต ซึ่งช่วยให้คุณสามารถทดสอบและเรียกใช้การเร่งความเร็วฮาร์ดแวร์ได้อย่างรวดเร็วในลำดับที่รวดเร็ว นอกจากนี้คุณยังสามารถนำเสนอการรวมการเร่งความเร็ว FPGA และ AMI กับซอฟต์แวร์ที่กำหนดเองหรือไดรเวอร์ AFI ให้ลูกค้ารายอื่นๆ ใน AWS Marketplace ได้

ถาม: ฉันจะลงรายการเร่งความเร็วฮาร์ดแวร์ของฉันใน AWS Marketplace ได้อย่างไร

คุณจะต้องพัฒนา AFI และไดรเวอร์/เครื่องมือซอฟต์แวร์เพื่อใช้ AFI นี้ จากนั้นคุณจะต้องบรรจุไดรเวอร์/เครื่องมือซอฟต์แวร์เหล่านี้ลงใน Amazon Machine Image (AMI) ในรูปแบบที่เข้ารหัส AWS จะจัดการ AFI ทั้งหมดในรูปแบบที่เข้ารหัสที่คุณระบุ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับรหัสของคุณ หากต้องการขายผลิตภัณฑ์ใน AWS Marketplace คุณหรือบริษัทของคุณต้องลงชื่อสมัครใช้งานเพื่อเป็นผู้ค้าปลีกของ AWS Marketplace จากนั้นคุณจะต้องส่ง AMI ID และ AFI ID ที่จัดทำขึ้นเพื่อบรรจุในผลิตภัณฑ์เดียว AWS Marketplace จะดูแลการโคลน AMI และ AFI เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ และเชื่อมโยงรหัสผลิตภัณฑ์กับสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ เช่น ผู้ใช้ปลายทางรายใดบ้างที่สมัครรับรหัสผลิตภัณฑ์นี้จะสามารถเข้าถึง AMI และ AFI ได้

ถาม: มีอะไรที่สามารถใช้ได้กับอินสแตนซ์ F1 บ้าง

สำหรับนักพัฒนานั้น AWS จะมีชุด Hardware Development Kit (HDK) เพื่อช่วยเร่งความเร็วในวงจรการพัฒนา, FPGA Developer AMI สำหรับการพัฒนาในระบบคลาวด์, SDK สำหรับ AMI ที่เรียกใช้อินสแตนซ์ F1 และชุด API เพื่อลงทะเบียน จัดการ คัดลอก สืบค้น และลบ AFI ได้ ทั้งนักพัฒนาและลูกค้าสามารถเข้าถึง AWS Marketplace ซึ่งสามารถลงรายการและซื้อ AFI เพื่อใช้ในการเร่งความเร็วแอปพลิเคชันได้

ถาม: ฉันต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ FPGA เพื่อใช้อินสแตนซ์ F1 หรือไม่

ลูกค้า AWS ที่สมัครใช้ AMI ที่ได้รับการปรับให้เหมาะกับ F1 จาก AWS Marketplace ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับ FPGA เพื่อใช้ประโยชน์จากการเร่งความเร็วที่มาจากอินสแตนซ์ F1 และ AWS Marketplace เพียงสมัครใช้ AMI ที่ได้รับการปรับให้เหมาะกับ F1 จาก AWS Marketplace ด้วยการเร่งความเร็วที่ตรงกับตามปริมาณงาน AMI มีซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการใช้การเร่งความเร็ว FPGA ลูกค้าเพียงแค่เขียนซอฟต์แวร์ให้สอดคล้องกับ API เฉพาะสำหรับตัวเร่งความเร็วดังกล่าว และเริ่มใช้ตัวเร่งความเร็วได้เลย

ฉันเป็นนักพัฒนา FPGA ฉันจะเริ่มต้นใช้งานอินสแตนซ์ F1 ได้อย่างไร

นักพัฒนาสามารถเริ่มต้นใช้งานอินสแตนซ์ F1 ได้ด้วยการสร้างบัญชี AWS และดาวน์โหลด AWS Hardware Development Kit (HDK) HDK ประกอบด้วยเอกสารประกอบ F1, อินเทอร์เฟซ FPGA ภายใน และสคริปต์คอมไพเลอร์สำหรับสร้าง AFI Developer สามารถเริ่มเขียนโค้ด FPGA ไปยังอินเทอร์เฟซที่มีการจัดทำเป็นเอกสารไว้ใน HDK เพื่อสร้างฟังก์ชันการเร่งความเร็วได้ Developer สามารถเปิดใช้อินสแตนซ์ AWS กับ FPGA Developer AMI AMI นี้มีเครื่องมือในการพัฒนาที่จำเป็นในการคอมไพล์และจำลองโค้ด FPGA Developer AMI เรียกใช้ได้ดีที่สุดบนอินสแตนซ์ C5, อินสแตนซ์ M5 หรืออินสแตนซ์ R4 ล่าสุด นักพัฒนาควรมีประสบการณ์ในภาษาการเขียนโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างโค้ด FPGA (ซึ่งก็คือ Verilog หรือ VHDL) และเข้าใจถึงการดำเนินการที่พวกเขาต้องการเร่งความเร็ว

ถาม: ฉันไม่ได้เป็นนักพัฒนา FPGA แล้วฉันจะเริ่มต้นใช้งานอินสแตนซ์ F1 ได้อย่างไร

ลูกค้าสามารถเริ่มต้นใช้งานอินสแตนซ์ F1 โดยเลือกตัวเร่งความเร็วจาก AWS Marketplace ซึ่งให้บริการโดยผู้ขาย AWS Marketplace และเปิดใช้อินสแตนซ์ F1 กับ AMI ดังกล่าว AMI มีซอฟต์แวร์และ API สำหรับตัวเร่งความเร็วดังกล่าวทั้งหมด AWS จะจัดการการเขียนโปรแกรม FPGA ด้วย AFI สำหรับตัวเร่งความเร็วนั้น ลูกค้าไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์หรือความรู้เกี่ยวกับ FPGA เพื่อใช้ตัวเร่งความเร็วเหล่านี้ เพราะพวกเขาสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ที่ระดับ API ของซอฟต์แวร์สำหรับตัวเร่งความเร็วนั้นอยู่แล้ว

ถาม: AWS มีชุดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาใช่หรือไม่

ใช่ Hardware Development Kit (HDK) ประกอบด้วยเครื่องมือจำลองและโมเดลจำลองสำหรับ Developer เพื่อจำลอง แก้จุดบกพร่อง สร้าง และลงทะเบียนโค้ดเร่งความเร็ว HDK ประกอบด้วยตัวอย่างโค้ด คอมไพล์สคริปต์ อินเทอร์เฟซแก้จุดบกพร่อง และเครื่องมืออื่นๆ อีกมากมายที่คุณต้องใช้พัฒนาโค้ด FPGA สำหรับอินสแตนซ์ F1 คุณสามารถใช้ HDK ได้ใน AMI ที่ให้มากับ AWS หรือในสภาพแวดล้อมการพัฒนาในองค์กรของคุณ โมเดลและสคริปต์เหล่านี้มีให้ใช้แบบสาธารณะพร้อมกับบัญชี AWS

ถาม: ฉันสามารถใช้ HDK ในสภาพแวดล้อมการพัฒนาในองค์กรของฉันได้หรือไม่

ใช่ คุณสามารถใช้ Hardware Development Kit HDK ได้ใน AMI ที่ให้มากับ AWS หรือในสภาพแวดล้อมการพัฒนาในองค์กรของคุณ

ถาม: ฉันสามารถเพิ่ม FPGA ในประเภท EC2 Instance ได้หรือไม่

ไม่ได้ อินสแตนซ์ F1 มีสองขนาดคือ f1.2xlarge, f1.4xlarge และ f1.16xlarge

ถาม: ฉันจะใช้งานชิป Inferentia ในอินสแตนซ์ Inf1 ได้อย่างไร

คุณสามารถเริ่มเวิร์กโฟลว์ของคุณได้โดยการสร้างและฝึกฝนโมเดลของคุณในหนึ่งในเฟรมเวิร์กแมชชีนเลิร์นนิ่งที่ได้รับความนิยม เช่น TensorFlow, PyTorch หรือ MXNet โดยใช้อินสแตนซ์ GPU เช่น P4, P3 หรือ P3dn เมื่อฝึกฝนโมเดลจนได้ระดับความถูกต้องที่ต้องการแล้ว คุณสามารถใช้งาน API ของเฟรมเวิร์กแมชชีนเลิร์นนิ่งเพื่อเรียกใช้ Neuron ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อรวบรวมโมเดลสำหรับปฏิบัติการบนชิป Inferentia โหลดโมเดลไปยังหน่วยความจำของ Inferentia จากนั้นดำเนินการเรียกใช้การอนุมาน หากต้องการเริ่มต้นใช้งานอย่างรวดเร็ว คุณสามารถใช้ AWS Deep Learning AMIs ที่ได้รับการติดตั้งเฟรมเวิร์ก ML และ Neuron SDK ไว้ล่วงหน้าแล้ว หากต้องการได้รับประสบการณ์การใช้งานที่มีการจัดการเต็มรูปแบบ คุณสามารถใช้งาน Amazon SageMaker ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถปรับใช้โมเดลที่ฝึกฝนแล้วบนอินสแตนซ์ Inf1 ได้อย่างราบรื่น

ถาม: ฉันต้องใช้งานอินสแตนซ์ Inf1 กับ C6i หรือ C5 กับ อินสแตนซ์ G4 สำหรับการอนุมานเมื่อใด

ลูกค้าที่ใช้งานโมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่งที่อ่อนไหวต่อเวลาแฝงและปริมาณการประมวลผลในการอนุมานสามารถใช้งานอินสแตนซ์ Inf1 เพื่อให้การอนุมานมีประสิทธิภาพและไม่สิ้นเปลืองต้นทุน สำหรับโมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่งที่ไม่อ่อนไหวต่อเวลาแฝงและปริมาณการประมวลผลในการอนุมานมากนัก ลูกค้าสามารถใช้อินสแตนซ์ EC2 C6i หรือ C5 และชุดคำแนะนำ AVX-512/VNNI ได้ สำหรับโมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่งที่ต้องอาศัยการเข้าถึงไลบรารี CUDA, CuDNN หรือ TensorRT ของ NVIDIA เราแนะนำให้คุณใช้งานอินสแตนซ์ G4

คุณลักษณะของโมเดลและไลบรารีที่ใช้ EC2 Inf1 EC2 C6i หรือ C5 EC2 G4
โมเดลที่ได้รับประโยชน์จากเวลาแฝงต่ำและปริมาณการประมวลผลสูงที่มีต้นทุนไม่มาก X    
โมเดลที่ไม่อ่อนไหวต่อเวลาแฝงและปริมาณการประมวลผล X  
โมเดลที่ต้องใช้ไลบรารีนักพัฒนาของ NVIDIA X

ถาม: ฉันควรเลือกใช้งานอินสแตนซ์ Elastic Inference (EI) สำหรับการอนุมานหรือ Amazon EC2 Inf1 เมื่อใด

มีสองกรณีที่นักพัฒนาควรเลือกใช้อินสแตนซ์ EI แทนที่จะใช้อินสแตนซ์ Inf1 ได้แก่ (1) หากคุณต้องการขนาดซีพียูและหน่วยความจำอื่นนอกเหนือจากที่อินสแตนซ์ Inf1 มี โดยคุณสามารถใช้ EI เพื่อติดตั้งตัวเร่งความเร็วไปยัง EC2 instance ด้วยซีพียูและหน่วยความจำที่คุณต้องการสำหรับแอปพลิเคชันของคุณ (2) หากความต้องการด้านประสิทธิภาพการทำงานของคุณต่ำกว่าระดับที่อินสแตนซ์ Inf1 ที่เล็กที่สุดมอบให้ คุณก็สามารถเลือกใช้ EI เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุนได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเพียง 5 TOPS ซึ่งเพียงพอต่อการประมวลผล 6 สตรีมวิดีโอพร้อมกันแล้ว คุณสามารถใช้งาน EI ส่วนที่เล็กที่สุดควบคู่กับอินสแตนซ์ C5 ขนาดใหญ่ ซึ่งจะประหยัดต้นทุนได้ถึง 50% เมื่อเทียบกับการใช้อินสแตนซ์ Inf1 ที่ขนาดเล็กที่สุด

ถาม: ประเภทและตัวปฏิบัติการโมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่งใดที่อินสแตนซ์ EC2 Inf1 รองรับโดยใช้งานชิป Inferentia

ชิป Inferentia รองรับโมเดลของแมชชีนเลิร์นลิ่งที่ใช้บ่อยหลายตัว เช่น Single Shot Detector (SSD) และ ResNet สำหรับการจดจำ/จัดหมวดหมู่ภาพ เช่นเดียวกับ Transformer และ BERT สำหรับการประมวลผลภาษาธรรมชาติและการแปล และอื่นๆ สามารถหารายการหน่วยปฏิบัติการที่รองรับได้บน GitHub

ถาม: ฉันจะใช้ประโยชน์จากความสามารถ NeuronCore Pipeline ของ AWS Inferentia เพื่อลดเวลาแฝงได้อย่างไร

อินสแตนซ์ Inf1 ที่มีชิป Inferentia หลายตัว เช่น Inf1.6xlarge หรือ Inf1.24xlarge ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อระหว่างชิปที่รวดเร็ว เมื่อใช้ Neuron Processing Pipeline คุณจะสามารถแบ่งโมเดลของคุณและโหลดหน่วยความจำแคชเข้าไปในชิปหลายตัวได้ ตัวคอมไพล์ Neuron จะใช้งานเทคนิคการคอมไพล์ Ahead-of-Time (AOT) เพื่อวิเคราะห์โมเดลอินพุตและคอมไพล์โมเดลเพื่อให้สามารถเข้ากันกับหน่วยความจำบนชิปของชิป Inferentia เดี่ยวหรือหลายตัวได้ เมื่อดำเนินการเช่นนี้ คอร์ของ Neuron ก็จะสามารถเข้าถึงโมเดลต่างๆ ได้ด้วยความเร็วสูง และไม่จำเป็นต้องอาศัยการเข้าถึงหน่วยความจำนอกชิป และไม่ต้องขึ้นกับเวลาแฝงและสามารถเพิ่มปริมาณการประมวลผลของอนุมานโดยรวมได้อีกด้วย

ถาม: AWS Neuron และ Amazon SageMaker Neo ต่างกันอย่างไร

AWS Neuron คือ SDK เฉพาะทางสำหรับชิป AWS Inferentia ที่เพิ่มประสิทธิภาพการอนุมานของแมชชีนเลิร์นนิ่งของชิป Inferentia โดยประกอบไปด้วยคอมไพล์เลอร์ รันไทม์ และเครื่องมือสร้างโปรไฟล์สำหรับ AWS Inferentia และจะต้องรันปริมาณงานการอนุมานบนอินสแตนซ์ EC2 Inf1 ในทางกลับกัน Amazon SageMaker Neo เป็นบริการที่สามารถทำงานได้ทุกฮาร์ดแวร์ซึ่งประกอบไปด้วยตัวรวมและเวลาใช้งานที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถฝึกฝนโมเดลแมชชีนเลิร์นนิงและเปิดใช้งานโมเดลเหล่านั้นบนแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์ที่หลากหลายได้  

ถาม: Traininum chip สามารถใช้งาน Trn1 อินสแตนซ์ได้อย่างไร

ชุดโปรแกรม Trainium AWS Neuron SDK ทำงานร่วมกับเฟรมเวิร์ก ML ชั้นนำ เช่น PyTorch และ TensorFlow ให้คุณเริ่มต้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโค้ดจำนวนมาก ในการเริ่มอย่างรวดเร็ว คุณสามารถใช้ AWS Deep Learning AMIsและ AWS Deep Learning Containers ซึ่งมาพร้อมกับ AWS Neuron ถ้าคุณใช้งานแอปพลิเคชันที่คอนเทนเนอร์ คุณสามารถนำ AWS Neuron ไปใช้โดยใช้ Amazon Elastic Container Service (Amazon ECS) Amazon Elastic Kubernetes Service (Amazon EKS) หรือกลไกคอนเทนเนอร์ของคุณเอง AWS Neuron ยังรับรองการใช้งาน Amazon SageMaker ที่ให้คุณสร้าง ฝึก และนำโมเดลแมชชีนเลิร์นนิงไปติดตั้งใช้งาน

ถาม: โมเดลดีปเลิร์นนิงที่ฝึกบน Trn1 สามารถนำไปใช้ได้ที่ไหนบ้าง

คุณสามารถนำโมเดลดีปเลิร์นนิงที่ฝึกบนอินสแตนซ์ Trn1 ไปใช้ได้กับอินแสตนซ์ Amazon EC2 ที่รับรองเคสดีปเลิร์นนิง รวมถึงอินแสตนซ์บน CPUs GPUs และอื่น ๆ ด้วย คุณสามารถนำโมเดลที่ฝึกบนอินสแตนซ์ Trn1 ไปใช้นอก AWS ได้เช่นกัน เช่นในศูนย์ข้อมูลในองค์กร หรือในเครื่องมือ Edge ต่างๆ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถฝึกโมเดลบนอินสแตนซ์ Trn1 และนำไปใช้บนอินแสตนซ์ Inf1 G5 G4 หรืออุปกรณ์ Edge

ถาม: อินแสตนซ์ Trn1 บนอินสแตนซ์ GPU สามารถนำไปใช้กับการฝึกโมเดล ML ได้เมื่อไร

อินสแตนซ์ Trn1 เหมาะสมอย่างยิ่งกับกรณีการใช้งานการฝึกฝนการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) และโมเดลคอมพิวเตอร์วิชัน (CV) อินสแตนซ์ Trn1 มุ่งเน้นไปที่การเร่งการฝึกฝนโมเดลเพื่อส่งมอบประสิทธิภาพสูงในขณะที่ลดต้นทุนการฝึกฝนโมเดลของคุณด้วย หากคุณมีโมเดล ML ที่ต้องการไลบรารีหรือภาษาที่มีกรรมสิทธิ์ของบุคคลที่สาม เช่น NVIDIA CUDA, CUDA Deep Neural Network (cuDNN) หรือไลบรารี TensorRT เราแนะนำให้ใช้อินสแตนซ์ NVIDIA ที่ใช้ GPU (P4, P3)

อินสแตนซ์ที่ขยายได้

ถาม: อินสแตนซ์ที่ขยายประสิทธิภาพได้มีความแตกต่างอย่างไร

Amazon EC2 ช่วยให้คุณสามารถเลือกระหว่างอินสแตนซ์ประสิทธิภาพคงที่ (กลุ่มประเภทอินสแตนซ์ C M และ R) และอินสแตนซ์ที่ขยายประสิทธิภาพได้ (เช่น T2) อินสแตนซ์ขยายประสิทธิภาพได้ให้ประสิทธิภาพ CPU ระดับพื้นฐานพร้อมความสามารถในการขยายที่เหนือกว่าระดับพื้นฐาน

ประสิทธิภาพพื้นฐานและความสามารถในการขยายของอินสแตนซ์ T2 จะถูกควบคุมโดยเครดิต CPU แต่ละอินสแตนซ์ T2 จะได้รับ CPU Credit อย่างต่อเนื่อง โดยอัตราที่รับจะขึ้นอยู่กับขนาดของอินสแตนซ์ดังกล่าว อินสแตนซ์ T2 จะสะสม CPU Credit เมื่อไม่ได้ทำงาน และจะใช้ CPU Credit เมื่อทำงาน CPU Credit 1 หน่วยจะทำให้แกนประมวลผล CPU ทำงานอย่างเต็มที่เป็นเวลา 1 นาที 

รุ่น

vCPU

CPU Credit/ชั่วโมง

ยอด CPU Credit สูงสุด

ประสิทธิภาพ CPU พื้นฐาน

t2.nano 1 3 72 5% ของแกน

t2.micro

1

6

144

10% ของแกน

t2.small

1

12

288

20% ของแกน

t2.medium

2

24

576

40% ของแกน*

t2.large 2 36 864 60% ของแกน**

t2.xlarge

4

54

1,296

90% ของแกน***

t2.2xlarge

8

81

1,944

135% ของแกนประมวลผล****

* สำหรับ t2.medium การใช้งานแบบเธรดเดี่ยวจะสามารถใช้งาน 40% ของ 1 แกน หรือหากจำเป็น การใช้งานแบบมัลติเธรดจะสามารถใช้งาน 20% ของทั้งสองแกน

** สำหรับ t2.large การใช้งานแบบเธรดเดี่ยวจะสามารถใช้งาน 60% ของ 1 แกน หรือหากจำเป็น การใช้งานแบบมัลติเธรดจะสามารถใช้งาน 30% ของทั้งสองแกน

*** สำหรับ t2.xlarge การใช้งานแบบเธรดเดี่ยวจะสามารถใช้งาน 90% ของ 1 แกน หรือหากจำเป็น การใช้งานแบบมัลติเธรดจะสามารถใช้งาน 45% ของทั้ง 2 แกน หรือ 22.5% ของทั้ง 4 แกน

**** สำหรับ t2.2xlarge การใช้งานแบบเธรดเดี่ยวจะสามารถใช้งาน 1 แกนได้ทั้งหมด หรือหากจำเป็น การใช้งานแบบมัลติ เธรดจะสามารถใช้งาน 67.5% ของทั้ง 2 แกน หรือ 16.875% ของทั้ง 8 แกน

ถาม: ฉันจะเลือก Amazon Machine Image (AMI) สำหรับอินสแตนซ์ T2 ที่เหมาะสมได้อย่างไร

คุณจะต้องตรวจสอบว่าหน่วยความจำขั้นต่ำที่ต้องการของระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันไม่เกินหน่วยความจำที่จัดสรรให้กับอินสแตนซ์ T2 แต่ละขนาด (เช่น 512 MiB สำหรับ t2.nano) ระบบปฏิบัติการที่มี Graphical User Interface (GUI) ที่ใช้งานหน่วยความจำและ CPU อย่างจริงจัง เช่น Microsoft Windows อาจต้องการอินสแตนซ์ t2.micro หรือขนาดใหญ่กว่าสำหรับกรณีใช้งานหลายๆ กรณี คุณสามารถค้นหา AMI ที่เหมาะสำหรับประเภทอินสแตนซ์ t2.nano ได้บน AWS Marketplace ลูกค้า Windows ที่ไม่ต้องการ GUI สามารถใช้ Microsoft Windows Server 2012 R2 Core AMI ได้

ถาม: ฉันควรเลือกใช้อินสแตนซ์ที่ขยายประสิทธิภาพได้ เช่น T2 เมื่อใด

อินสแตนซ์ T2 เป็นแพลตฟอร์มที่คุ้มค่าสำหรับปริมาณงานในงานทั่วไปหลากหลายประเภท อินสแตนซ์ T2 แบบไม่จำกัดสามารถรักษาระดับประสิทธิภาพของ CPU ได้นานเท่าที่จำเป็น หากเวิร์กโหลดของคุณต้องการการใช้งาน CPU ที่สูงกว่าค่าพื้นฐานมากอย่างต่อเนื่อง ให้พิจารณาใช้อินสแตนซ์ CPU เฉพาะ เช่น M หรือ C

ถาม: ฉันจะดูยอด CPU Credit สำหรับอินสแตนซ์ T2 แต่ละตัวได้อย่างไร

คุณสามารถดูยอด CPU Credit สำหรับอินสแตนซ์ T2 แต่ละตัวได้ในเมตริกซ์ต่ออินสแตนซ์ของ EC2 ใน Amazon CloudWatch อินสแตนซ์ T2 มีเมตริกซ์ 4 ตัว ได้แก่ CPUCreditUsage, CPUCreditBalance, CPUSurplusCreditBalance และ CPUSurplusCreditsCharged CPUCreditUsage ระบุ CPU Credit ที่ใช้ไป CPUCreditBalance ระบุยอด CPU Credit CPUSurplusCredit Balance ระบุเครดิตที่ใช้สำหรับการทำงานฉับพลันในกรณีที่ไม่มีเครดิตที่ได้รับ CPUSurplusCreditsCharged ระบุเครดิตที่จะเรียกเก็บเมื่อใช้งานเฉลี่ยเกินกว่าเกณฑ์พื้นฐาน

ถาม: จะเกิดอะไรขึ้นกับประสิทธิภาพของ CPU ถ้าอินสแตนซ์ T2 ของฉันเหลือเครดิตน้อย (ยอด CPU Credit ใกล้เป็นศูนย์)

ถ้าอินสแตนซ์ T2 ของคุณมียอด CPU Credit เป็นศูนย์ ประสิทธิภาพจะยังคงอยู่ที่ประสิทธิภาพของ CPU ระดับพื้นฐาน ตัวอย่างเช่น t2.micro ให้ประสิทธิภาพระดับพื้นฐานของ CPU ที่ 10% ของแกน CPU จริง ถ้ายอด CPU Credit ของคุณเกือบเป็นศูนย์ ประสิทธิภาพของ CPU จะลดลงเป็นประสิทธิภาพระดับพื้นฐานในช่วงเวลา 15 นาที

ถาม: ยอดเครดิตอินสแตนซ์ T2 ของฉันจะยังคงมีอยู่ขณะหยุด/เริ่มการทำงานหรือไม่

ไม่ อินสแตนซ์ที่หยุดทำงานจะไม่รักษายอดเครดิตคงเหลือที่ได้รับก่อนหน้านี้

ถาม: สามารถซื้ออินสแตนซ์ T2 เป็นอินสแตนซ์แบบเหมาจ่ายหรืออินสแตนซ์ Spot ได้หรือไม่

สามารถซื้ออินสแตนซ์ T2 ในแบบอินสแตนซ์ตามความต้องการ อินสแตนซ์แบบเหมาจ่าย หรืออินสแตนซ์ Spot

ถาม: อินสแตนซ์ Amazon EC2 T4g คืออะไร

อินสแตนซ์ Amazon EC2 T4g คืออินสแตนซ์สำหรับงานทั่วไปรุ่นใหม่ที่สามารถขยายได้ซึ่งขับเคลื่อนโดยตัวประมวลผล AWS Graviton2 แบบ Arm อินสแตนซ์ T4g มอบความคุ้มค่ามากขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ T3 อินสแตนซ์ดังกล่าวสร้างบน AWS Nitro System ซึ่งเป็นการผสมรวมฮาร์ดแวร์เฉพาะและไฮเปอร์ไวเซอร์ Nitro เข้าด้วยกัน

ถาม: กรณีการใช้งานที่เหมาะกับอินสแตนซ์ T4g ที่สุดมีอะไรบ้าง

อินสแตนซ์ T4g มอบความคุ้มค่ามากขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ T3 สำหรับเวิร์กโหลดที่ขยายได้สำหรับงานทั่วไปหลากหลายประเภท เช่น ไมโครเซอร์วิส แอปพลิเคชันเชิงโต้ตอบที่มีเวลาแฝงต่ำ ฐานข้อมูลขนาดเล็กและขนาดกลาง เดสก์ท็อปเสมือน สภาพแวดล้อมการพัฒนา ที่เก็บโค้ด และแอปพลิเคชันที่สำคัญต่อธุรกิจ ลูกค้าที่ปรับใช้แอปพลิเคชันที่สร้างบนซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์สในกลุ่มอินสแตนซ์ T จะทราบดีว่าอินสแตนซ์ T4g เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการระบุประสิทธิภาพที่คุ้มราคาที่สุด นักพัฒนาแบบ Arm ยังสามารถสร้างแอปพลิเคชันได้โดยตรงบนฮาร์ดแวร์ Arm แบบเนทีฟเพราะไม่จำเป็นต้องรวบรวมหรือจำลองข้ามคลาวด์

ถาม: ลูกค้าสามารถขอรับสิทธิ์การเข้าถึงเพื่อทดลองใช้ T4g ฟรีได้อย่างไร

ลูกค้า AWS ทุกรายจะได้รับการลงทะเบียนทดลองใช้ T4g ฟรีโดยอัตโนมัติจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2024 ตามรายละเอียดใน AWS Free Tier ในระหว่างช่วงทดลองใช้ฟรี ลูกค้าที่ใช้งานอินสแตนซ์ t4g.small จะได้รับชั่วโมงฟรี 750 ชั่วโมงต่อเดือนโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะหักจากใบเรียกเก็บเงินของลูกค้าในแต่ละเดือน 750 ชั่วโมงดังกล่าวจะถูกคำนวณรวมกันระหว่าง Region ทั้งหมดซึ่งใช้อินสแตนซ์ t4g.small ลูกค้าต้องชำระเงินสำหรับเครดิต CPU ส่วนเกินเมื่อใช้เครดิตเกินจากที่อินสแตนซ์จัดสรรให้ในช่วงการทดลองใช้ T4g ฟรี 750 ชั่วโมง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของเครดิต CPU โปรดดูแนวคิดหลักและคำจำกัดความสำหรับอินสแตนซ์ที่ขยายประสิทธิภาพได้ในคู่มือผู้ใช้ Amazon EC2 สำหรับอินสแตนซ์ Linux

ถาม: ใครบ้างที่มีสิทธิ์ทดลองใช้ T4g ฟรี

ลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ทุกรายที่มีบัญชี AWS สามารถรับสิทธิประโยชน์ในการทดลองใช้ T4g ได้ฟรี การทดลองใช้ T4g ฟรีมีระยะเวลาจำกัด โดยจะให้บริการจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2024 เวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดของการทดลองใช้ฟรีจะอิงตามเวลามาตรฐานสากล (UTC) การทดลองใช้ T4g ฟรีจะมีให้บริการเพิ่มเติมจาก AWS Free Tier ที่มีอยู่บน t2.micro/t3.micro ลูกค้าที่ใช้ t2.micro (หรือ t3.micro ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ Region) หมดแล้ว ยังสามารถรับการทดลองใช้ T4g ฟรีได้จาก Free Tier

ถาม: การทดลองใช้ T4g ฟรีพร้อมให้บริการใน Region ใดบ้าง

ขณะนี้การทดลองใช้ T4g ฟรีมีให้บริการทั่วทั้ง AWS Region เหล่านี้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออก (โอไฮโอ), สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออก (เวอร์จิเนียเหนือ), สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก (แคลิฟอร์เนียเหนือ), สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก (ออริกอน), อเมริกาใต้ (เซาเปาลู), เอเชียแปซิฟิก (ฮ่องกง), เอเชียแปซิฟิก (มุมไบ), เอเชียแปซิฟิก (โซล), เอเชียแปซิฟิก (สิงคโปร์), เอเชียแปซิฟิก (ซิดนีย์), เอเชียแปซิฟิก (โตเกียว), แคนาดา (ภาคกลาง), ยุโรป (แฟรงก์เฟิร์ต), ยุโรป (ไอร์แลนด์), ยุโรป (ลอนดอน) และยุโรป (สตอกโฮล์ม) โดยในขณะนี้ยังไม่พร้อมให้บริการในรีเจี้ยนจีน (ปักกิ่ง) และจีน (หนิงเซี่ย)

ลูกค้าสามารถใช้งานอินสแตนซ์ t4g.small ได้ฟรีในหนึ่งหรือหลายรีเจี้ยนตามที่เลือกจากบัคเก็ตสะสมเพียงบัคเก็ตเดียวถึง 750 ชั่วโมงต่อเดือนจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2024 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองใช้ฟรี ตัวอย่างเช่น ลูกค้าสามารถใช้งาน t4g.small ในออริกอนได้เป็นเวลา 300 ชั่วโมงต่อเดือน และใช้งาน t4g.small อีกรายการในโตเกียวได้เป็นเวลา 450 ชั่วโมงในเดือนเดียวกัน ซึ่งจะรวมเป็นการทดลองใช้ฟรี 750 ชั่วโมงต่อเดือน

ถาม: มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการเรียกใช้ AMI เฉพาะในการทดลองใช้ T4g ฟรีหรือไม่

ในการทดลองใช้ t4g.small ฟรี จะไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายของ Amazon Machine Image (AMI) สำหรับ AMI ของ Amazon Linux 2, RHEL และ SUSE Linux ซึ่งมีให้บริการผ่าน EC2 Console Quickstart สำหรับ 750 ชั่วโมงต่อเดือนแรกที่ฟรี หลังจาก 750 ชั่วโมงต่อเดือนที่ฟรี จะมีการคิดราคาแบบตามความต้องการตามปกติ ซึ่งรวมถึงค่าบริการ AMI (หากมี) ค่าธรรมเนียมซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องสำหรับข้อเสนอของ AWS Marketplace พร้อมตัวเลือกการดำเนินการของ AMI จะไม่รวมอยู่ในการทดลองใช้ฟรี โดยมีเพียงต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน t4g.small เท่านั้นที่รวมและครอบคลุมอยู่ในการทดลองใช้ฟรี

การทดลองใช้ t4g.small ฟรีจะแสดงในใบเรียกเก็บเงินของ AWS อย่างไร

การทดลองใช้ T4g ฟรีมีรอบการเรียกเก็บเงินรายเดือน ซึ่งจะเริ่มในวันแรกของทุกเดือนและสิ้นสุดในวันสุดท้ายของเดือนนั้น ในแผนการเรียกเก็บเงินสำหรับการทดลองใช้งาน T4g ฟรีนั้น ลูกค้าที่ใช้ t4g.small จะเห็นรายการ 0 USD ในใบเรียกเก็บเงินในส่วนแผนราคาตามความต้องการสำหรับการใช้งานโดยรวม 750 ชั่วโมงแรกของแต่ละเดือนในช่วงทดลองใช้ฟรี ลูกค้าสามารถเริ่มใช้งานได้ทุกเมื่อในช่วงทดลองใช้งานฟรีและรับ 750 ชั่วโมงฟรีในช่วงระยะเวลาที่เหลือของเดือนนั้น ชั่วโมงที่ไม่ได้ใช้งานที่เหลือจากเดือนก่อนหน้าไม่สามารถทบไปใช้ในเดือนต่อไปได้ ลูกค้าสามารถใช้งาน t4g.small ได้หลายอินสแตนซ์ในการทดลองใช้ฟรีนี้ ลูกค้าจะได้รับการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติผ่านอีเมลโดยใช้ AWS Budgets เมื่อลูกค้าใช้งานโดยรวมถึง 85% ของการใช้งานฟรี 750 ชั่วโมงในเดือนนั้นแล้ว เมื่อใช้งานอินสแตนซ์โดยรวมเกินกว่า 750 ชั่วโมงในรอบการเรียกเก็บเงินรายเดือน ระบบจะเรียกเก็บค่าบริการจากลูกค้าโดยอิงจากราคาแบบตามความต้องการตามปกติสำหรับชั่วโมงที่เกินในเดือนนั้น สำหรับลูกค้าที่มี Compute Savings Plan หรือ T4g Instance Savings Plan ส่วนลดของ Savings Plan (SV) จะนำมาใช้กับราคาแบบตามความต้องการสำหรับชั่วโมงที่เกินจากช่วงทดลองใช้ฟรี 750 ชั่วโมง หากลูกค้าซื้อแผน T4g Reserved Instance (RI) แผน RI ดังกล่าวจะใช้กับการใช้งานเป็นรายชั่วโมงก่อน ส่วนแผนการเรียกเก็บเงินสำหรับการทดลองใช้ฟรีจะมีผลกับการใช้งานที่เหลือหลังจากใช้แผน RI แล้ว

ถาม: หากลูกค้าสมัครใช้งานการเรียกเก็บเงินรวม (หรือบัญชีผู้ชำระเงินบัญชีเดียว) ลูกค้าจะสามารถทดลองใช้งาน T4g ได้ฟรีสำหรับแต่ละบัญชีที่ผูกกับบัญชีผู้ชำระเงินหรือไม่

ไม่ได้ ลูกค้าที่ใช้การเรียกเก็บเงินรวมเพื่อรวมการชำระเงินสำหรับหลายบัญชีจะมีสิทธิ์เข้าถึง Free Tier ได้หนึ่งบัญชีต่อองค์กรเท่านั้น บัญชีผู้ชำระเงินแต่ละบัญชีจะได้รับชั่วโมงฟรีรวม 750 ชั่วโมงต่อเดือน สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินรวม โปรดดูการเรียกเก็บเงินรวมสำหรับ AWS Organizations ในคู่มือผู้ใช้ AWS Billing and Cost Management

ถาม: ระบบจะเรียกเก็บค่าบริการจากลูกค้าสำหรับเครดิต CPU ส่วนเกินโดยเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองใช้ T4g ฟรีหรือไม่

ลูกค้าต้องชำระเงินสำหรับเครดิต CPU ส่วนเกินเมื่อใช้เครดิตเกินจากที่อินสแตนซ์จัดสรรให้ในช่วงการทดลองใช้ T4g ฟรี 750 ชั่วโมง สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการทำงานของเครดิต CPU โปรดดูแนวคิดหลักและคำจำกัดความสำหรับอินสแตนซ์ที่ขยายประสิทธิภาพได้ในคู่มือผู้ใช้ Amazon EC2 สำหรับอินสแตนซ์ Linux

ถาม: เมื่อสิ้นสุดการทดลองใช้ฟรี ระบบจะเรียกเก็บเงินสำหรับอินสแตนซ์ t4g.small จากลูกค้าอย่างไร

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 ลูกค้าที่ใช้อินสแตนซ์ t4g.small จะเปลี่ยนจากแผนทดลองใช้ฟรีเป็นแผนราคาตามความต้องการโดยอัตโนมัติ (หรือแผน Reserved Instance (RI)/Savings Plan (SV) หากซื้อไว้) และระบบจะตั้งค่าเครดิตสะสมเป็นศูนย์ ลูกค้าจะได้รับอีเมลแจ้งเตือนก่อนสิ้นสุดช่วงทดลองใช้ฟรีเจ็ดวัน ซึ่งระบุว่าช่วงทดลองใช้ฟรีจะสิ้นสุดลงในอีกเจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 เป็นต้นไป แผน RI จะมีผลใช้งานหากซื้อแผน RI ไว้แล้ว หากไม่แล้ว ระบบจะเรียกเก็บค่าบริการจากลูกค้าในราคาแบบตามความต้องการตามปกติสำหรับอินสแตนซ์ t4g.small การเรียกเก็บเงินสำหรับอินสแตนซ์ t4g.small จะใช้ส่วนลดของ Savings Plan หรือ Compute Savings Plan กับราคาแบบตามความต้องการสำหรับลูกค้าที่มี T4g Instance Savings Plan

อินสแตนซ์แบบเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล

ถาม: เมื่อใดที่ฉันควรใช้อินสแตนซ์แบบเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล

อินสแตนซ์แบบเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลออกแบบมาสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องใช้พลังในการประมวลผลสูง แอปพลิเคชันเหล่านี้ ได้แก่ แอปพลิเคชันที่ใช้พลังในการประมวลผลสูง เช่น เว็บเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง ระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) การสร้างโมเดลทางวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์แบบกระจาย และการอนุมานของแมชชีนเลิร์นนิง

ถาม: อินสแตนซ์ C7g ของ Amazon EC2 คืออะไร

อินสแตนซ์ C7g ของ Amazon EC2 ซึ่งขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ AWS Graviton3 รุ่นล่าสุด มอบประสิทธิภาพด้านราคาที่ดีที่สุดใน Amazon EC2 สำหรับเวิร์กโหลดแบบเน้นการประมวลผล อินสแตนซ์ C7g เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC), การประมวลผลเป็นชุด, Electronic Design Automation (EDA), การเล่นเกม, การเข้ารหัสวิดีโอ, การสร้างโมเดลทางวิทยาศาสตร์, การวิเคราะห์แบบกระจาย, การอนุมานของแมชชีนเลิร์นนิง (ML) ที่ใช้ CPU และการแสดงโฆษณา โดยมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นสูงสุดถึง 25% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ C6g ที่ใช้ AWS Graviton2 รุ่นที่ 6

ถาม: อินสแตนซ์ C6g ของ Amazon EC2 คืออะไร

อินสแตนซ์ Amazon EC2 C6g คืออินสแตนซ์เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลรุ่นใหม่ ที่ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ AWS Graviton2 แบบ Arm อินสแตนซ์ C6g มอบประสิทธิภาพและความคุ้มค่ามากขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ C5 อินสแตนซ์ดังกล่าวสร้างบน AWS Nitro System ซึ่งเป็นการผสมรวมฮาร์ดแวร์เฉพาะและไฮเปอร์ไวเซอร์ Nitro เข้าด้วยกัน

ถาม: กรณีการใช้งานที่เหมาะกับอินสแตนซ์ C6g ที่สุดมีอะไรบ้าง

อินสแตนซ์ C6g เป็นอินสแตนซ์ที่มอบประสิทธิภาพและความคุ้มราคาอย่างเห็นได้ชัดสำหรับเวิร์กโหลดที่เน้นการประมวลผล เช่น การประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) การประมวลผลเป็นชุด การนำเสนอโฆษณา การเข้ารหัสวิดีโอ การเล่นเกม การสร้างโมเดลทางวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์แบบกระจาย และการอนุมานของแมชชีนเลิร์นนิงแบบ CPU ลูกค้าที่ปรับใช้แอปพลิเคชันที่สร้างบนซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์สบนกลุ่มอินสแตนซ์ C จะทราบดีว่าอินสแตนซ์ C6g เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการระบุประสิทธิภาพที่คุ้มราคาที่สุด นักพัฒนาแบบ Arm ยังสามารถสร้างแอปพลิเคชันได้โดยตรงบนฮาร์ดแวร์ Arm แบบเนทีฟเพราะไม่จำเป็นต้องรวบรวมหรือจำลองข้ามคลาวด์

ถาม: มีตัวเลือกพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่หลากหลายอะไรบ้างที่อินสแตนซ์ C6g จะมอบให้ได้

อินสแตนซ์ C6g เป็นแบบเพิ่มประสิทธิภาพ EBS ตามค่าเริ่มต้น และมีแบนด์วิดท์เฉพาะสำหรับ EBS สูงสุด 19,000 Mbps สำหรับไดรฟ์ข้อมูล EBS ทั้งแบบเข้ารหัสและไม่ได้เข้ารหัส อินสแตนซ์ C6g รองรับเฉพาะอินเทอร์เฟซ Non-Volatile Memory Express (NVMe) ในการเข้าถึงไดรฟ์ที่เก็บข้อมูลแบบ EBS นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกที่จัดเก็บข้อมูลของอินสแตนซ์แบบ NVMe ภายในผ่านประเภทอินสแตนซ์ C6gd ต่างๆ อีกด้วย

ถาม: อินเทอร์เฟซเครือข่ายใดที่รองรับอินสแตนซ์ C6g

อินสแตนซ์ C6g รองรับเครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพแล้วที่ใช้ ENA เมื่อใช้ ENA จะทำให้อินสแตนซ์ C6g จะสามารถส่งมอบแบนด์วิดท์เครือข่ายได้สูงสุด 25 Gbps ระหว่างอินสแตนซ์เมื่อเปิดใช้ภายในกลุ่มการจัดวาง

ถาม: ลูกค้าจะต้องแก้ไขแอปพลิเคชันและปริมาณงานเพื่อให้สามารถทำงานบนอินสแตนซ์ C6g หรือไม่

การปรับเปลี่ยนจะขึ้นอยู่กับแต่ละแอปพลิเคชัน ลูกค้าที่ใช้งานแอปพลิเคชันที่สร้างบนซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สจะทราบดีว่าระบบนิเวศของ Arm ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดีและรองรับแอปพลิเคชันของพวกเขาได้ดีอีกด้วย การเผยแพร่ Linux ส่วนใหญ่รวมถึงคอนเทนเนอร์ (Docker, Kubernetes, Amazon ECS, Amazon EKS, Amazon ECR) รองรับสถาปัตยกรรมของ Arm ได้เป็นอย่างดี ลูกค้าจะพบว่าเวอร์ชัน Arm ของแพ็คเกจซอฟต์แวร์ที่ใช้กันทั่วไปนั้น พร้อมให้ใช้งานแล้วสำหรับการติดตั้งผ่านกลไกเดิมที่พวกเขาเคยใช้ แอปพลิเคชันที่ทำงานตามภาษาที่ตีความแล้ว (เช่น Java, Node, Python) ที่ไม่ได้พึ่งพาชุดคำแนะนำ CPU แบบเนทีฟจะสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งใดหรือเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นโดยภาษาที่คอมไพล์ (C, C++, GoLang) จำเป็นจะต้องได้รับการคอมไพล์ซ้ำเพื่อสร้างไบนารีของ Arm สถาปัตยกรรมของ Arm ได้รับการรองรับเป็นอย่างดีในภาษาการเขียนโปรแกรมยอดนิยมเหล่านี้ และโค้ดสมัยใหม่มักจำเป็นต้องใช้คำสั่ง ‘Make’ แบบทั่วไป โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมในคู่มือเริ่มต้นใช้งาน GitHub

ถาม: กลุ่มประเภทอินสแตนซ์ C6 จะมีตัวเลือกการประมวลผลอื่นๆ เพิ่มเติมให้หรือไม่

มี เราวางแผนที่จะมอบอินสแตนซ์ที่ขับเคลื่อนโดย Intel และ AMD CPU ในอนาคตโดยเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ในกลุ่มประเภทอินสแตนซ์ C6

ถาม: ฉันจะสามารถเปิดใช้อินสแตนซ์ C4 ให้เป็นอินสแตนซ์แบบเพิ่มประสิทธิภาพ Amazon EBS ได้หรือไม่

อินสแตนซ์ C4 แต่ละประเภทเป็นแบบเพื่มประสิทธิภาพ EBS อยู่แล้วตามค่าเริ่มต้น อินสแตนซ์ C4 มีความเร็ว 500 Mbps ถึง 4,000 Mbps ไปยัง EBS สูงกว่าและเกินกว่าอัตราความเร็วของเครือข่ายสำหรับงานทั่วไปที่จัดหาให้กับอินสแตนซ์นั้นๆ เนื่องจากคุณสมบัตินี้เปิดใช้ในอินสแตนซ์ C4 อยู่เสมอ ดังนั้น การเปิดใช้อินสแตนซ์ C4 ในแบบปรับให้เหมาะกับ EBS จึงไม่กระทบต่อการทำงานของอินสแตนซ์แต่อย่างใด

ถาม: ฉันสามารถใช้คุณสมบัติในการควบคุมสถานะของตัวประมวลผลที่มีอยู่ในอินสแตนซ์ c4.8xlarge ได้อย่างไร

อินสแตนซ์ประเภท c4.8xlarge ช่วยให้ระบบปฏิบัติการสามารถควบคุมสถานะ C และสถานะ P ของตัวประมวลผลได้ ในขณะนี้ คุณสมบัตินี้มีให้บริการเฉพาะในอินสแตนซ์ Linux เท่านั้น คุณอาจต้องการเปลี่ยนการตั้งค่าสถานะ C หรือสถานะ P เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่สม่ำเสมอของตัวประมวลผล ลดเวลาแฝง หรือปรับอินสแตนซ์ของคุณให้เข้ากับปริมาณงานที่เฉพาะเจาะจง จากค่าเริ่มต้น Amazon Linux จะกำหนดค่าประสิทธิภาพในการทำงานไว้ในระดับสูงสุดซึ่งเหมาะสำหรับปริมาณงานของลูกค้าส่วนใหญ่ หากแอปพลิเคชันของคุณจะได้ประโยชน์จากเวลาแฝงที่ต่ำกว่าในราคาความถี่แบบคอร์เดี่ยวหรือคอร์คู่ที่สูงกว่า หรือได้ประโยชน์จากประสิทธิภาพการทำงานที่ยาวนานในความถี่ที่ต่ำกว่ามากกว่าที่จะใช้ความถี่ Turbo Boost ที่มีอัตราการไหลของข้อมูลอย่างรวดเร็ว หากเป็นเช่นนั้นแล้ว คุณก็ควรทดลองใช้ตัวเลือกในการกำหนดค่าสถานะ C หรือสถานะ P ที่มีอยู่ในอินสแตนซ์เหล่านี้ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัตินี้ได้ในการควบคุมสถานะของตัวประมวลผลในคู่มือผู้ใช้ Amazon EC2

ถาม: มีอินสแตนซ์ใดบ้างที่อยู่ในหมวดหมู่อินสแตนซ์แบบเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล

อินสแตนซ์ C6g: อินสแตนซ์ Amazon EC2 C6g ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ AWS Graviton2 แบบ Arm อินสแตนซ์ดังกล่าวมอบประสิทธิภาพและความคุ้มค่ามากขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ C5 และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการรันปริมาณงานที่เน้นการประมวลผลขั้นสูง ซึ่งรวมถึงเวิร์กโหลด เช่น การประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) การประมวลผลเป็นชุด การนำเสนอโฆษณา การเข้ารหัสวิดีโอ การเล่นเกม การสร้างโมเดลทางวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์แบบกระจาย และการอนุมานของแมชชีนเลิร์นนิงแบบ CPU 

อินสแตนซ์ C6a: อินสแตนซ์ C6a ขับเคลื่อนโดยหน่วยประมวลผล AMD EPYC รุ่นที่ 3 ที่มีความถี่เทอร์โบแบบทุกคอร์สูงสุด 3.6 GHz ซึ่งส่งผลให้มีประสิทธิภาพและความคุ้มค่ามากกว่าอินสแตนซ์ C5a ถึง 15% ในส่วนเวิร์กโหลดแบบต่างๆ และสนับสนุนการเข้ารหัสหน่วยความจำแบบเปิดใช้งานตลอดเวลาโดยใช้ AMD Transparent Single Key Memory Encryption (TSME) อินสแตนซ์ C6a มีอินสแตนซ์ขนาดใหม่ที่มีหน่วยความจำสูงสุดถึง 192 vCPU และ 384 GiB ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าอินสแตนซ์ C5a ที่ใหญ่ที่สุดถึงสองเท่า C6a ยังให้ความเร็วในระบบเครือข่ายสูงถึง 50 Gbps กับลูกค้าและแบนด์วิดท์ของ Amazon Elastic Block Store สูงถึง 40 Gbps ซึ่งมากกว่าสองเท่าของอินสแตนซ์ C5a

อินสแตนซ์ C6i: อินสแตนซ์ C6i ขับเคลื่อนโดยหน่วยประมวลผล Intel Xeon Scalable รุ่นที่ 3 ที่มีความถี่เทอร์โบแบบทุกคอร์สูงสุด 3.5 GHz ซึ่งส่งผลให้มีประสิทธิภาพและความคุ้มค่ามากกว่าอินสแตนซ์ C5 ถึง 15% ในส่วนเวิร์กโหลดแบบต่างๆ และการเข้ารหัสหน่วยความจำแบบเปิดใช้งานตลอดเวลาโดยใช้ Intel Total Memory Encryption (TME) อินสแตนซ์ C6i ให้อินสแตนซ์ขนาดใหม่ (c6i.32xlarge) ที่มี vCPUs 128 รายการและหน่วยความจำ 256 GiB ซึ่งใหญ่กว่าอินสแตนซ์ C5 ที่ใหญ่ที่สุดถึง 33% นอกจากนี้ยังมีแบนด์วิดท์หน่วยความจำต่อ vCPU สูงขึ้นถึง 9% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ C5 C6i ยังให้ความเร็วในระบบเครือข่ายสูงถึง 50 Gbps กับลูกค้าและแบนด์วิดท์ของ Amazon Elastic Block Store สูงถึง 40 Gbps ซึ่งเป็นสองเท่าของอินสแตนซ์ C5 นอกจากนี้ C6i ยังมาพร้อมกับตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลระดับบล็อกบน SSD แบบ NVMe (อินสแตนซ์ C6id) สำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการเข้าถึงพื้นที่เก็บข้อมูลภายในที่มีความเร็วสูงและมีเวลาแฝงต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับอินสแตนซ์ C5d รุ่นก่อนหน้า อินสแตนซ์ C6id ให้พื้นที่เก็บข้อมูลด้วยจำนวน TB ที่สูงขึ้นถึง 138% ต่อ vCPU และต้นทุนต่อ TB ที่ต่ำลงถึง 56%

อินสแตนซ์ C5: อินสแตนซ์ C5 ทำงานบนโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Platinum ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable (ชื่อรหัส Skylake-SP หรือ Cascade Lake) โดยมีให้เลือก 9 ขนาด สูงสุด 96 vCPU และหน่วยความจำ 192 GiB อินสแตนซ์ C5 นำเสนอราคาต่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น 25% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ C4 อินสแตนซ์ C5d มีพื้นที่จัดเก็บ NVMe ภายในสำหรับปริมาณงานซึ่งต้องมีเวลาแฝงต่ำมากและการเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บที่มีความสามารถสูงในการอ่านและเขียน IOPS แบบสุ่มที่

อินสแตนซ์ C5a: อินสแตนซ์ C5a ให้ประสิทธิภาพต่อราคาในระดับ x86 ชั้นนำสำหรับปริมาณงานแบบเน้นการประมวลผลที่หลากหลาย ได้แก่ การประมวลผลเป็นชุด การวิเคราะห์แบบกระจาย การแปลงข้อมูล การวิเคราะห์บันทึก และเว็บแอปพลิเคชัน อินสแตนซ์ C5a มาพร้อมโปรเซสเซอร์ AMD EPYC รุ่นที่ 2 ความเร็ว 3.3GHz ที่มี vCPU สูงสุดถึง 96 หน่วยและหน่วยความจำสูงสุดถึง 192 GiB อินสแตนซ์ C5ad มีพื้นที่จัดเก็บ NVMe ภายในสำหรับเวิร์กโหลดซึ่งต้องมีเวลาแฝงต่ำมากและการเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บที่มีความสามารถในการอ่านและเขียน IOPS แบบสุ่มที่สูง

อินสแตนซ์ C5n: อินสแตนซ์ C5n เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิดท์เครือข่ายและอัตราการส่งแพคเก็ตสูง อินสแตนซ์ C5n เหมาะสมสำหรับแอปพลิเคชันอย่างเช่น HPC, ที่จัดเก็บข้อมูลดิบ, อุปกรณ์เครือข่าย รวมถึงแอปพลิเคชันที่ต้องมีการสื่อสารระหว่างโหนดและ Message Passing Interface (MPI) C5n นำเสนอตัวเลือกของโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Platinum ความเร็ว 3.0 GHz สูงสุด 72 vCPU และหน่วยความจำสูงสุด 192GiB

อินสแตนซ์ C4: อินสแตนซ์ C4 ทำงานบนโปรเซสเซอร์ Xeon E5-2666 v3 (ชื่อรหัส Haswell) อินสแตนซ์ C4 มีให้เลือก 5 ขนาด สูงสุด 36 vCPU และหน่วยความจำ 60 GiB

ถาม: เพราะเหตุใดลูกค้าจึงควรเลือกอินสแตนซ์ C6i มากกว่าอินสแตนซ์ C5

อินสแตนซ์ C6i มอบประสิทธิภาพและความคุ้มค่ามากกว่าอินสแตนซ์ C5 ถึง 15% และการเข้ารหัสหน่วยความจำแบบเปิดตลอดเวลาโดยใช้ Intel Total Memory Encryption (TME) อินสแตนซ์ C6i ให้อินสแตนซ์ขนาดใหม่ (c6i.32xlarge) ที่มี vCPUs 128 รายการและหน่วยความจำ 256 GiB ซึ่งใหญ่กว่าอินสแตนซ์ C5 ที่ใหญ่ที่สุดถึง 33% นอกจากนี้ยังมีแบนด์วิดท์หน่วยความจำต่อ vCPU สูงขึ้นถึง 9% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ C5 C6i ยังให้ความเร็วในระบบเครือข่ายสูงถึง 50 Gbps กับลูกค้าและแบนด์วิดท์ของ Amazon Elastic Block Store สูงถึง 40 Gbps ซึ่งเป็นสองเท่าของอินสแตนซ์ C5

ถาม: เพราะเหตุใดลูกค้าจึงควรเลือกอินสแตนซ์ C5 มากกว่าอินสแตนซ์ C4

เนื่องจากอินสแตนซ์ C5 ได้รับการพัฒนาตามรุ่นโดยมีประสิทธิภาพการทำงานของ CPU สูงขึ้นและมีราคาถูกลง โดยมีราคา/ประสิทธิภาพการทำงานดีกว่าอินสแตนซ์ C4 ถึง 25% จึงเป็นประโยชน์ต่อเวิร์กโหลดในวงกว้างที่กำลังเรียกใช้บนอินสแตนซ์ C3 หรือ C4 สำหรับแอปพลิเคชันที่เน้นในเรื่องจุดลอยตัว Intel AVX-512 จะช่วยให้ TFLOPS ที่ส่งมอบมีการพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก โดยดึงการขนานในระดับข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลูกค้าที่ต้องการประสิทธิภาพการแสดงผลกราฟิกและปริมาณงาน HPC ขั้นสูงซึ่งสามารถเร่งความเร็วได้ด้วย GPU หรือ FPGA ควรจะพิจารณากลุ่มประเภทอินสแตนซ์อื่นๆ ภายในพอร์ตโฟลิโอของ Amazon EC2 ด้วย ซึ่งประกอบไปด้วยทรัพยากรที่ช่วยค้นหาอินสแตนซ์ที่เหมาะกับเวิร์กโหลดมากที่สุด

ถาม: อินเทอร์เฟซการเก็บข้อมูลใดที่รองรับอินสแตนซ์ C5

อินสแตนซ์ C5 จะสนับสนุนเฉพาะรุ่นอุปกรณ์ NVMe EBS เท่านั้น ไดรฟ์ข้อมูล EBS ที่แนบกับอินสแตนซ์ C5 จะปรากฏเป็นอุปกรณ์ NVMe NVMe เป็นอินเทอร์เฟซการจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ช่วยลดเวลาแฝง และส่งผลให้มีการเพิ่ม I/O และการรับส่งข้อมูลของดิสก์

ถาม: เหตุใดหน่วยความจำทั้งหมดที่รายงานโดยระบบปฏิบัติการจึงไม่ตรงกับหน่วยความจำที่ระบุไว้ในประเภทอินสแตนซ์

สัดส่วนของหน่วยความจำ EC2 instance ถูกสงวนไว้และใช้โดย BIOS เสมือนสำหรับ RAM, DMI และ ACPI ของวิดีโอ นอกจากนี้ สำหรับอินสแตนซ์ที่ขับเคลื่อนโดย Nitro Hypervisor ของ AWS หน่วยความจำของอินสแตนซ์ในเปอร์เซ็นต์เล็กน้อยจะถูกสงวนไว้โดย Nitro Hypervisor ของ Amazon EC2 เพื่อจัดการการจำลองระบบเสมือน

อินสแตนซ์แบบเพิ่มการประมวลผลประสิทธิภาพสูง

ถาม: มีอินสแตนซ์ใดบ้างที่อยู่ในหมวดหมู่อินสแตนซ์การประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC)

อินสแตนซ์ Hpc7g: อินสแตนซ์ Hpc7g ช่วยให้ประสิทธิภาพด้านราคาที่ดีที่สุดสำหรับเวิร์กโหลด HPC บน AWS ช่วยส่งมอบประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นถึง 70% และประสิทธิภาพของราคาที่ดีขึ้นเกือบ 3 เท่า เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ AWS Graviton รุ่นก่อนหน้าสำหรับเวิร์กโหลด HPC ที่ต้องประมวลผลมาก อินสแตนซ์ Hpc7g ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ AWS Graviton 3E และให้ประสิทธิภาพด้านคำสั่งเวกเตอร์สูงขึ้นถึง 35% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ AWS Graviton3 ที่มีอยู่ อินสแตนซ์เหล่านี้ให้ประสิทธิภาพด้านจุดลอยตัวที่ดีขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ที่ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ Graviton2 อินสแตนซ์ Hpc7g สร้างขึ้นบน AWS Nitro System และให้แบนวิดท์เครือข่าย 200 Gbps สำหรับการสื่อสารระหว่างโหนดที่มีเวลาแฝงต่ำเพื่อเวิร์กโหลดที่เชื่อมกันแบบแน่นหนาซึ่งต้องการทรัพยากรประมวลผลคลัสเตอร์แบบขนานสูง

อินสแตนซ์ Hpc7a: อินสแตนซ์ Hpc7a ของ Amazon Elastic Compute Cloud (Amazon EC2) ซึ่งขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ AMD EPYC รุ่นที่ 4 ให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นสูงสุด 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ Amazon EC2 Hpc6a อินสแตนซ์ Hpc7a มีความหนาแน่นของคอร์สูงขึ้น 2 เท่า (สูงสุด 192 คอร์) ปริมาณอัตราการโอนถ่ายข้อมูลแบนวิดท์หน่วยความจําสูงขึ้น 2.1 เท่า (หน่วยความจําสูงสุด 768 GB) และแบนวิดท์เครือข่ายสูงขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ Hpc6a อินสแตนซ์เหล่านี้มีแบนวิดท์เครือข่าย Elastic Fabric Adapter (EFA) ความเร็ว 300 Gbps ซึ่งขับเคลื่อนโดย AWS Nitro Systemเพื่อการสื่อสารระหว่างโหนดที่รวดเร็วและมีเวลาแฝงต่ํา

อินสแตนซ์ Hpc6id: อินสแตนซ์ Hpc6id ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ Intel 3rd Gen Xeon Scalable แบบ 64 คอร์ที่ทำงานที่ความถี่สูงถึง 3.5 GHz เพื่อประสิทธิภาพที่มากขึ้น อินสแตนซ์เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโหลดที่ต้องใช้หน่วยความจำจำนวนมาก โดยจะให้แบนวิดท์หน่วยความจำ 5 GB/s ต่อ vCPU อินสแตนซ์ Hpc6id มีระบบเครือข่าย EFA 200 Gbps สำหรับการสื่อสารระหว่างโหนดที่มีอัตราการโอนถ่ายข้อมูลสูง เพื่อช่วยให้คุณเรียกใช้เวิร์กโหลด HPC ได้ตามขนาดที่ต้องการ

อินสแตนซ์ Hpc6a: อินสแตนซ์ Hpc6a ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ 3rd Gen AMD EPYC แบบ 96 คอร์ที่มีความถี่เทอร์โบแบบทุกคอร์สูงสุด 3.6 GHz และ RAM 384 GB อินสแตนซ์ Hpc6a มีระบบเครือข่าย EFA 100 Gbps ที่เปิดใช้งานสำหรับการสื่อสารระหว่างโหนดที่มีอัตราการโอนถ่ายข้อมูลสูง เพื่อช่วยให้คุณเรียกใช้เวิร์กโหลด HPC ได้ตามขนาดที่ต้องการ

ถาม: อินสแตนซ์ Hpc7g แตกต่างจากอินสแตนซ์ EC2 อื่นๆ อย่างไร

อินสแตนซ์ Hpc7g ได้รับการปรับแต่งเพื่อส่งมอบความสามารถซึ่งเหมาะสำหรับเวิร์กโหลด HPC ที่ต้องใช้การประมวลผลสูง อินสแตนซ์ Hpc7g ใช้โปรเซสเซอร์ Graviton3E แบบ Arm เป็นหลัก ซึ่งให้ประสิทธิภาพด้านคำสั่งเวกเตอร์สูงขึ้นถึง 35% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Graviton3 เป็นหลักที่มีอยู่ อินสแตนซ์เหล่านี้มีคอร์กายภาพ 64 คอร์ หน่วยความจำ 128 GiB และแบนวิดท์เครือข่าย 200 Gbps ที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับการรับส่งข้อมูลระหว่างอินสแตนซ์ใน VPC เดียวกันและรองรับ EFA เพื่อประสิทธิภาพเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น อินสแตนซ์ Hpc7g สามารถใช้งานได้ใน Availability Zone เดียว จึงช่วยให้เวิร์กโหลดบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพเครือข่ายที่มีเวลาแฝงต่ำ ซึ่งจำเป็นสำหรับการสื่อสารแบบโหนดต่อโหนดที่เชื่อมกันแบบแน่นหนาสำหรับแอปพลิเคชัน HPC

ถาม: อินสแตนซ์ Hpc7g รองรับโมเดลราคาใดบ้าง

อินสแตนซ์ Hpc7g สามารถซื้อได้ผ่าน Amazon EC2 Instance Savings Plans, Compute Savings Plans, EC2 On-Demand Instances และ EC2 Reserved Instances แบบ 1 ปีและ 3 ปี

ถาม: อินสแตนซ์ Hpc7g รองรับ AMI ใดบ้าง

อินสแตนซ์ Hpc7g รองรับ AMI ที่สนับสนุนโดย Amazon EBS เท่านั้น

ถาม: อินสแตนซ์ Hpc7a แตกต่างจากอินสแตนซ์ EC2 อื่นๆ อย่างไร

อินสแตนซ์ EC2 Hpc7a ที่ปรับให้เหมาะสมกับ HPC เหมาะอย่างยิ่งสําหรับแอปพลิเคชันที่ใช้ประโยชน์จากโปรเซสเซอร์ประสิทธิภาพสูง เช่น การจําลองขนาดใหญ่และซับซ้อน รวมถึง Computational Fluid Dynamics (CFD) การพยากรณ์สภาพอากาศเชิงตัวเลข และการจําลองแบบพหุฟิสิกส์ อินสแตนซ์ Hpc7a ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเรียกใช้เวิร์กโหลด HPC ที่ใช้ x86 ที่จับคู่กันอย่างแน่นหนาและมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น อินสแตนซ์ Hpc7a มีโปรเซสเซอร์ AMD EPYC รุ่นที่ 4 มีความหนาแน่นของคอร์สูงขึ้น 2 เท่า (สูงสุด 192 คอร์) อัตราการโอนถ่ายข้อมูลแบนวิดท์หน่วยความจําสูงขึ้น 2.1 เท่า (หน่วยความจําสูงสุด 768 GB) และแบนวิดท์เครือข่ายสูงขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ Hpc6a อินสแตนซ์เหล่านี้มีแบนวิดท์เครือข่าย EFA 300 Gbpsof ซึ่งขับเคลื่อนโดย AWS Nitro System เพื่อการสื่อสารระหว่างอินเตอร์โหนดที่รวดเร็วและมีเวลาแฝงต่ํา

ถาม: อินสแตนซ์ Hpc7g รองรับโมเดลราคาใดบ้าง

อินสแตนซ์ Hpc7g สามารถซื้อได้ผ่าน Amazon EC2 Instance Savings Plans, Compute Savings Plans, EC2 On-Demand Instances และ EC2 Reserved Instances แบบ 1 ปีและ 3 ปี

ถาม: อินสแตนซ์ Hpc7a รองรับ AMI ใดบ้าง

อินสแตนซ์ Hpc7a รองรับ Amazon Linux 2, Amazon Linux, Ubuntu 18.04 หรือใหม่กว่า, Red Hat Enterprise Linux 7.6 หรือใหม่กว่า, SUSE Linux Enterprise Server 12 SP3 หรือใหม่กว่า, CentOS 7 หรือใหม่กว่า และ FreeBSD 11.1 หรือใหม่กว่า

ถาม: อินสแตนซ์ Hpc6id รองรับโมเดลราคาใดบ้าง

อินสแตนซ์ Hpc6id สามารถซื้อได้ผ่าน Amazon EC2 Instance Savings Plans, Compute Savings Plans, EC2 On-Demand Instances และ EC2 Reserved Instances แบบ 1 ปีและ 3 ปี

อินสแตนซ์ Hpc6id แตกต่างจากอินสแตนซ์ EC2 อื่นๆ อย่างไร

อินสแตนซ์ Hpc6id ได้รับการปรับแต่งเพื่อส่งมอบความสามารถซึ่งเหมาะสำหรับเวิร์กโหลด HPC ที่ต้องใช้หน่วยความจำและข้อมูลจำนวนมาก ไฮเปอร์เธรดดิงถูกปิดการใช้งาน เพื่อเพิ่มอัตราการโอนถ่ายข้อมูล CPU ต่อ vCPU และแบนวิดท์หน่วยความจำสูงสุด 5 GB/s ต่อ vCPU อินสแตนซ์เหล่านี้ส่งมอบแบนวิดท์เครือข่าย 200 Gbps ที่เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการสื่อสารระหว่างอินสแตนซ์ในVirtual Private Cloud (VPC) เดียวกัน รวมทั้งรองรับ EFA เพื่อประสิทธิภาพของเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายอินสแตนซ์ Hpc6id สำหรับเวิร์กโหลดที่มีการเชื่อมโยงกันอย่างแน่นหนา คุณสามารถเข้าถึงอินสแตนซ์ EC2 Hpc6id ใน Availability Zone เดียวในแต่ละ Region ได้

ถาม: อินสแตนซ์ Hpc6id รองรับ AMI ใดบ้าง

อินสแตนซ์ Hpc6id รองรับ Amazon Linux 2, Amazon Linux, Ubuntu 18.04 หรือใหม่กว่า, Red Hat Enterprise Linux 7.4 หรือใหม่กว่า, SUSE Linux Enterprise Server 12 SP2 หรือใหม่กว่า, CentOS 7 หรือใหม่กว่า, Windows Server 2008 R2 หรือเก่ากว่า และ FreeBSD 11.1 หรือใหม่กว่า

ถาม: อินสแตนซ์ Hpc6a รองรับ AMI ใดบ้าง

อินสแตนซ์ Hpc6a รองรับ Amazon Linux 2, Amazon Linux, Ubuntu 18.04 หรือใหม่กว่า, Red Hat Enterprise Linux 7.4 หรือใหม่กว่า, SUSE Linux Enterprise Server 12 SP2 หรือใหม่กว่า, CentOS 7 หรือใหม่กว่า และ FreeBSD 11.1 หรือใหม่กว่า อินสแตนซ์เหล่านี้ยังรองรับ Windows Server 2012, 2012 R2, 2016 และ 2019 ด้วย

ถาม: อินสแตนซ์ Hpc6a รองรับโมเดลราคาใดบ้าง

อินสแตนซ์ Hpc6a สามารถซื้อได้ผ่าน Standard Reserved Instance, Convertible Reserved Instance, Savings Plans และ On-Demand Instance แบบ 1 ปีและ 3 ปี

อินสแตนซ์สำหรับใช้งานทั่วไป

ถาม: อินสแตนซ์ M7i แตกต่างจาก M7i-flex อย่างไร? ฉันควรใช้ M7i-flex แทนอินสแตนซ์ M7i เมื่อใด

อินสแตนซ์ M7i-flex เป็นรุ่นย่อยของอินสแตนซ์ M7i ที่มีราคาต่ำกว่า ซึ่งให้ประสิทธิภาพด้านราคาที่ดีกว่า 19% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ M6i อินสแตนซ์ M7i-flex สามารถนำมาใช้ในการทำงานส่วนใหญ่ของเวิร์กโหลดสำหรับใช้งานทั่วไปที่ได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพของรุ่นล่าสุด แต่ไม่ได้ใช้ทรัพยากรในการคำนวณอย่างเต็มที่ อินสแตนซ์ M7i-flex ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพ CPU ระดับพื้นฐานที่มีความสามารถในการขยายขนาดให้เต็มประสิทธิภาพของ CPU ที่ 95% ของเวลาทั้งหมด อินสแตนซ์ M7i-Flex เหมาะสำหรับเวิร์กโหลดที่พอดีกับขนาดอินสแตนซ์ที่ไม่เกิน 8xlarge (32 vCPU และ 128 GB) รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ของเว็บและแอปพลิเคชัน เดสก์ท็อปเสมือน ไมโครเซอร์วิส ฐานข้อมูล และการใช้งานระดับองค์กร คุณสามารถใช้อินสแตนซ์ M7i สำหรับเวิร์กโหลดที่ต้องการขนาดอินสแตนซ์ที่ใหญ่ที่สุดหรือ CPU, เครือข่าย หรือประสิทธิภาพ EBS ที่มีความยั่งยืนสูง เช่น เซิร์ฟเวอร์แอพลิเคชันขนาดใหญ่ ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เซิร์ฟเวอร์เกม แมชชีนเลิร์นนิงที่ใช้ CPU และการสตรีมวิดีโอ

ถาม: อินสแตนซ์ M7i-flex มีประสิทธิภาพอะไรบ้าง

อินสแตนซ์ M7i-flex มีทรัพยากร CPU ที่เชื่อถือได้เพื่อมอบประสิทธิภาพของ CPU ระดับพื้นฐานที่ 40% ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการประมวลผลของเวิร์กโหลดสำหรับใช้งานทั่วไปส่วนใหญ่ สำหรับช่วงเวลาที่เวิร์กโหลดต้องการประสิทธิภาพมากขึ้น อินสแตนซ์ M7i-flex สามารถขยายขนาด CPU ได้ถึง 100% ใน 95% ของเวลาในช่วง 24 ชั่วโมง

ถาม: กรณีการใช้งานอื่นๆ ของอินสแตนซ์ M7i-flex มีอะไรบ้าง

อินสแตนซ์ M7i-flex ให้เส้นทางการอัปเกรดที่น่าสนใจสำหรับเวิร์กโหลดที่ทำงานบนอินสแตนซ์ที่มีขนาดใหญ่กว่า T3 (ใหญ่ถึง 2xlarge) โดยให้ประสิทธิภาพด้านราคาที่ดีขึ้น ราคารายชั่วโมงแบบคงที่ที่รวมการใช้งาน CPU พื้นฐานและการใช้งาน CPU เพิ่มเติมนอกเหนือจากระดับพื้นฐาน และอินสแตนซ์ขนาดใหญ่ถึง 8xlarge (32vCPU และ 128 GB) อินสแตนซ์ M7i-flex มอบวิธีที่เรียบง่ายในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน EC2 ของคุณโดยไม่ต้องใช้เครดิต CPU
 

ถาม: อินสแตนซ์ Amazon EC2 M6g คืออะไร

อินสแตนซ์ Amazon EC2 M6g คืออินสแตนซ์สำหรับงานทั่วไปรุ่นใหม่ ที่ขับเคลื่อนโดยตัวประมวลผล AWS Graviton2 แบบ Arm อินสแตนซ์ M6g มอบประสิทธิภาพและความคุ้มค่ามากขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ M5 อินสแตนซ์ดังกล่าวสร้างบน AWS Nitro System ซึ่งเป็นการผสมรวมฮาร์ดแวร์เฉพาะและไฮเปอร์ไวเซอร์ Nitro เข้าด้วยกัน

ถาม: AWS Graviton2 Processor แบบใหม่มีคุณสมบัติเฉพาะอะไรบ้าง

เมื่อเปรียบเทียบกับตัวประมวลผล AWS Graviton รุ่นแรกแล้ว ตัวประมวลผล AWS Graviton2 มีประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 7 เท่า มีจำนวนแกนประมวลผลมากกว่าเดิม 4 เท่า แคชได้รวดเร็วกว่า 2 เท่า หน่วยความจำที่เร็วกว่าถึง 5 เท่า และประสิทธิภาพการเข้ารหัสต่อคอร์รวดเร็วขึ้น 50% แต่ละแกนประมวลผลของ AWS Graviton2 จะเป็น vCPU แบบเธรดเดียว ตัวประมวลผลเหล่านี้จะมอบหน่วยความจำ DRAM ที่เข้ารหัสเต็มรูปแบบซึ่งทำงานตลอดเวลา รวมถึงมอบตัวเร่งความเร็วฮาร์ดแวร์สำหรับปริมาณงานที่อัดแน่น กลไกเฉพาะต่อ vCPU ที่เพิ่มประสิทธิภาพจุดลอยตัวขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับปริมาณงาน เช่น การเข้ารหัสวิดีโอ และคำแนะนำสำหรับการเร่งความเร็วการอนุมนของแมชชีนเลิร์นนิ่ง int8/fp16 ที่ทำงานบน CPU CPU ดังกล่าวจะสร้างขึ้นโดยใช้แกน Neoverse แบบ Arm 64 บิตและซิลิคอนเฉพาะที่ออกแบบโดย AWS ด้วยเทคโนโลยีการผลิต 7 nm ขั้นสูง

ถาม: ตัวประมวลผล AWS Graviton2 รองรับการเข้ารหัสหน่วยความจำหรือไม่

ตัวประมวลผล AWS Graviton2 รองรับการเข้ารหัสหน่วยความจำ 256 บิตที่ทำงานตลอดเวลาเพื่อการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ระบบจะสร้างคีย์การเข้ารหัสขึ้นภายในระบบโฮสต์อย่างปลอดภัย โดยเราขอให้คุณอย่าออกจากระบบโฮสต์ขณะรีบูตหรือปิดโฮสต์ เนื่องจากอาจเกิดความเสียหายที่ไม่สามารถกู้คืนได้ การเข้ารหัสหน่วยความจำไม่รองรับการผสานการทำงานร่วมกับ AWS Key Management Service (AWS KMS) และลูกค้าไม่สามารถใช้คีย์ของตนเองได้

ถาม: กรณีการใช้งานที่เหมาะกับอินสแตนซ์ M6g ที่สุดมีอะไรบ้าง

อินสแตนซ์ M6g มอบประสิทธิภาพและความคุ้มราคาอย่างเห็นได้ชัดสำหรับเวิร์กโหลดใช้งานทั่วไปหลากหลายประเภท เช่น เซิร์ฟเวอร์แอปพลิเคชัน เซิร์ฟเวอร์เกม ไมโครเซอร์วิส ฐานข้อมูลขนาดกลาง และกลุ่มอินสแตนซ์การแคช ลูกค้าที่ปรับใช้แอปพลิเคชันที่สร้างบนซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์สบนกลุ่มอินสแตนซ์ M จะทราบดีว่าอินสแตนซ์ M6g เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการระบุประสิทธิภาพที่คุ้มราคาที่สุด นักพัฒนาแบบ Arm ยังสามารถสร้างแอปพลิเคชันได้โดยตรงบนฮาร์ดแวร์ Arm แบบเนทีฟเพราะไม่จำเป็นต้องรวบรวมหรือจำลองข้ามคลาวด์

ถาม: มีตัวเลือกพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่หลากหลายอะไรบ้างที่อินสแตนซ์ M6g จะมอบให้ได้

อินสแตนซ์ M6g เป็นแบบเพิ่มประสิทธิภาพ EBS ตามค่าเริ่มต้น และมีแบนด์วิดท์เฉพาะสำหรับ EBS สูงสุด 19,000 Mbps สำหรับไดรฟ์ข้อมูล EBS ทั้งแบบเข้ารหัสและไม่ได้เข้ารหัส อินสแตนซ์ M6g รองรับเฉพาะอินเทอร์เฟซ Non-Volatile Memory Express (NVMe) ในการเข้าถึงไดรฟ์ที่เก็บข้อมูลแบบ EBS นอกจากนั้น ยังมีตัวเลือกที่จัดเก็บข้อมูลของอินสแตนซ์แบบ NVMe ภายในผ่านประเภทอินสแตนซ์ M6gd ต่างๆ อีกด้วย

ถาม: อินเทอร์เฟซเครือข่ายใดที่รองรับอินสแตนซ์ M6g

อินสแตนซ์ M6g รองรับเครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพแล้วที่ใช้ ENA เมื่อใช้อินสแตนซ์ ENA นั้น M6g จะสามารถส่งมอบแบนด์วิธเครือข่ายได้สูงสุด 25 Gbps ระหว่างอินสแตนซ์เมื่อเปิดใช้ภายในกลุ่มการจัดวาง

ถาม: ลูกค้าจะต้องแก้ไขแอปพลิเคชันและปริมาณงานเพื่อให้สามารถทำงานบนอินสแตนซ์ M6g หรือไม่

การปรับเปลี่ยนจะขึ้นอยู่กับแต่ละแอปพลิเคชัน ลูกค้าที่ใช้งานแอปพลิเคชันที่สร้างบนซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สจะทราบดีว่าระบบนิเวศของ Arm ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดีและรองรับแอปพลิเคชันของพวกเขาได้ดีอีกด้วย การเผยแพร่ Linux ส่วนใหญ่รวมถึงคอนเทนเนอร์ (Docker, Kubernetes, Amazon ECS, Amazon EKS, Amazon ECR) รองรับสถาปัตยกรรมของ Arm ได้เป็นอย่างดี ลูกค้าจะพบว่าเวอร์ชัน Arm ของแพ็คเกจซอฟต์แวร์ที่ใช้กันทั่วไปนั้น พร้อมให้ใช้งานแล้วสำหรับการติดตั้งผ่านกลไกเดิมที่พวกเขาเคยใช้ แอปพลิเคชันที่ทำงานตามภาษาที่ตีความแล้ว (เช่น Java, Node, Python) ที่ไม่ได้พึ่งพาชุดคำแนะนำ CPU แบบเนทีฟจะสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งใดหรือเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นโดยภาษาที่คอมไพล์ (C, C++, GoLang) จำเป็นจะต้องได้รับการคอมไพล์ซ้ำเพื่อสร้างไบนารีของ Arm สถาปัตยกรรมของ Arm ได้รับการรองรับเป็นอย่างดีในภาษาการเขียนโปรแกรมยอดนิยมเหล่านี้ และโค้ดสมัยใหม่มักจำเป็นต้องใช้คำสั่ง ‘Make’ แบบทั่วไป โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมในคู่มือเริ่มต้นใช้งาน GitHub

ถาม: อินสแตนซ์ Amazon EC2 A1 คืออะไร

อินสแตนซ์ Amazon EC2 A1 เป็นอินสแตนซ์สำหรับงานทั่วไปแบบใหม่ที่ทำงานโดย AWS Graviton Processor รุ่นแรกซึ่งออกแบบพิเศษโดย AWS

ถาม: AWS Graviton Processor รุ่นแรกมีคุณสมบัติอะไรบ้าง

AWS Graviton Processor ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษโดย AWS ซึ่งใช้ความเชี่ยวชาญในหลายๆ ด้านของ Amazon เพื่อสร้างโซลูชันแพลตฟอร์มสำหรับแอปพลิเคชันระบบคลาวด์ที่ทำงานได้ในทุกระดับ ตัวประมวลผลเหล่านี้มีพื้นฐานมาจากชุดคำสั่ง Arm 64 บิต และมีแกนประมวลผล Arm Neoverse รวมถึงซิลิคอนพิเศษที่ออกแบบโดย AWS แกนประมวลผลทำงานที่ความถี่ 2.3 GHz

ถาม: ฉันควรใช้อินสแตนซ์ A1 เมื่อใด

อินสแตนซ์ A1 ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมากสำหรับปริมาณงานที่ขยายเพิ่มเติมที่เหมาะกับหน่วยความจำที่มีให้ อินสแตนซ์ A1 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแอปพลิเคชันปรับขนาด เช่น เว็บเซิร์ฟเวอร์ ไมโครเซอร์วิสผ่านคอนเทนเนอร์ และการประมวลผลข้อมูล/บันทึก อินสแตนซ์เหล่านี้ยังน่าสนใจสำหรับนักพัฒนาที่ชื่นชอบ และนักการศึกษาทั่วทั้งชุมชนนักพัฒนา Arm

ถาม: ลูกค้าจะต้องแก้ไขแอปพลิเคชันและปริมาณงานเพื่อให้สามารถทำงานบนอินสแตนซ์ A1 หรือไม่

การปรับเปลี่ยนจะขึ้นอยู่กับแต่ละแอปพลิเคชัน แอปพลิเคชันที่สร้างตามภาษาที่ตีความแล้วหรือภาษาที่คอมไพล์รันไทม์ (เช่น Python, Java, PHP, Node.js) ควรทำงานได้โดยไม่ต้องแก้ไข แอปพลิเคชันอื่นอาจจำเป็นต้องทำการคอมไพล์ใหม่ และแอปที่ไม่ใช้คำสั่ง x86 จะสร้างโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนหรือปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย

ถาม: อินสแตนซ์ A1 รองรับระบบปฏิบัติการ/AMI ใดบ้าง

อินสแตนซ์ A1 รองรับ AMI ดังต่อไปนี้: Amazon Linux 2, Ubuntu 16.04.4 ขึ้นไป, Red Hat Enterprise Linux (RHEL) 7.6 ขึ้นไป หรือ SUSE Linux Enterprise Server 15 ขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนด้าน AMI เพิ่มเติมสำหรับ Fedora, Debian และ NGINX Plus ในชุมชน AMI และ AWS Marketplace อีกด้วย HVM AMI ที่รับการสนับสนุนจาก EBS ที่ทำงานบนอินสแตนซ์ A1 จำเป็นต้องติดตั้งไดรเวอร์ NVMe และ ENA เมื่อเปิดใช้งานอินสแตนซ์

ถาม: มีข้อกำหนด AMI ที่เฉพาะเจาะจงเพื่อทำงานบนอินสแตนซ์ M6g และ A1 หรือไม่

คุณต้องใช้ AMI แบบ “arm64” กับอินสแตนซ์ M6g และ A1 เพราะว่า AMI แบบ x86 ไม่รองรับอินสแตนซ์ M6g และ A1

ถาม: เมื่อไรที่ลูกค้าต้องเลือกใช้อินสแตนซ์ A1 หรือ M6g แบบใหม่

อินสแตนซ์ A1 มอบประโยชน์ด้านต้นทุนอย่างเห็นได้ชัดสำหรับปริมาณงานที่มีการขยายเพิ่มเติม ซึ่งสามารถทำงานได้บนแกนหลายแกนที่เล็กกว่า และเหมาะสำหรับหน่วยความจำเดิมที่มีอยู่แล้ว ในขณะที่อินสแตนซ์ M6g นั้น เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันหลากหลายรูปแบบที่ต้องการทรัพยากรการประมวลผล หน่วยความจำ และการสร้างเครือข่ายที่มากกว่า และ/หรือมีประโยชน์กับการขยายการทำงานข้ามแพลตฟอร์ม อินสแตนซ์ M6g จะมอบประสิทธิภาพที่คุ้มราคาที่สุดในกลุ่มประเภทอินสแตนซ์สำหรับแอปพลิเคชันเหล่านี้ M6g รองรับขนาดอินสแตนซ์ได้มากสุด 16xlarge (A1 รองรับได้มากสุด 4xlarge) หน่วยความจำ 4GB ต่อ vCPU (A1 รองรับหน่วยความจำ 2GB ต่อ vCPU) และแบนด์วิธการสร้างเครือข่ายได้มากสุด 25 Gbps (A1 รองรับได้มากสุด 10 Gbps)

ถาม: มีพื้นที่จัดเก็บขนาดเท่าใดบ้างให้ลูกค้า A1 เลือกใช้

อินสแตนซ์ A1 เป็นแบบเพิ่มประสิทธิภาพ EBS ตามค่าเริ่มต้น และมีแบนด์วิดท์เฉพาะสำหรับ EBS สูงสุด 3,500 Mbps สำหรับไดรฟ์ข้อมูล EBS ทั้งแบบเข้ารหัสและไม่ได้เข้ารหัส อินสแตนซ์ A1 รองรับเฉพาะอินเทอร์เฟซ Non-Volatile Memory Express (NVMe) ในการเข้าถึงไดรฟ์ที่เก็บข้อมูลแบบ EBS อินสแตนซ์ A1 ไม่รองรับส่วนติดต่อ blkfront

ถาม: อินเทอร์เฟซเครือข่ายใดที่รองรับอินสแตนซ์ A1

อินสแตนซ์ A1 รองรับเครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพที่ใช้ ENA เมื่อใช้ ENA อินสแตนซ์ A1 จะสามารถส่งมอบแบนด์วิธเครือข่ายระหว่างอินสแตนซ์ได้สูงสุด 10 Gbps เมื่อเปิดใช้ภายในกลุ่มการจัดวาง

ถาม: อินสแตนซ์ A1 รองรับ AWS Nitro System ใช่หรือไม่

ใช่ อินสแตนซ์ A1 นั้นทำงานโดยใช้ AWS Nitro System ซึ่งประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์แบบเฉพาะและ Nitro Hypervisor

ถาม: เพราะเหตุใดลูกค้าจึงควรเลือกอินสแตนซ์ EC2 M5 มากกว่าอินสแตนซ์ EC2 M4

เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ EC2 M4 จะพบว่าอินสแตนซ์ EC2 M5 ใหม่ช่วยให้ลูกค้าสามารถคำนวณและจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น อินสแตนซ์มีขนาดใหญ่ขึ้นโดยมีค่าใช้จ่ายที่น้อยลง มีความสอดคล้องและความปลอดภัย ประโยชน์สูงสุดของอินสแตนซ์ EC2 M5 มาจากการใช้ตัวประมวลผล Intel Xeon รุ่นล่าสุดที่สามารถปรับขนาดได้ (Skylake-SP หรือ Cascade Lake) ซึ่งมีราคา/ประสิทธิภาพการทำงานดีกว่าถึง 20% เมื่อเทียบกับ M4 ด้วยการรองรับ AVX-512 ใน M5 เทียบกับ AVX2 รุ่นเก่าใน M4 ลูกค้าจะได้รับประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น 2 เท่าสำหรับปริมาณงานที่ต้องใช้การประมวลผลจุดลอยตัว อินสแตนซ์ M5 มีแบนด์วิดท์เครือข่ายสูงสุด 25 Gbps และแบนด์วิดท์สูงสุด 10 Gbps สำหรับ Amazon EBS โดยเฉพาะ อินสแตนซ์ M5 ยังมีเครือข่ายและประสิทธิภาพของ Amazon EBS ที่สูงขึ้นมากในอินสแตนซ์ขนาดเล็กลงที่มีความสามารถในการขยาย EBS

ถาม: เพราะเหตุใดลูกค้าจึงควรเลือกอินสแตนซ์ M6i มากกว่าอินสแตนซ์ M5

อินสแตนซ์ M6i ของ Amazon ขับเคลื่อนโดยหน่วยประมวลผล Intel Xeon Scalable (ชื่อรหัส Ice Lake) รุ่นที่ 3 ที่มีความถี่เทอร์โบแบบทุกคอร์สูงสุด 3.5 GHz ซึ่งส่งผลให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าอินสแตนซ์ M5 ถึง 15% และการเข้ารหัสหน่วยความจำแบบเปิดใช้งานตลอดเวลาโดยใช้ Intel Total Memory Encryption (TME) อินสแตนซ์ M6i ของ Amazon EC2 เป็นรุ่นแรกที่ใช้อักษร “i” ตัวพิมพ์เล็กเพื่อบ่งบอกว่าเป็นอินสแตนซ์ที่ขับเคลื่อนโดย Intel อินสแตนซ์ M6i ให้อินสแตนซ์ขนาดใหม่ (m6i.32xlarge) ที่มี vCPUs 128 รายการและหน่วยความจำ 512 GiB ซึ่งใหญ่กว่าอินสแตนซ์ M5 ที่ใหญ่ที่สุดถึง 33% และยังให้แบนด์วิดท์หน่วยความจำต่อ vCPU สูงกว่าถึง 20% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ M5 ช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินการวิเคราะห์การใช้งาน AI/ML การเล่นเกม และการประมวลผลสมรรถนะสูง (HPC) ที่มีข้อมูลปริมาณมากแบบเรียลไทม์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ M6i ยังให้ความเร็วในระบบเครือข่ายสูงถึง 50 Gbps กับลูกค้าและแบนด์วิดท์ของ Amazon Elastic Block Store สูงถึง 40 Gbps ซึ่งเป็นสองเท่าของอินสแตนซ์ M5 M6i ยังให้ลูกค้าใช้ Elastic Fabric Adapter ในขนาด 32xlarge ซึ่งช่วยในการสื่อสารระหว่างโหนดที่มีเวลาแฝงต่ำและมีขนาดใหญ่ เพื่อประสิทธิภาพระบบเครือข่ายที่ดีที่สุดในการใช้งานอินสแตนซ์แบบใหม่เหล่านี้ ต้องอัปเดตไดรเวอร์ Elastic Network Adapter (ENA) ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไดรเวอร์ ENA ที่เหมาะกับ M6i ได้ที่บทความนี้

ถาม: การรองรับ Intel AVX-512 เป็นประโยชน์กับลูกค้าที่ใช้อินสแตนซ์ในตระกูล EC2 M5 หรือ M6i อย่างไร

Intel Advanced Vector Extension 512 (AVX-512) คือชุดของคำสั่ง CPU ใหม่ที่มีอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์หน่วยประมวลผล Intel Xeon Scalable รุ่นล่าสุด ซึ่งสามารถเร่งประสิทธิภาพตามเวิร์กโหลดและการใช้งานได้ เช่น การจำลองทางวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์ทางการเงิน ปัญญาประดิษฐ์ แมชชีนเลิร์นนิง/ดีปเลิร์นนิง การสร้างโมเดลและการวิเคราะห์สามมิติ การประมวลผลภาพและวิดีโอ การเข้ารหัสและการบีบอัดข้อมูล Intel AVX-512 มีการประมวลผลอัลกอริทึมเข้ารหัสที่พิเศษไม่เหมือนใครซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการเข้ารหัสลงได้ นั่นหมายความว่าลูกค้าที่ใช้อินสแตนซ์ในตระกูล M5 หรือ M6i ของ EC2 สามารถปรับใช้ข้อมูลและบริการที่มีความปลอดภัยมากขึ้นได้ในสภาพแวดล้อมแบบกระจายโดยไม่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง

ถาม: อินสแตนซ์ M5zn คืออะไร

อินสแตนซ์ M5zn คือตัวแปรของอินสแตนซ์ M5 สำหรับงานทั่วไปซึ่งทำงานโดยตัวประมวลผล Intel Xeon Scalable ที่เร็วที่สุดในระบบคลาวด์ ซึ่งมีความถี่พร้อมความเร็วแบบ Turbo สูงสุดถึง 4.5 GHz พร้อมระบบเครือข่ายความเร็ว 100 Gbps และการสนับสนุน Amazon EFA อินสแตนซ์ M5zn เหมาะสมสำหรับปริมาณงานอย่างเช่น การเล่นเกม แอปพลิเคชันทางการเงิน แอปพลิเคชันสร้างแบบจำลองเช่นที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ การบินและอวกาศ พลังงาน และการสื่อสาร รวมถึงแอปพลิเคชันการประมวลผลประสิทธิภาพสูงอื่นๆ

ถาม: อินสแตนซ์ M5zn แตกต่างจากอินสแตนซ์ z1d อย่างไร

อินสแตนซ์ z1d เป็นอินสแตนซ์เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำและมีตัวประมวลผล Intel Xeon Scalable เวอร์ชันความถี่สูง (สูงสุด 4.0 GHz) ซึ่งมีพื้นที่จัดเก็บ NVMe ภายใน อินสแตนซ์ M5zn เป็นอินสแตนซ์สำหรับงานทั่วไปและมีมีตัวประมวลผล Intel Xeon Scalable รุ่นที่ 2 เวอร์ชันความถี่สูง (สูงสุด 4.5 GHz) ซึ่งมีประสิทธิภาพระบบเครือข่ายความเร็วสูงสุด 100 Gbps และรองรับ EFA อินสแตนซ์ M5zn มอบประสิทธิภาพด้านราคาที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ z1d

อินสแตนซ์หน่วยความจำสูง

ถาม: อินสแตนซ์ EC2 High Memory คืออะไร

อินสแตนซ์ Amazon EC2 High Memory มีหน่วยความจำขนาด 3, 6, 9, 12, 18 หรือ 24 TiB ในอินสแตนซ์เดี่ยว อินสแตนซ์เหล่านี้ออกแบบมาเพื่อเรียกใช้ฐานข้อมูลในหน่วยความจำที่มีขนาดใหญ่ เช่น การติดตั้งงานผลิต SAP HANA ในระบบคลาวด์

อินสแตนซ์ EC2 High Memory พร้อมหน่วยความจำ 3, 6, 9 และ 12 TiB ขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์มแบบ 8 ซ็อกเก็ต ที่มาพร้อมกับตัวประมวลผล Intel® Xeon® Platinum 8176M (Skylake) อินสแตนซ์ EC2 High Memory ที่มีหน่วยความจำขนาด 18 และ 24 TiB เป็นอินสแตนซ์ Amazon EC2 แบบแรกที่ขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์มแบบ 8 ซ็อกเก็ต ที่มาพร้อมกับตัวประมวลผล Intel® Xeon® Scalable (Cascade Lake) รุ่นที่ 2 ซึ่งได้รับการปรับแต่งมาเพื่อใช้กับเวิร์กโหลดในระดับองค์กรที่มีความสำคัญสูง อินสแตนซ์ EC2 High Memory จะส่งมอบปริมาณงานการทำเครือข่ายระดับสูงแต่มีเวลาแฝงต่ำพร้อมแบนด์วิดท์เครือข่ายโดยรวมที่สูงถึง 100 Gbps โดยใช้ Enhanced Networking แบบใช้ Elastic Network Adapter (ENA) ของ Amazon อินสแตนซ์ EC2 High Memory เป็นแบบเพิ่มประสิทธิภาพ EBS ตามค่าเริ่มต้น และรองรับไดรฟ์ข้อมูล EBS แบบเข้ารหัสและไม่ได้เข้ารหัส

ถาม: อินสแตนซ์หน่วยความจำสูงได้รับการรับรองโดย SAP ให้เรียกใช้งานเวิร์กโหลด SAP HANA ใช่หรือไม่

อินสแตนซ์ High Memory ได้รับการรับรองโดย SAP สำหรับการเรียกใช้งาน Business Suite on HANA, Business Suite S/4HANA รุ่นใหม่, Data Mart Solutions on HANA, Business Warehouse on HANA และ SAP BW/4HANA ในสภาพแวดล้อมการผลิต ดูรายละเอียดที่ไดเรกทอรีฮาร์ดแวร์ SAP HANA ที่ได้รับการรับรองและสนับสนุนของ SAP

ถาม: อินสแตนซ์ชนิดใดที่มีให้สำหรับอินสแตนซ์หน่วยความจำสูงบ้าง

อินสแตนซ์หน่วยความจำสูงพร้อมใช้งานทั้งในรูปแบบอินสแตนซ์ Bare Metal และอินสแตนซ์เสมือน ซึ่งทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการเข้าถึงโดยตรงสู่ทรัพยากรฮาร์ดแวร์พื้นฐาน หรือใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นเพิ่มเติมที่อินสแตนซ์เสมือนมอบให้ ซึ่งรวมถึงตัวเลือกการซื้อแบบตามความต้องการและ Savings Plan แบบ 1 ปีและ 3 ปี โปรดตรวจสอบตัวเลือกที่มีให้สำหรับอินสแตนซ์หน่วยความจำสูงแบบเพิ่มประสิทธิภาพในส่วนของหน้าประเภท อินสแตนซ์ EC2

ถาม: การใช้อินสแตนซ์เสมือนหน่วยความจำสูงมีประโยชน์กว่าการใช้อินสแตนซ์ Bare Metal อย่างไรบ้าง

การใช้อินสแตนซ์เสมือนหน่วยความจำสูงมีประโยชน์กว่าการใช้อินสแตนซ์ Bare Metal ได้แก่ - เวลาเปิด/รีบูตที่ดีขึ้นอย่างมาก ตัวเลือกการซื้อที่ยืดหยุ่น (On-Demand, Savings Plan, Reserved Instanes, Dedicated Hosts) ตัวเลือกสิทธิ์การใช้งาน ตัวเลือกการบริการตัวเองและการสนับสนุนปริมาณ EBS จำนวนมากขึ้น (27 vs 19)

ถาม: ควรใช้อินสแตนซ์ 'Metal' หน่วยความจำสูงอย่างไรเมื่อเทียบกับการใช้อินสแตนซ์ 'เสมือน' หน่วยความจำสูง

แม้ว่าจะมีการแนะนำให้ใช้อินสแตนซ์ 'เสมือน' หน่วยความจำสูง แต่จะมีสถานการณ์เฉพาะที่มีเพียงอินสแตนซ์ Metal หน่วยความจำสูงเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ สถานการณ์เหล่านี้รวมถึง — เมื่อใช้เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้รับการสนับสนุนในอินสแตนซ์เสมือนหน่วยความจำสูง หรือเมื่อใช้แอปพลิเคชันที่ต้องทำงานในโหมดไม่เสมือน เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดการให้สิทธิ์การใช้งาน/การสนับสนุน หรือเมื่อใช้แอปพลิเคชันที่ต้องการการเข้าถึงชุดคุณสมบัติฮาร์ดแวร์ (เช่น Intel VT-x) หรือเมื่อใช้ไฮเปอร์ไวเซอร์แบบกำหนดเอง (เช่น ESXi)

ถาม: จะสามารถโอนย้ายจากอินสแตนซ์ Metal หน่วยความจำสูงไปยังอินสแตนซ์เสมือนหน่วยความจำสูงได้อย่างไร

คุณสามารถโอนย้ายอินสแตนซ์ Metal หน่วยความจำสูงของคุณไปยังอินสแตนซ์เสมือนได้ในไม่กี่ขั้นตอน 1/หยุดอินสแตนซ์ของคุณ 2/เปลี่ยนอินสแตนซ์และประเภทสิทธิ์การใช้งานผ่าน EC2 API และ 3/ เริ่มอินสแตนซ์สำรองของคุณ หากคุณใช้ Red Hat Enterprise Linux สำหรับ SAP หรือ SUSE Linux Enterprise Server สำหรับ SAP คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันเคอร์เนลของคุณเข้ากันได้กับอินสแตนซ์เสมือนหน่วยความจำสูง โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เอกสารประกอบ การโอนย้าย SAP HANA บน AWS ไปยังอินสแตนซ์หน่วยความจำสูง EC2

ถาม: อินสแตนซ์หน่วยความจำสูงมีตัวเลือกสำหรับพื้นที่จัดเก็บแบบใดบ้าง

อินสแตนซ์ High Memory รองรับการใช้ไดรฟ์ข้อมูล Amazon EBS เป็นพื้นที่จัดเก็บ อินสแตนซ์ High Memory มีการปรับให้เหมาะสมกับ EBS เป็นค่าเริ่มต้น และมอบแบนวิดท์การจัดเก็บข้อมูลให้สูงสุด 38 Gbps

ถาม: อินเทอร์เฟซการจัดเก็บข้อมูลใดที่รองรับอินสแตนซ์ High Memory

อินสแตนซ์ High Memory เข้าถึงไดรฟ์ข้อมูล EBS ผ่านอินเทอร์เฟซ PCI ที่แนบ NVM Express (NVMe) ไดรฟ์ข้อมูล EBS ที่แนบมากับอินสแตนซ์ High Memory จะปรากฏเป็นอุปกรณ์ NVMe NVMe เป็นอินเทอร์เฟซพื้นที่จัดเก็บที่มีประสิทธิภาพและวัดปริมาณได้ ซึ่งมักนำมาใช้สำหรับ SSD แบบแฟลชและการลดเวลาแฝง จึงส่งผลให้มี I/O ของดิสก์และปริมาณงานที่มากขึ้น ไดรฟ์ข้อมูล EBS จะแนบและถอดโดยใช้ PCI Hotplug

ถาม: ประสิทธิภาพของเครือข่ายใดบ้างที่รองรับอินสแตนซ์หน่วยความจำสูง

อินสแตนซ์ High Memory ใช้ Elastic Network Adapter (ENA) สำหรับระบบเครือข่ายและเปิดใช้งาน Enhanced Networking ตามค่าเริ่มต้น ENA ทำให้อินสแตนซ์ High Memory สามารถใช้แบนวิดท์เครือข่ายได้สูงสุด 100 Gbps

ถาม: ฉันใช้อินสแตนซ์ High Memory ใน Amazon Virtual Private Cloud (Amazon VPC) ที่มีได้หรือไม่

คุณใช้อินสแตนซ์หน่วยความจำสูงใน Amazon VPC ที่มีอยู่แล้วหรือที่สร้างใหม่ได้

ถาม: ไฮเปอร์ไวเซอร์พื้นฐานบนอินสแตนซ์ High Memory คืออะไร

อินสแตนซ์ High Memory ใช้ Nitro Hypervisor ที่ไม่เปลืองทรัพยากร ซึ่งใช้เทคโนโลยี KVM หลัก

ถาม: อินสแตนซ์ High Memory ช่วยเปิดระบบควบคุมสถานะการจัดการพลังงานของ CPU หรือไม่

ใช่ คุณกำหนดค่า C-state และ P-state บนอินสแตนซ์ High Memory ได้ คุณสามารถใช้ C-state เพื่อให้มีความถี่เทอร์โบสูงขึ้น (สูงสุดถึง 4.0 GHz) นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ P-state เพื่อลดความแปรปรวนของประสิทธิภาพได้ โดยการตรึงแกนทั้งหมดที่ P1 หรือสถานะ P ที่สูงกว่า ซึ่งคล้ายกับการปิดใช้งานเทอร์โบ และเรียกใช้อย่างต่อเนื่องที่ความเร็วของนาฬิกาพื้นฐานของ CPU

ถาม: อินสแตนซ์หน่วยความจำสูงมีตัวเลือกการซื้อแบบใดบ้าง

อินสแตนซ์เสมือนจริงหน่วยความจำสูง EC2 (เช่น u-6tb1.112xlarge) สามารถซื้อได้ผ่าน On-Demand, Savings Plan แบบ 1 ปีและ 3 ปี และ Reserved Instance แบบ 1 ปีและ 3 ปี อินสแตนซ์ Bare Metal หน่วยความจำสูง EC2 (เช่น u-6tb1.metal) พร้อมใช้งานเป็น Dedicated Host EC2 ในการเหมาจ่ายแบบ 1 ปีและ 3 ปีเท่านั้น

ถาม: วงจรชีวิตของ Dedicated Host คืออะไร

เมื่อ Dedicated Host ถูกแบ่งไว้ภายในบัญชีของคุณ โฮสต์จะพร้อมให้คุณใช้งาน จากนั้นคุณสามารถเริ่มใช้อินสแตนซ์ด้วยเวลาแฝงของ "โฮสต์" โดยใช้ RunInstances API ได้ และยังสามารถหยุด/เริ่ม/ยกเลิกอินสแตนซ์ผ่าน API เดียวกันได้อีกด้วย คุณสามารถใช้คอนโซลการจัดการของ AWS เพื่อจัดการ Dedicated Host และอินสแตนซ์ได้ 

ถาม: ฉันเรียกใช้ หยุด/เริ่ม และยกเลิกโดยอินสแตนซ์ High Memory โดยใช้ AWS CLI/SDK ใช้ได้หรือไม่

คุณสามารถเริ่มใช้ หยุด/เริ่ม และยกเลิกอินสแตนซ์โดยใช้ AWS CLI/SDK ได้

ถาม: AMI ใดบ้างที่รองรับกับอินสแตนซ์ High

EBS-backed HVM AMI ที่มีการรับรองสำหรับการทำเครือข่าย ENA สามารถนำมาใช้กับอินสแตนซ์ High Memory ได้ มีการรองรับ Amazon Linux, Red Hat Enterprise Linux, SUSE Enterprise Linux Server และ Windows Server AMI รุ่นล่าสุด ระบบปฏิบัติการที่รองรับสำหรับปริมาณงาน SAP HANA บนอินสแตนซ์ High Memory ได้แก่ SUSE Linux Enterprise Server 12 SP3 for SAP, Red Hat Enterprise Linux 7.4 for SAP, Red Hat Enterprise Linux 7.5 for SAP, SUSE Linux Enterprise Server 12 SP4 for SAP, SUSE Linux Enterprise Server 15 for SAP และ Red Hat Enterprise Linux 7.6 for SAP ดูรายละเอียดล่าสุดเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการที่รองรับได้ที่ไดเรกทอรีฮาร์ดแวร์ SAP HANA ที่ได้รับการรับรองและสนับสนุนของ SAP

ถาม: มีเฟรมเวิร์กการนำไปใช้จริงอ้างอิงของ SAP HANA มาตรฐานสำหรับอินสแตนซ์ High Memory และ AWS Cloud หรือไม่

คุณสามารถใช้การปรับใช้งานข้อมูลอ้างอิง AWS Quick Start สำหรับ SAP HANA เพื่อปรับใช้บล็อกการสร้าง SAP HANA ที่จำเป็นทั้งหมดบนอินสแตนซ์ High Memory ได้อย่างรวดเร็วตามคำแนะนำของ SAP เพื่อประสิทธิภาพและความเสถียรในระดับสูง AWS Quick Start สามารถรวมและปรับแต่งได้ เพื่อให้คุณสามารถจัดระดับฟังก์ชันเพิ่มเติมเข้าไปหรือแก้ไขเพื่อการใช้งานของคุณเอง

อินสแตนซ์แบบเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำ

ถาม: ฉันควรใช้อินสแตนซ์เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำเมื่อใด

อินสแตนซ์เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำมีหน่วยความจำขนาดใหญ่สำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องใช้หน่วยความจำมาก ซึ่งรวมถึงแอปพลิเคชันแบบใช้หน่วยความจำ ฐานข้อมูลแบบใช้หน่วยความจำ โซลูชันการวิเคราะห์ข้อมูลแบบใช้หน่วยความจำ HPC การประมวลผลทางวิทยาศาสตร์ และแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่ใช้หน่วยความจำอย่างมาก 

ถาม: อินสแตนซ์ Amazon EC2 R6g คืออะไร

อินสแตนซ์ Amazon EC2 R6g คืออินสแตนซ์เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำรุ่นใหม่ ที่ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ AWS Graviton2 แบบ Arm อินสแตนซ์ R6g มอบประสิทธิภาพและความคุ้มค่ามากขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ R5 อินสแตนซ์ดังกล่าวสร้างบน AWS Nitro System ซึ่งเป็นการผสมรวมฮาร์ดแวร์เฉพาะและไฮเปอร์ไวเซอร์ Nitro เข้าด้วยกัน

ถาม: กรณีการใช้งานที่เหมาะกับอินสแตนซ์ R6g ที่สุดมีอะไรบ้าง

อินสแตนซ์ R6g มอบประสิทธิภาพและความคุ้มราคาอย่างเห็นได้ชัดสำหรับเวิร์กโหลดที่เน้นหน่วยความจำ เช่น อินสแตนซ์ต่างๆ และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการรันเวิร์กโหลดที่เน้นหน่วยความจำ เช่น ฐานข้อมูลโอเพนซอร์ส แคชแบบใช้หน่วยความจำ และการวิเคราะห์ Big Data แบบเรียลไทม์ ลูกค้าที่ปรับใช้แอปพลิเคชันที่สร้างบนซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์สบนกลุ่มอินสแตนซ์ R จะทราบดีว่าอินสแตนซ์ R6g เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการระบุประสิทธิภาพที่คุ้มราคาที่สุดในกลุ่มอินสแตนซ์ นักพัฒนาแบบ Arm ยังสามารถสร้างแอปพลิเคชันได้โดยตรงบนฮาร์ดแวร์ Arm แบบเนทีฟเพราะไม่จำเป็นต้องรวบรวมหรือจำลองข้ามคลาวด์

ถาม: มีตัวเลือกพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่หลากหลายอะไรบ้างที่อินสแตนซ์ R6g จะมอบให้ได้

อินสแตนซ์ R6g เป็นแบบเพิ่มประสิทธิภาพ EBS ตามค่าเริ่มต้น และมีแบนด์วิดท์เฉพาะสำหรับ EBS สูงสุด 19,000 Mbps สำหรับไดรฟ์ข้อมูล EBS ทั้งแบบเข้ารหัสและไม่ได้เข้ารหัส อินสแตนซ์ R6g รองรับเฉพาะอินเทอร์เฟซ Non-Volatile Memory Express (NVMe) ในการเข้าถึงไดรฟ์ที่เก็บข้อมูลแบบ EBS นอกจากนั้น ยังมีตัวเลือกที่จัดเก็บข้อมูลของอินสแตนซ์แบบ NVMe ภายในผ่านประเภทอินสแตนซ์ R6gd ต่างๆ อีกด้วย

ถาม: อินเทอร์เฟซเครือข่ายใดที่รองรับอินสแตนซ์ R6g

อินสแตนซ์ R6g รองรับเครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพแล้วที่ใช้ ENA เมื่อใช้ ENA อินสแตนซ์ R6g จะสามารถส่งมอบแบนด์วิดท์เครือข่ายได้สูงสุด 25 Gbps ระหว่างอินสแตนซ์เมื่อเปิดใช้ภายในกลุ่มการจัดวาง

ถาม: ลูกค้าจะต้องแก้ไขแอปพลิเคชันและปริมาณงานเพื่อให้สามารถทำงานบนอินสแตนซ์ R6g หรือไม่

การปรับเปลี่ยนจะขึ้นอยู่กับแต่ละแอปพลิเคชัน ลูกค้าที่ใช้งานแอปพลิเคชันที่สร้างบนซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สจะทราบดีว่าระบบนิเวศของ Arm ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดีและรองรับแอปพลิเคชันของพวกเขาได้ดีอีกด้วย การเผยแพร่ Linux ส่วนใหญ่รวมถึงคอนเทนเนอร์ (Docker, Kubernetes, Amazon ECS, Amazon EKS, Amazon ECR) รองรับสถาปัตยกรรมของ Arm ได้เป็นอย่างดี ลูกค้าจะพบว่าเวอร์ชัน Arm ของแพ็คเกจซอฟต์แวร์ที่ใช้กันทั่วไปนั้น พร้อมให้ใช้งานแล้วสำหรับการติดตั้งผ่านกลไกเดิมที่พวกเขาเคยใช้ แอปพลิเคชันที่ทำงานตามภาษาที่ตีความแล้ว (เช่น Java, Node, Python) ที่ไม่ได้พึ่งพาชุดคำแนะนำ CPU แบบเนทีฟจะสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งใดหรือเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นโดยภาษาที่คอมไพล์ (C, C++, GoLang) จำเป็นจะต้องได้รับการคอมไพล์ซ้ำเพื่อสร้างไบนารีของ Arm สถาปัตยกรรมของ Arm ได้รับการรองรับเป็นอย่างดีในภาษาการเขียนโปรแกรมยอดนิยมเหล่านี้ และโค้ดสมัยใหม่มักจำเป็นต้องใช้คำสั่ง ‘Make’ แบบทั่วไป โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมในคู่มือเริ่มต้นใช้งาน GitHub

ถาม: เพราะเหตุใดคุณจึงควรเลือกอินสแตนซ์ R6i มากกว่าอินสแตนซ์ R5

อินสแตนซ์ R6i ของ Amazon ขับเคลื่อนโดยหน่วยประมวลผล Intel Xeon Scalable (Ice Lake) รุ่นที่ 3 ที่มีความถี่เทอร์โบแบบทุกคอร์สูงสุด 3.5 GHz ซึ่งส่งผลให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าอินสแตนซ์ R5 ถึง 15% และการเข้ารหัสหน่วยความจำแบบเปิดใช้งานตลอดเวลาโดยใช้ Intel Total Memory Encryption (TME) อินสแตนซ์ R6i ของ Amazon EC2 ใช้อักษร “i” ตัวพิมพ์เล็กเพื่อบ่งบอกว่าเป็นอินสแตนซ์ที่ขับเคลื่อนโดย Intel อินสแตนซ์ R6i ให้อินสแตนซ์ขนาดใหม่ (r6i.32xlarge) ที่มี vCPUs 128 รายการและหน่วยความจำ 1,024 GiB ซึ่งใหญ่กว่าอินสแตนซ์ R5 ที่ใหญ่ที่สุดถึง 33% และยังให้แบนด์วิดท์หน่วยความจำต่อ vCPU สูงกว่าถึง 20% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ R5 ช่วยให้คุณสามารถดำเนินการวิเคราะห์การใช้งาน AI/ML การเล่นเกม และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) ที่มีข้อมูลปริมาณมากแบบเรียลไทม์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อินสแตนซ์ R6i ยังให้ความเร็วในระบบเครือข่ายสูงถึง 50 Gbps และแบนด์วิดท์ของ Amazon Elastic Block Store สูงถึง 40 Gbps ซึ่งเป็นสองเท่าของอินสแตนซ์ R5 อินสแตนซ์ R6i ช่วยให้คุณสามารถใช้ Elastic Fabric Adapter เพื่อใช้ Elastic Fabric Adapter (EFA) ในขนาด 32xlarge และ Metal ซึ่งช่วยในการสื่อสารระหว่างโหนดที่มีเวลาแฝงต่ำและมีขนาดใหญ่ เพื่อประสิทธิภาพระบบเครือข่ายที่ดีที่สุดในการใช้งานอินสแตนซ์แบบใหม่เหล่านี้ ต้องอัปเดตไดรเวอร์อะแดปเตอร์เครือข่ายแบบยืดหยุ่น (ENA) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไดรเวอร์ ENA ที่ดีที่สุดสำหรับ R6i โปรดดูที่ "ฉันต้องดำเนินการใดบ้างก่อนการย้ายอินสแตนซ์ EC2 ของฉันไปยังอินสแตนซ์รุ่นที่หก" ในศูนย์รวมข้อมูล

ถาม: อินสแตนซ์ Amazon EC2 R5b คืออะไร

อินสแตนซ์ R5b คือตัวแปรของอินสแตนซ์ R5 เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำที่ปรับให้เหมาะสมกับ EBS ซึ่งให้ประสิทธิภาพ EBS ที่ดีกว่าถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ R5 ขนาดเดียวกัน อินสแตนซ์ R5b มีแบนด์วิดท์สูงสุด 60 Gbps และประสิทธิภาพ EBS 260K IOPS ซึ่งเป็นประสิทธิภาพของพื้นที่จัดเก็บบล็อกที่เร็วที่สุดบน EC2 อินสแตนซ์ดังกล่าวสร้างบน AWS Nitro System ซึ่งเป็นการผสมรวมฮาร์ดแวร์เฉพาะและไฮเปอร์ไวเซอร์ Nitro เข้าด้วยกัน

ถาม: กรณีการใช้งานที่เหมาะกับอินสแตนซ์ R5b ที่สุดมีอะไรบ้าง

อินสแตนซ์ R5b เหมาะสำหรับปริมาณฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ขนาดใหญ่ ได้แก่ Microsoft SQL Server, SAP HANA, IBM DB2 และ Oracle ซึ่งเรียกใช้แอปพลิเคชันในเชิงลึกด้านประสิทธิภาพเช่น แพลตฟอร์มการค้า ระบบ ERP และระบบบันทึกข้อมูลสุขภาพ ลูกค้าที่ต้องการย้ายข้อมูลปริมาณงานในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความต้องการด้านประสิทธิภาพพื้นที่จัดเก็บขนาดใหญ่ไปยัง AWS จะพบว่าอินสแตนซ์ R5b มีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

ถาม: มีตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูลที่หลากหลายใดบ้างที่อินสแตนซ์ R5b จะมอบให้ได้

อินสแตนซ์ R5b ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับ EBS ตามค่าเริ่มต้น และมีแบนด์วิดท์เฉพาะสำหรับ EBS สูงสุด 60,000 Mbps และ 260K IOPS สำหรับไดรฟ์ข้อมูล EBS ทั้งแบบเข้ารหัสและไม่ได้เข้ารหัส อินสแตนซ์ R5b รองรับเฉพาะอินเทอร์เฟซ Non-Volatile Memory Express (NVMe) ในการเข้าถึงไดรฟ์ที่เก็บข้อมูลแบบ EBS R5b ได้รับการสนับสนุนโดยไดรฟ์ข้อมูลทุกประเภทยกเว้นไดรฟ์ข้อมูล io2

ถาม: ฉันควรใช้อินสแตนซ์ R5b เมื่อใด

ลูกค้าที่ใช้งานเวิร์กโหลดต่างๆ เช่น ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งต้องใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพเครือข่ายพื้นที่จัดเก็บ EBS ที่เพิ่มขึ้นสามารถใช้อินสแตนซ์ R5b เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและแบนด์วิดท์ที่สูงขึ้น ลูกค้ายังสามารถลดค่าใช้จ่ายได้โดยการโยกย้ายเวิร์กโหลดของตนไปยังอินสแตนซ์ R5b ที่มีขนาดเล็กลง หรือโดยการรวมเวิร์กโหลดลงในอินสแตนซ์ R5b ที่น้อยกว่า

ถาม: มีตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูลที่หลากหลายใดบ้างที่อินสแตนซ์ High Memory

อินสแตนซ์ High Memory รองรับการใช้ไดรฟ์ข้อมูล Amazon EBS เป็นพื้นที่จัดเก็บ อินสแตนซ์ High Memory ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับ EBS ตามค่าเริ่มต้น และมีแบนด์วิดท์พื้นที่จัดเก็บสูงสุด 38 Gbps สำหรับไดรฟ์ข้อมูล EBS แบบเข้ารหัสและไม่ได้เข้ารหัส

ถาม: อินสแตนซ์ Amazon EC2 X2gd คืออะไร

อินสแตนซ์ Amazon EC2 X2gd คืออินสแตนซ์เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำรุ่นใหม่ที่ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ AWS Graviton2 แบบ Arm ที่ออกแบบโดย AWS อินสแตนซ์ X2gd มอบประสิทธิภาพต่อราคาที่ดีกว่าถึง 55% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ X1 แบบ x86 และให้ต้นทุนด้านหน่วยความจำต่อ GiB ใน Amazon EC2 ต่ำที่สุด เป็นอินสแตนซ์ X ตัวแรกที่สร้างขึ้นบน AWS Nitro System ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างฮาร์ดแวร์เฉพาะและ Nitro Hypervisor

ถาม: เวิร์กโหลดใดที่เหมาะสมกับอินสแตนซ์ X2gd

X2gd เหมาะสำหรับลูกค้าที่มีปริมาณงานแบบขยายออกตามหน่วยความจำที่ทำงานร่วมกันได้กับ Arm เช่น Redis และฐานข้อมูลภายในหน่วยความจำ Memcached ที่ต้องมีเวลาแฝงในการเข้าถึงหน่วยความจำต่ำและใช้ประโยชน์เพิ่มเติมจากหน่วยความจำต่อ vCPU X2gd ยังเหมาะสำหรับฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์เช่น PostgreSQL, MariaDB, MySQL และ RDS Aurora ลูกค้าที่ใช้งานปริมาณงานที่ใช้หน่วยความจำมาก เช่น Apache Hadoop การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ และเซิร์ฟเวอร์การแคชแบบเรียลไทม์จะได้ประโยชน์จากอัตราส่วน vCPU ต่อหน่วยความจำที่ 1:16 ของ X2gd ปริมาณงานแบบเธรดเดียว เช่น งานตรวจสอบแบ็คเอนด์ EDA จะได้ประโยชน์จากแกนจริงและหน่วยความจำที่มากขึ้นของอินสแตนซ์ X2gd ทำให้สามารถรวมปริมาณงานได้มากขึ้นบนอินสแตนซ์เดียว อินสแตนซ์ X2gd ยังมีพื้นที่จัดเก็บบล็อก NVMe SSD ในเครื่องเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านเวลาในการตอบสนองโดยทำหน้าที่เป็นเลเยอร์การแคช

ถาม: ฉันควรใช้อินสแตนซ์ X2gd เทียบกับอินสแตนซ์ X1, X2i หรือ R เมื่อใด

อินสแตนซ์ X2gd เหมาะสำหรับเวิร์กโหลดแบบขยายออกตามหน่วยความจำที่ทำงานร่วมกันได้กับ Arm เช่น ฐานข้อมูลแบบใช้หน่วยความจำ แอปพลิเคชันการวิเคราะห์หน่วยความจำ เวิร์กโหลดฐานข้อมูลแบบเชิงสัมพันธ์แบบโอเพนซอร์ส เวิร์กโหลด EDA และเซิร์ฟเวอร์การแคชขนาดใหญ่ อินสแตนซ์ X2gd นำเสนอต้นทุนต่ำที่สุดต่อหน่วยความจำหลักกิกะไบต์ภายใน EC2 โดยมีขนาดสูงสุด 1 TiB อินสแตนซ์ X2iezn, X2idn, X2iedn, X1 และ X1e ใช้โปรเซสเซอร์ x86 และเหมาะสำหรับเวิร์กโหลดขยายขนาดระดับองค์กรที่ใช้หน่วยความจำสูง เช่น เวิร์กโหลดของ Windows, ฐานข้อมูลแบบใช้หน่วยความจำ (เช่น SAP HANA) และฐานข้อมูลแบบเชิงสัมพันธ์ (เช่น OracleDB) ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากอินสแตนซ์ X ที่ใช้ x86 สำหรับขนาดหน่วยความจำที่ใหญ่ขึ้นสูงสุดถึง 4 TiB อินสแตนซ์ R6g และ R6gd เหมาะสำหรับเวิร์กโหลด เช่น แอปพลิเคชันบนเว็บ ฐานข้อมูล และการสืบค้นดัชนีการค้นหาที่ต้องใช้ vCPU มากขึ้นในระหว่างประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ลูกค้าที่เรียกใช้เวิร์กโหลดที่ผูกกับหน่วยความจำซึ่งต้องการหน่วยความจำน้อยกว่า 1 TiB และมีการพึ่งพาชุดคำสั่ง x86 เช่น แอปพลิเคชัน Windows และแอปพลิเคชันอย่าง Oracle หรือ SAP สามารถใช้ประโยชน์จากอินสแตนซ์ R5 และอินสแตนซ์ R6 ได้

ถาม: ฉันควรใช้อินสแตนซ์ X2idn และ X2iedn เมื่อใด

อินสแตนซ์ X2idn และ X2iedn ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable รุ่นที่ 3 ซึ่งมีความถี่เทอร์โบแบบ all-core สูงสุด 3.5 GHz และมอบประสิทธิภาพด้านราคาในการประมวลผลสูงกว่าอินสแตนซ์ X1 ที่เปรียบเทียบกันได้ถึง 50% ทั้งอินสแตนซ์ X2idn และ X2iedn ประกอบด้วยพื้นที่จัดเก็บ NVMe SSD ในเครื่องสูงสุด 3.8 TB และแบนด์วิดท์เครือข่ายสูงสุด 100 Gbps ในขณะที่ X2idn นำเสนอหน่วยความจำสูงสุด 2 TiB ส่วน X2iedn นำเสนอหน่วยความจำสูงสุด 4 TiB อินสแตนซ์ X2idn และ X2iedn ได้รับการรับรองจาก SAP และเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับเวิร์กโหลดอย่างฐานข้อมูลขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ทั้งแบบดั้งเดิมและในหน่วยความจำ และการวิเคราะห์

ถาม: ควรใช้อินสแตนซ์ X2iezn เมื่อใด

อินสแตนซ์ X2iezn มีโปรเซสเซอร์ Intel Xeon ที่ปรับขนาดได้ซึ่งเร็วที่สุดในระบบคลาวด์ และเหมาะอย่างยิ่งกับเวิร์กโหลดที่ต้องการประสิทธิภาพแบบเธรดเดียวระดับสูงรวมกับอัตราส่วนหน่วยความจำต่อ vCPU สูงและเครือข่ายความเร็วสูง อินสแตนซ์ X2iezn มีความถี่เทอร์โบแบบทุกคอร์สูงสุด 4.5 GHz มีหน่วยความจำอัตราส่วน 32:1 ต่อ vCPU และให้ประสิทธิภาพด้านราคาการประมวลผลสูงขึ้นสูงสุดถึง 55% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ X1e อินสแตนซ์ X2iezn เหมาะอย่างยิ่งกับเวิร์กโหลด Electronic Design Automation (EDA) เช่น การตรวจสอบทางกายภาพ การวิเคราะห์เวลาคงที่ การจำลองระดับเกตชิปแบบเต็ม และ Power Signoff

ถาม: อินสแตนซ์ X2gd รองรับระบบปฏิบัติการ/AMI ใดบ้าง

รองรับ AMI ดังต่อไปนี้: Amazon Linux 2, Ubuntu 18.04 ขึ้นไป, Red Hat Enterprise Linux 8.2 ขึ้นไป และ SUSE Enterprise Server 15 ขึ้นไป ลูกค้าจะพบ AMI เพิ่มเติม เช่น Fedora, Debian, NetBSD และ CentOS พร้อมให้บริการผ่าน AMI ชุมชนและ AWS Marketplace สำหรับแอปพลิเคชันที่ใช้คอนเทนเนอร์ มี AMI ที่ปรับให้เหมาะสำหรับ Amazon ECS และ EKS ให้บริการเช่นกัน

ถาม: ฉันควรใช้อินสแตนซ์ X1 เมื่อใด

อินสแตนซ์ X1 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเรียกใช้ฐานข้อมูลแบบใช้หน่วยความจำ เช่น SAP HANA เอนจินประมวลผล Big Data เช่น Apache Spark หรือ Presto และแอปพลิเคชันการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) อินสแตนซ์ X1 ได้รับการรับรองโดย SAP เพื่อเรียกใช้สภาพการทำงานในการผลิตของ Business Suite S/4HANA, Business Suite on HANA (SoH), Business Warehouse on HANA (BW) และ Data Mart Solutions on HANA บน AWS cloud

ถาม: อินสแตนซ์ X1 และอินสแตนซ์ X1e ช่วยให้สามารถควบคุมสถานะการจัดการพลังงานของ CPU ได้ใช่หรือไม่

ใช่ คุณสามารถกำหนดค่าสถานะ C และสถานะ P ในอินสแตนซ์ต่างๆ คือ x1e.32xlarge, x1e.16xlarge, x1e.8xlarge, x1.32xlarge และ x1.16xlarge ได้ คุณสามารถใช้ C-states เพื่อให้มีความถี่เทอร์โบสูงขึ้น (สูงสุดถึง 3.1 GHz ด้วยเทอร์โบหนึ่งหรือสองแกน) นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ P-state เพื่อลดความแปรปรวนของประสิทธิภาพได้ โดยการตรึงแกนทั้งหมดที่ P1 หรือสถานะ P ที่สูงกว่า ซึ่งคล้ายกับการปิดใช้งานเทอร์โบ และเรียกใช้อย่างต่อเนื่องที่ความเร็วของนาฬิกาพื้นฐานของ CPU

x1e.32xlarge จะยังรองรับ Windows Server 2012 R2 และ 2012 RTM เช่นกัน x1e.xlarge, x1e.2xlarge, x1e.4xlarge, x1e.8xlarge, x1e.16xlarge และ x1.32xlarge จะยังรองรับ Windows Server 2012 R2, 2012 RTM และ 2008 R2 64 บิต (ไม่รองรับ Windows Server 2008 SP2 และเวอร์ชันเก่ากว่า) และ x1.16xlarge จะรองรับ Windows Server 2012 R2, 2012 RTM, 2008 R2 64 บิต, 2008 SP2 64 บิต และ 2003 R2 64 บิต (ไม่รองรับ Windows Server เวอร์ชัน 32 บิต)

ถาม: มีเฟรมเวิร์กการนำไปใช้จริงอ้างอิงของ SAP HANA มาตรฐานสำหรับอินสแตนซ์ High Memory และ AWS หรือไม่

คุณสามารถใช้การปรับใช้งาน AWS Launch Wizard for SAP หรือข้อมูลอ้างอิง AWS Quick Start สำหรับ SAP HANA เพื่อปรับใช้บล็อกส่วนประกอบ SAP HANA ที่จำเป็นทั้งหมดบนอินสแตนซ์หน่วยความจำสูงได้อย่างรวดเร็วตามคำแนะนำจาก AWS และ SAP เพื่อประสิทธิภาพและความเสถียรในระดับสูง

อินสแตนซ์รุ่นก่อน

ถาม: เหตุใดฉันจึงไม่เห็นอินสแตนซ์ M1, C1, CC2 และ HS1 ในหน้าการกำหนดราคาแล้ว

รายการเหล่านี้ถูกย้ายไปที่หน้าอินสแตนซ์รุ่นก่อน

ถาม: อินสแตนซ์รุ่นก่อนจะยังคงได้รับการสนับสนุนอยู่หรือไม่

ได้ อินสแตนซ์รุ่นก่อนจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบ

ถาม: ฉันยังคงสามารถใช้/เพิ่มอินสแตนซ์รุ่นก่อนได้อีกหรือไม่

ได้ อินสแตนซ์รุ่นก่อนจะยังคงใช้ได้ในแบบ On-Demand Instance, Reserved Instance หรือ Spot Instance จากอินเทอร์เฟซคอนโซลการจัดการ API, CLI และ EC2 ของเรา

ถาม: อินสแตนซ์รุ่นก่อนของฉันจะถูกลบหรือไม่

อินสแตนซ์ C1, C3, CC2, CR1, G2, HS1, M1, M2, M3, R3 และ T1 ของคุณจะยังคงทำงานได้อย่างสมบูรณ์และจะไม่ถูกลบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนี้

ถาม: อินสแตนซ์รุ่นก่อนกำลังจะถูกเลิกใช้งานในเร็วๆ นี้หรือไม่

ขณะนี้ยังไม่มีแผนจะสิ้นสุดการใช้งานอินสแตนซ์รุ่นก่อน อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว รุ่นล่าสุดจะให้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดสำหรับราคา และเราสนับสนุนให้ลูกค้าของเราสามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

ถาม: อินสแตนซ์รุ่นก่อนที่ฉันซื้อเป็นอินสแตนซ์แบบเหมาจ่ายจะได้รับผลกระทบหรือมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

ไม่ อินสแตนซ์แบบเหมาจ่ายของคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงและอินสแตนซ์รุ่นก่อนจะไม่หายไป

อินสแตนซ์แบบเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่เก็บข้อมูล

ถาม: อินสแตนซ์แบบพื้นที่จัดเก็บหนาแน่นคืออะไร

อินสแตนซ์พื้นที่เก็บข้อมูลหนาแน่นออกแบบมาเพื่อเวิร์กโหลดที่ต้องใช้การอ่านและเขียนแบบเรียงลำดับในปริมาณมากเพื่อเข้าถึงชุดข้อมูลปริมาณมาก เช่น การใช้งานด้านการประมวลผลแบบกระจาย Hadoop คลังข้อมูลการประมวลผลแบบขนานปริมาณมาก และแอปพลิเคชันประมวลผลข้อมูลบันทึก อินสแตนซ์แบบพื้นที่จัดเก็บหนาแน่นให้อัตราส่วนราคา/พื้นที่เก็บข้อมูล-GB และอัตราส่วนราคา/ดิสก์-อัตราการโอนถ่ายข้อมูลที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ EC2 อื่นๆ

ถาม: อินสแตนซ์พื้นที่จัดเก็บหนาแน่นเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับอินสแตนซ์แบบ I/O สูง

อินสแตนซ์แบบ I/O สูง (Im4gn, Is4gen, I4i, I3, I3en) กำหนดเป้าหมายไว้ที่เวิร์กโหลดที่ต้องการเวลาแฝงต่ำและมี I/O แบบสุ่มสูงเพิ่มเติมจากความหนาแน่นในการจัดเก็บในระดับปานกลาง และให้อัตราส่วนราคา/IOPS ที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ EC2 ประเภทอื่นๆ อินสแตนซ์พื้นที่จัดเก็บหนาแน่น (D3, D3en, D2) และอินสแตนซ์พื้นที่จัดเก็บแบบ HDD (H1) เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการการเข้าถึงเพื่ออ่าน/เขียนข้อมูลแบบเรียงลำดับปริมาณมากและมีต้นทุนการจัดเก็บต่ำสำหรับชุดข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มาก และให้อัตราส่วนราคา/พื้นที่เก็บข้อมูล-GB และอัตราส่วนราคา/ดิสก์-อัตราการโอนถ่ายข้อมูลที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับ ินสแตนซ์ EC2 อื่นๆ

ถาม: อินสแตนซ์แบบพื้นที่จัดเก็บหนาแน่นและอินสแตนซ์แบบพื้นที่จัดเก็บแบบ HDD สามารถสามารถให้อัตราการโอนถ่ายข้อมูลของดิสก์ได้เท่าใด

d3en.12xlarge ซึ่งเป็นอินสแตนซ์แบบพื้นที่จัดเก็บหนาแน่นแบบ HDD รุ่นปัจจุบันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดสามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 6.2 GiB/s สำหรับการอ่าน และ 6.2 GiB/s สำหรับการเขียนในอัตราการโอนถ่ายข้อมูลแบบดิสก์ โดยมีขนาดบล็อก 128k โปรดดูที่หน้ารายละเอียดผลิตภัณฑ์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมด้านประสิทธิภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับประสิทธิภาพด้านอัตราการโอนถ่ายข้อมูลของดิสก์ที่ดีที่สุดจากอินสแตนซ์ D2, D3 และ D3en บน Linux เราขอแนะนำให้คุณใช้ Amazon Linux AMI รุ่นล่าสุด หรือ Linux AMI อื่นที่มีเคอร์เนลเวอร์ชัน 3.8 ขึ้นไปที่รองรับการมอบสิทธิ์ถาวร ซึ่งเป็นส่วนขยายของโปรโตคอลบล็อกริง Xen ที่ช่วยเพิ่มอัตราการโอนถ่ายข้อมูลและความสามารถในการปรับขนาดของดิสก์

ถาม: อินสแตนซ์แบบพื้นที่จัดเก็บหนาแน่นและอินสแตนซ์แบบพื้นที่จัดเก็บแบบ HDD มีกลไกการใช้ระบบสำรองเพื่อกู้คืนข้อมูลหรือการทำซ้ำหรือไม่

อินสแตนซ์ D2 และ H1 ให้การแจ้งเตือนความล้มเหลวของฮาร์ดแวร์ ไดรฟ์เก็บข้อมูลหนาแน่นแบบ HDD เหล่านี้ยังคงอยู่ตลอดช่วงอายุการใช้งานเท่านั้น เช่นเดียวกับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของอินสแตนซ์ทั้งหมด ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณสร้างระดับความซ้ำซ้อน (เช่น RAID 1/5/6) หรือใช้ระบบไฟล์ (เช่น HDFS และ MapR-FS) ที่รองรับความซ้ำซ้อนและการเผื่อความผิดพลาด นอกจากนี้ คุณยังสามารถสำรองข้อมูลเป็นระยะไปยังโซลูชันพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้ เช่น Amazon EBS หรือ Amazon S3

ถาม: อินสแตนซ์พื้นที่จัดเก็บหนาแน่นแบบ HDD ต่างจาก Amazon EBS อย่างไร

Amazon EBS นำเสนอการจัดเก็บระดับบล็อกที่เรียบง่าย ยืดหยุ่น และเชื่อถือได้ (มีการจำลอง) และมีความคงทนสำหรับ Amazon EC2 ในขณะเดียวกันก็นำเสนอรายละเอียดสื่อเก็บข้อมูลพื้นฐานที่ใช้งานอยู่ อินสแตนซ์ Amazon EC2 Instance ที่มีพื้นที่จัดเก็บ HDD หรือ NVMe ภายในช่วยให้สามารถจัดเก็บบล็อกการสร้างการจัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงแบบแนบโดยตรง ซึ่งสามารถใช้งานแอปพลิเคชันการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ได้หลากหลาย อินสแตนซ์แบบพื้นที่จัดเก็บหนาแน่นเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการการเข้าถึงเพื่ออ่าน/เขียนข้อมูลแบบลำดับปริมาณมากสำหรับชุดข้อมูลขนาดใหญ่ในพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่อง เช่น สำหรับการประมวลผลแบบกระจาย Hadoop และคลังข้อมูลการประมวลผลแบบขนานปริมาณมาก

ถาม: ฉันสามารถเปิดใช้อินสแตนซ์พื้นที่จัดเก็บหนาแน่นแบบ HDD เป็นอินสแตนซ์เพิ่มประสิทธิภาพ Amazon EBS ได้หรือไม่

ประเภทอินสแตนซ์พื้นที่จัดเก็บแบบ HDD แต่ละประเภท (H1, D2, D3 และ D3en) เป็นแบบเพิ่มประสิทธิภาพ EBS มาแล้วตามค่าเริ่มต้น เนื่องจากฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้งานอยู่เสมอ การเปิดใช้อินสแตนซ์เหล่านี้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นแบบเพิ่มประสิทธิภาพ EBS จึงไม่ส่งผลต่อลักษณะการทำงานของอินสแตนซ์ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่อินสแตนซ์เพิ่มประสิทธิภาพ Amazon EBS

ถาม: ฉันสามารถเปิดใช้อินสแตนซ์ D2 เป็นอินสแตนซ์เพิ่มประสิทธิภาพ Amazon EBS ได้หรือไม่

อินสแตนซ์ D2 แต่ละประเภทจะเป็นแบบเพิ่มประสิทธิภาพ EBS ตามค่าเริ่มต้น อินสแตนซ์ D2 มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลไปยัง EBS ที่ 500 Mbps ถึง 4,000 Mbps ซึ่งสูงและเกินกว่าอัตราการโอนถ่ายข้อมูลเครือข่ายแบบใช้งานทั่วไปที่มีให้กับอินสแตนซ์ เนื่องจากฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้ในอินสแตนซ์ D2 เสมอ การเปิดใช้อินสแตนซ์ D2 อย่างชัดแจ้งว่าเป็นแบบเพิ่มประสิทธิภาพ EBS จึงไม่ส่งผลต่อลักษณะการทำงานของอินสแตนซ์

ถาม: อินสแตนซ์แบบ I/O สูงคืออะไร

อินสแตนซ์แบบ I/O สูงใช้พื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ภายในของ NVMe เพื่อมอบความสามารถ I/O ที่สูงและมีการหน่วงเวลาต่ำสำหรับแอปพลิเคชัน และเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการ IOPS หลายล้านหน่วย อินสแตนซ์แบบ I/O สูงสามารถรวมเป็นคลัสเตอร์ผ่านการจัดกลุ่มคลัสเตอร์ไว้ในที่เดียวกันสำหรับระบบเครือข่ายที่มีเวลาแฝงต่ำได้ ไม่ต่างจากอินสแตนซ์แบบคลัสเตอร์

ถาม: ฟีเจอร์ทั้งหมดของ Amazon EC2 สามารถใช้ได้สำหรับอินสแตนซ์แบบ I/O สูงหรือไม่

อินสแตนซ์แบบ I/O สูงรองรับคุณสมบัติทั้งหมดของ Amazon EC2 อินสแตนซ์ Im4gn, Is4gen, I4i, I3 และ I3en มีพื้นที่จัดเก็บ NVMe เท่านั้น ในขณะที่อินสแตนซ์ I2 รุ่นก่อนอนุญาตให้เข้าถึงพื้นที่จัดเก็บ blkfront แบบเดิมได้

ถาม: AWS มีฐานข้อมูลอื่นและบริการ Big Data เมื่อใดหรือเพราะเหตุใดฉันจึงควรใช้อินสแตนซ์แบบ I/O สูง

อินสแตนซ์แบบ I/O สูงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการการเข้าถึง IOPS ที่มีเวลาแฝงต่ำนับล้านจุด และสามารถใช้ประโยชน์จากที่เก็บข้อมูลและสถาปัตยกรรมที่สามารถจัดการความซ้ำซ้อนและความพร้อมใช้งานของข้อมูลได้ แอปพลิเคชันตัวอย่างมีดังนี้

  • ฐานข้อมูล NoSQL เช่น Cassandra และ MongoDB
  • ฐานข้อมูลในหน่วยความจำ เช่น Aerospike
  • ตามปริมาณงานด้านการวิจัยและการวิเคราะห์ Elastic
  • ระบบ OLTP

ถาม: อินสแตนซ์แบบ I/O สูงมีกลไกการใช้ระบบสำรองเพื่อกู้คืนข้อมูลหรือการทำรีดันแดนซ์หรือไม่

พื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์บนอินสแตนซ์ Im4gn, Is4gen, I4i, I3 และ I3en จะยังคงอยู่ในช่วงการใช้งานของอินสแตนซ์ดังกล่าว เช่นเดียวกับ Amazon EC2 instance ประเภทอื่นๆ ทั้งนี้ ลูกค้าควรสร้างความยืดหยุ่นลงในแอปพลิเคชันของตน เราขอแนะนำให้ใช้ฐานข้อมูลและระบบไฟล์ที่สนับสนุนความซ้ำซ้อนและการเผื่อความผิดพลาด ลูกค้าควรสำรองข้อมูล Amazon S3 เป็นระยะๆ เพื่อให้ข้อมูลมีความคงทนมากขึ้น

ถาม: อินสแตนซ์แบบ I/O สูงรองรับ TRIM หรือไม่

คำสั่ง TRIM ช่วยให้ระบบปฏิบัติการสามารถแจ้ง SSD ว่าบล็อกข้อมูลใดที่ถือว่าไม่มีการใช้งานแล้ว และสามารถลบออกภายในได้ ในกรณีที่ไม่มี TRIM การดำเนินการเขียนในอนาคตในบล็อกที่เกี่ยวข้องอาจมีความเร็วลดลงอย่างมาก อินสแตนซ์ Im4gn, Is4gen, I4i, I3 และ I3en สนับสนุน TRIM

ถาม: อินสแตนซ์ D3 และ D3en เป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ D2

อินสแตนซ์ D3 และ D3en ให้คุณสมบัติที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีกว่า D2 ในคุณลักษณะการประมวลผล พื้นที่จัดเก็บ และระบบเครือข่ายดังต่อไปนี้:

  • อินสแตนซ์ D3 และ D3en ให้ประสิทธิภาพการประมวลผลสูงกว่าอินสแตนซ์ D2 ที่เทียบเท่ากันถึง 30% ประโยชน์จากประสิทธิภาพตามจริงจะขึ้นอยู่กับปริมาณงานเฉพาะ
  • อินสแตนซ์ D3 และ D3en ให้ปริมาณการประมวลผลของดิสก์สูงกว่าอินสแตนซ์ D2 45% และ 100% ตามลำดับ
  • อินสแตนซ์ D3 พร้อมให้บริการในราคาที่ต่ำกว่าอินสแตนซ์ D2 5% อินสแตนซ์ D3en ลดค่าใช้จ่ายต่อพื้นที่จัดเก็บตาม TB ถึง 80% เมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ D2
  • อินสแตนซ์ D3 และ D3en มี Intel Advanced Vector Extensions (AVX 512) ซึ่งให้ FLOPS ต่อรอบเพิ่มขึ้นสูงสุด 2 เท่าเมื่อเทียบกับ AVX 2 บน D2
  • อินสแตนซ์ D3en มอบอินสแตนซ์ขนาดใหม่ (12xl) ที่มี 48 vCPU และพื้นที่จัดเก็บ 7 TB ต่อ vCPU สำหรับพื้นที่จัดเก็บทั้งหมด 336 TB แต่มีหน่วยความจำต่อ vCPU เพียงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับ D2 และพื้นที่จัดเก็บทั้งหมด 48 TB
  • อินสแตนซ์ D3 และ D3en ให้แบนวิดท์เครือข่ายสูงสุด 25 Gbps และ 75 Gbps ตามขนาดที่ใหญ่ที่สุดเพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าสำหรับประสิทธิภาพด้านเครือข่ายในการเรียกใช้เวิร์กโหลด Big Data และคลัสเตอร์ระบบไฟล์

ถาม: อินสแตนซ์ D3 และ D3en เข้ารหัสการรับส่งข้อมูลระบบเครือข่ายและปริมาณการจัดเก็บข้อมูลใช่หรือไม่

มี ข้อมูลที่เขียนลงบนไดรฟ์พื้นที่จัดเก็บข้อมูลจะถูกเข้ารหัสทั้งหมดโดยใช้ AES-256-XTS การรับส่งข้อมูลบนเครือข่ายระหว่างอินสแตนซ์ D3 และ D3en ใน VPC เดียวกันหรือ VPC ระดับเดียวกันจะถูกเข้ารหัสตามค่าเริ่มต้นโดยใช้คีย์ 256 บิต

พื้นที่จัดเก็บ

Amazon Elastic Block Store (Amazon EBS)

ถาม: จะเกิดอะไรขึ้นกับข้อมูลของฉันเมื่อสิ้นสุดการทำงานของระบบ

ข้อมูลที่จัดเก็บบนที่จัดเก็บอินสแตนซ์ภายในจะยังคงอยู่ตราบเท่าที่อินสแตนซ์ยังเปิดใช้งานอยู่ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่จัดเก็บในไดรฟ์ข้อมูล Amazon EBS จะยังคงอยู่โดยไม่ขึ้นอยู่กับอายุการใช้งานของอินสแตนซ์ ดังนั้น เราขอแนะนำให้คุณใช้ที่จัดเก็บอินสแตนซ์ภายในสำหรับข้อมูลชั่วคราว และสำหรับข้อมูลที่ต้องการความยั่งยืนในระดับสูง เราขอแนะนำให้ใช้ไดรฟ์ข้อมูล Amazon EBS หรือสำรองข้อมูลไปยัง Amazon S3 หากคุณกำลังใช้ไดรฟ์ข้อมูล Amazon EBS เป็นพาร์ติชันราก คุณต้องกำหนดตัวบ่งชี้ Delete On Terminate (ลบเมื่อสิ้นสุด) เป็น "N" หากคุณต้องการให้ไดรฟ์ข้อมูล Amazon EBS ของคุณคงอยู่หลังจากครบอายุการใช้งานของอินสแตนซ์

ถาม: ฉันจะคาดหวังประสิทธิภาพจากไดรฟ์ข้อมูลของ Amazon EBS ในระดับใดได้บ้าง

ในขณะนี้ Amazon EBS มีไดรฟ์ข้อมูลรุ่นปัจจุบันสี่ประเภทซึ่งแบ่งออกเป็นสองหมวดหมู่หลัก ได้แก่ พื้นที่จัดเก็บแบบ SSD สำหรับเวิร์กโหลดด้านการทำรายการ และพื้นที่จัดเก็บแบบ HDD สำหรับเวิร์กโหลดแบบใช้อัตราความเร็วอย่างมาก ประเภทไดรฟ์ข้อมูลนี้มีลักษณะต่างกันในด้านประสิทธิภาพและราคา ซึ่งช่วยให้คุณสามารถปรับประสิทธิภาพการทำงานและค่าใช้จ่ายสำหรับพื้นที่จัดเก็บได้ตามความต้องการของแอปพลิเคชันของคุณ โปรดดูภาพรวมของ Amazon EBS สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงาน โปรดดูส่วนประสิทธิภาพการทำงานของ EBS ในคู่มือผู้ใช้ Amazon EC2

ถาม: ไดรฟ์ข้อมูลประเภท HDD แบบเพิ่มอัตราการโอนถ่ายข้อมูล (st1) และ Cold HDD (sc1) คืออะไร

ไดรฟ์ข้อมูล ST1 มีการสำรองข้อมูลด้วยไดรฟ์ฮาร์ดดิสก์ (HDD) และเหมาะสำหรับการเข้าระบบบ่อยครั้ง มีปริมาณงานแบบเน้นอัตราความเร็วที่มีชุดข้อมูลขนาดใหญ่ และมี I/O ขนาดใหญ่ อย่างเช่น MapReduce, Kafka การประมวลผลรายการบันทึก คลังจัดเก็บข้อมูล และปริมาณงาน ETL ไดรฟ์ข้อมูลเหล่านี้ให้ประสิทธิภาพการทำงานในแง่ของปริมาณการส่งผ่านข้อมูลที่วัดได้เป็น MB/วินาที และสามารถขยายได้ถึง 250 MB/วินาทีต่อ TB โดยมีปริมาณการส่งผ่านข้อมูลพื้นฐานที่ 40 MB/วินาทีต่อ TB และมีปริมาณการส่งผ่านข้อมูลสูงสุด 500 MB/วินาทีต่อไดรฟ์ข้อมูล ST1 ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพด้านอัตราการโอนถ่ายข้อมูลตามที่คาดการณ์ไว้ที่ 99% ของเวลาทั้งหมด และมีเครดิต I/O เพียงพอที่จะรองรับการสแกนไดรฟ์ข้อมูลทั้งหมดที่อัตราการขยาย

ไดรฟ์ข้อมูล SC1 มีการสำรองข้อมูลด้วย HDD และมีค่าใช้จ่ายต่อ GB ต่ำที่สุดในบรรดาไดรฟ์ข้อมูล EBS ทุกประเภท ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเวิร์กโหลดที่มีชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่ไม่ค่อยมีการใช้งานซึ่งมีการเข้าถึงไม่บ่อยครั้ง sc1 คล้ายกันกับ st1 โดยที่ sc1 มีโมเดลขยาย กล่าวคือ ไดรฟ์ข้อมูลเหล่านี้สามารถขยายได้จนถึง 80 MB/วินาทีต่อ TB โดยมีปริมาณการส่งผ่านข้อมูลพื้นฐานที่ 12 MB/วินาทีต่อ TB และมีปริมาณการส่งผ่านข้อมูลสูงสุด 250 MB/วินาทีต่อไดรฟ์ข้อมูล สำหรับข้อมูลที่มีการเข้าถึงไม่บ่อยครั้ง sc1 จะมีพื้นที่จัดเก็บในราคาที่ย่อมเยามาก SC1 ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพ Throughput ตามที่คาดไว้ถึง 99% ของเวลาทั้งหมด และมีเครดิต I/O ที่เพียงพอเพื่อรองรับการสแกนไดรฟ์ข้อมูลทั้งหมดในอัตราขยาย

หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของ st1 และ sc1 เราขอแนะนำให้ใช้อินสแตนซ์ EC2 ที่ปรับให้เหมาะสมกับ EBS

ถาม: ฉันควรเลือกไดรฟ์ข้อมูลประเภทใด

Amazon EBS มีพื้นที่จัดเก็บสองประเภทหลัก ได้แก่ พื้นที่จัดเก็บแบบ SSD สำหรับปริมาณงานตามการทำรายการ (ประสิทธิภาพการทำงานจะขึ้นอยู่กับ IOPS เป็นหลัก) และพื้นที่จัดเก็บแบบ HDD สำหรับปริมาณงานตามอัตราความเร็ว (ประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับอัตราความเร็วเป็นหลัก ซึ่งวัดค่าเป็น MB/วินาที) ไดรฟ์ข้อมูลแบบ SSD ได้รับการออกแบบมาสำหรับปริมาณงานตามการทำรายการที่มีฐานข้อมูลแบบเน้น IOPS ไดรฟ์ข้อมูลการเริ่มต้นระบบ และปริมาณงานที่ต้องการ IOPS สูง ไดรฟ์ข้อมูลแบบ SSD ได้แก่ IOPS SSD ที่มีการเตรียมใช้งาน (io1 และ io2) และ SSD สำหรับงานทั่วไป (gp2 และ gp3) ไดรฟ์ข้อมูลแบบ HDD ได้รับการออกแบบมาสำหรับปริมาณงานที่เน้นอัตราความเร็วและมีข้อมูลขนาดใหญ่ I/O ขนาดใหญ่ และรูปแบบ I/O แบบตามลำดับ ไดรฟ์ข้อมูลแบบ HDD ได้แก่ HDD แบบเพิ่มอัตราการโอนถ่ายข้อมูล (st1) และ Cold HDD (sc1) โปรดดูภาพรวมของ Amazon EBS สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ถาม: มีการรองรับอินสแตนซ์แบบหลายรายการที่มีการเข้าถึงไดรฟ์ข้อมูลเดียวหรือไม่

มี คุณสามารถเปิดใช้งาน Multi-Attach บนไดรฟ์ข้อมูล io1 IOPS ที่มีการเตรียมใช้งาน EBS เพื่อให้สามารถแนบไดรฟ์ข้อมูลพร้อมกันกับ EC2 instance ที่ใช้ Nitro ได้ถึงสิบหกอินสแตนซ์ภายใน Availability Zone เดียวกัน ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Amazon EBS Multi-Attach ได้ที่หน้าผลิตภัณฑ์ EBS

ถาม: ฉันจะสามารถเข้าถึงสแน็ปช็อต EBS ของฉันโดยใช้ Amazon S3 API ทั่วไปได้หรือไม่

ไม่ สแน็ปช็อต EBS มีเฉพาะใน Amazon EC2 API เท่านั้น

ถาม: ต้องถอนการติดตั้งไดรฟ์ข้อมูลเพื่อทำสแน็ปช็อตหรือไม่ ต้องทำสแน็ปช็อตให้เสร็จก่อน จึงจะสามารถใช้โวลุ่มได้อีกครั้งหรือไม่ 

ไม่ สามารถทำสแน็ปช็อตได้ตามเวลาจริงขณะที่มีการแนบและใช้งานไดรฟ์ข้อมูลอยู่ อย่างไรก็ตาม สแน็ปช็อตจะเก็บเฉพาะข้อมูลที่มีการเขียนลงไดรฟ์ข้อมูล Amazon EBS ของคุณเท่านั้น ซึ่งอาจไม่รวมข้อมูลใดๆ ที่มีการแคชภายในโดยใช้แอปพลิเคชันหรือ OS ของคุณ เพื่อให้มั่นใจว่าได้สแน็ปช็อตที่สม่ำเสมอบนไดรฟ์ข้อมูลซึ่งแนบไปกับอินสแตนซ์ เราขอแนะนำให้ถอนการติดตั้งไดรฟ์ข้อมูลโดยสมบูรณ์ ออกคำสั่งสแน็ปช็อต จากนั้น แนบไดรฟ์ข้อมูลอีกครั้ง สำหรับไดรฟ์ข้อมูล Amazon EBS ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ราก เราขอแนะนำให้ปิดเครื่องเพื่อการทำสแน็ปช็อตที่สมบูรณ์

ถาม: สแน็ปช็อตมีเวอร์ชันหรือไม่ ฉันสามารถอ่านสแน็ปช็อตเก่าเพื่อกู้คืนในเวลาดังกล่าวได้หรือไม่

สแน็ปช็อตแต่ละรายการมีตัวระบุที่ไม่ซ้ำกัน และลูกค้าสามารถสร้างไดรฟ์ข้อมูลตามสแน็ปช็อตที่มีอยู่ของตนได้

ถาม: มีการคิดค่าใช้จ่ายอย่างไรเมื่อใช้สแน็ปช็อตแบบใช้ร่วมกันของ Amazon EBS

หากคุณใช้สแน็ปช็อตร่วมกัน จะไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายเมื่อผู้ใช้รายอื่นคัดลอกสแน็ปช็อตของคุณ หากคุณคัดลอกไดรฟ์ข้อมูลที่ใช้ร่วมกันของผู้ใช้รายอื่น คุณจะต้องชำระค่าบริการตามอัตราปกติของ EBS

ถาม: ผู้ใช้สแน็ปช็อตแบบใช้ร่วมกันใน Amazon EBS ของฉัน สามารถเปลี่ยนข้อมูลของฉันได้หรือไม่

ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สร้างไดรฟ์ข้อมูลจากสแน็ปช็อตแบบใช้ร่วมกันของคุณจะคัดลอกสแน็ปช็อตเข้าในบัญชีของตนเองก่อน ผู้ใช้สามารถแก้ไขสำเนาข้อมูลของตน แต่ข้อมูลบนสแน็ปช็อตเดิมของคุณหรือไดรฟ์ข้อมูลอื่นใดที่ผู้ใช้รายอื่นสร้างจากสแน็ปช็อตเดิมของคุณจะไม่มีการแก้ไข

ถาม: ฉันสามารถหาสแน็ปช็อตใน Amazon EBS ที่ใช้ร่วมกับฉันได้อย่างไร

คุณสามารถหาสแน็ปช็อตที่มีการใช้ร่วมกับคุณได้โดยการเลือก “สแน็ปช็อตส่วนตัว” จากเมนูดรอปดาวน์ในส่วนสแน็ปช็อตของ AWS Management Console ส่วนนี้จะแจกแจงรายการทั้งสแน็ปช็อตของคุณเองและสแน็ปช็อตที่มีการใช้ร่วมกับคุณ

ถาม: ฉันสามารถหาสแน็ปช็อตใน Amazon EBS ที่มีการใช้ร่วมกับทั้งระบบได้อย่างไร

คุณสามารถหาสแน็ปช็อตที่มีการใช้ร่วมกับทั้งระบบได้โดยการเลือก “สแน็ปช็อตสาธารณะ” จากเมนูดรอปดาวน์ในส่วนสแน็ปช็อตของ AWS Management Console

ถาม: มีการเข้ารหัสไดรฟ์ข้อมูลและสแน็ปช็อตใน Amazon EBS ใช่หรือไม่

ได้ EBS นำเสนอการเข้ารหัสไดรฟ์ข้อมูลและสแน็ปช็อตอย่างราบรื่น การเข้ารหัส EBS ช่วยให้คุณปฏิบัติตามกฎข้อบังคับด้านการรักษาความปลอดภัยและการเข้ารหัสได้ดีกว่า

ถาม: ฉันสามารถหารายการชุดข้อมูลสาธารณะของ Amazon ได้อย่างไร

ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับชุดข้อมูลสาธารณะมีอยู่ในศูนย์ทรัพยากรชุดข้อมูลสาธารณะ คุณสามารถรับรายการชุดข้อมูลสาธารณะใน AWS Management Console ได้โดยการเลือก “Amazon Snapshots” จากเมนูดรอปดาวน์ในส่วนสแน็ปช็อต

ถาม: ฉันสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ EBS ได้จากที่ใด

ดูคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Amazon EBS

Amazon Elastic File System (Amazon EFS)

ถาม: ฉันสามารถเข้าถึงระบบไฟล์จากอินสแตนซ์ Amazon EC2 ได้อย่างไร

เพื่อเข้าถึงระบบไฟล์ ให้คุณติดตั้งระบบไฟล์บนอินสแตนซ์ Linux ของ Amazon EC2 โดยใช้คำสั่งติดตั้ง Linux มาตรฐาน และชื่อ DNS ของระบบไฟล์ เมื่อติดตั้งแล้ว คุณจะสามารถทำงานกับไฟล์และไดเรกทอรีต่างๆ ในระบบไฟล์ของคุณได้เหมือนกับที่ทำงานกับระบบไฟล์ภายใน

Amazon EFS ใช้โปรโตคอล NFSv4.1 สำหรับตัวอย่างขั้นตอนการเข้าถึงระบบไฟล์จาก อินสแตนซ์ Amazon EC2 โปรดดูที่คู่มือเริ่มต้นใช้งาน Amazon EFS

ถาม: ประเภทอินสแตนซ์และ AMI ใดของ Amazon EC2 ที่ใช้ได้กับ Amazon EFS

Amazon EFS เข้ากันได้กับอินสแตนซ์ Amazon EC2 ทุกประเภทและสามารถเข้าถึงได้จาก AMI ที่ใช้ Linux คุณสามารถผสมผสานประเภทอินสแตนซ์ที่เชื่อมต่อกับระบบไฟล์ระบบเดียวได้ สำหรับตัวอย่างขั้นตอนการเข้าถึงระบบไฟล์จาก อินสแตนซ์ Amazon EC2 โปรดดูที่คู่มือเริ่มต้นใช้งาน Amazon EFS

ถาม: ฉันจะโหลดข้อมูลลงในระบบไฟล์อย่างไร

คุณสามารถโหลดข้อมูลลงระบบไฟล์ Amazon EFS ได้จากอินสแตนซ์ Amazon EC2 ของคุณ หรือจากเซิร์ฟเวอร์ศูนย์ข้อมูลในองค์กรของคุณได้

ระบบไฟล์ Amazon EFS สามารถติดตั้งบนอินสแตนซ์ของ Amazon EC2 ได้ เพื่อให้สามารถอ่านข้อมูลใดๆ ที่สามารถเข้าถึงได้บน Amazon EC2 Instance และเขียนลงบน Amazon EFS ได้ เพื่อโหลดข้อมูลที่ไม่ได้จัดเก็บอยู่ใน Amazon Cloud ในขณะนี้ คุณสามารถใช้วิธีการเดียวกันกับที่คุณใช้ในการโอนไฟล์ไปยัง Amazon EC2 ในปัจจุบัน อย่างเช่น Secure Copy (SCP)

ระบบไฟล์ Amazon EFS ยังสามารถติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ในองค์กรได้ เพื่อให้อ่านข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้บนเซิร์ฟเวอร์ในองค์กรและเขียนลงบน Amazon EFS โดยใช้เครื่องมือ Linux มาตรฐาน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าถึงระบบไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์ในองค์กร โปรดดูส่วนการเข้าถึงระบบในองค์กรของคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Amazon EFS

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการย้ายข้อมูลไปยังคลาวด์ของ Amazon โปรดดูหน้าการย้ายข้อมูลระบบคลาวด์

ถาม: ฉันสามารถเข้าถึงระบบไฟล์จากนอก VPC ของฉันได้อย่างไร

อินสแตนซ์ Amazon EC2 ภายใน VPC ของคุณสามารถเข้าถึงระบบไฟล์ของคุณได้โดยตรง เซิร์ฟเวอร์ในองค์กรสามารถติดตั้งระบบไฟล์ของคุณได้ผ่านการเชื่อมต่อ AWS Direct Connect กับ VPC ของคุณ

ถาม: สามารถเชื่อมต่ออินสแตนซ์ Amazon EC2 กับระบบไฟล์ได้กี่รายการ

Amazon EFS รองรับการเชื่อมต่ออินสแตนซ์ Amazon EC2 กับระบบไฟล์ตั้งแต่หนึ่งถึงหลายพันรายการพร้อมกัน

ถาม: ฉันสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ EFS ได้จากที่ใด

คุณสามารถไปที่หน้าคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Amazon EFS ได้

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลของอินสแตนซ์ NVMe

ถาม: ข้อมูลที่จัดเก็บไว้บนที่จัดเก็บข้อมูลของอินสแตนซ์แบบ NVMe ของ Amazon EC2 มีการเข้ารหัสหรือไม่

ใช่ ข้อมูลทั้งหมดเข้ารหัสไว้ในโมดูลฮาร์ดแวร์ AWS Nitro ก่อนเขียนลงบน SSD ที่มีการแนบมาเฉพาะที่ซึ่งมีให้ผ่านพื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ NVMe

ถาม: มีอัลกอริทึมการเข้ารหัสใดบ้างที่ใช้สำหรับการเข้ารหัสพื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ Amazon EC2 NVMe

พื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ Amazon EC2 NVMe เข้ารหัสไว้โดยใช้รหัสบล็อก XTS-AES-256

ถาม: คีย์เข้ารหัสมีลักษณะเฉพาะสำหรับอินสแตนซ์หรืออุปกรณ์เฉพาะสำหรับพื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ NVMe ใช่ไหม

ระบบจะสร้างคีย์การเข้ารหัสขึ้นมาอย่างปลอดภัยภายในโมดูลฮาร์ดแวร์ Nitro และมีลักษณะเฉพาะสำหรับแต่ละอุปกรณ์พื้นที่จัดเก็บข้อมูลของอินสแตนซ์ NVMe ที่ให้มาพร้อมกับอินสแตนซ์ EC2

ถาม: อายุการใช้งานของคีย์การเข้ารหัสบนพื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ NVMe มีอายุเท่าใด

คีย์ทั้งหมดจะถูกทำลายแบบยกเลิกไม่ได้บนการเลิกจัดสรรพ้นที่จัดเก็บใดๆ รวมถึงการดำเนินการหยุดอินสแตนซ์หรือยุติอินสแตนซ์

ถาม: ฉันสามารถปิดใช้การเข้ารหัสพื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ NVMe ได้ใช่ไหม

ไม่ การเข้ารหัสพื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ NVMe ต้องเปิดใช้อยู่เสมอและไม่สามารถปิดใช้งานได้

ถาม: ตัวเลขแสดงประสิทธิภาพการทำงาน IOPS ที่เผยแพร่บน I3 และ I3en รวมถึงการเข้ารหัสข้อมูลด้วยหรือไม่

ใช่ ตัวเลข IOPS ที่ระบุไว้สำหรับพื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ NVMe ของ Im4gn, Is4gen, I4i, I3 และ I3en รวมถึงการเข้ารหัสด้วย

ถาม: พื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ NVMe ของ Amazon EC2 รองรับ AWS Key Management Service (KMS) หรือไม่

ไม่ การเข้ารหัสดิสก์บนพื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ NVMe ไม่รองรับการผนวกรวมกับระบบ AWS KMS ลูกค้าไม่สามารถนำคีย์ของตนเองมาใช้กับพื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ NVMe ได้ 

ระบบเครือข่ายและความปลอดภัย

Elastic Network Adapter (ENA) Express

ถาม: ENA Express คืออะไร

ENA Express คือการปรับปรุง Elastic Network Adapter ที่จะนำโปรโตคอล Scalable Reliable Datagram (SRD) ไปสู่ระบบเครือข่าย UDP และ TCP แบบดั้งเดิม แทรกซึมเข้ากับแอปพลิเคชัน ENA Express จะช่วยปรับปรุงแบนด์วิดท์โฟลว์เดี่ยว และช่วยลดระยะเวลาล่าช้าที่แฝงอยู่ในเวิร์กโหลดที่มีอัตราการโอนถ่ายข้อมูลสูง

ถาม: ENA Express ทำงานอย่างไร

เมื่อกำหนดค่าแล้ว ENA Express จะทำงานระหว่างสองอินสแตนซ์ใดๆ ที่รองรับใน Availability Zone (AZ) ENA Express จะตรวจจับความเข้ากันได้ระหว่างอินสแตนซ์ EC2 ของคุณ และสร้างการเชื่อมต่อ SRD เมื่ออินสแตนซ์การสื่อสารทั้งคู่ได้เปิดใช้ ENA Express เมื่อสร้างการเชื่อมต่อแล้ว การรับส่งข้อมูลของคุณจะสามารถใช้งาน SRD รวมถึงประโยชน์ด้านประสิทธิภาพได้เต็มที่

คำถาม: ฉันควรใช้ ENA Express เมื่อใด

ENA Express จะทำงานได้ดีที่สุดกับแอปพลิเคชันที่ต้องใช้อัตราการโอนถ่ายข้อมูลแบบโฟลวเดี่ยวปริมาณสูง เช่น การเข้ารหัสสื่อแบบถ่ายทอดสดและระบบการจัดเก็บแบบกระจาย เวิร์กโหลดเหล่านี้ต้องใช้แบนด์วิดท์โฟลว์เดี่ยวที่มีปริมาณสูงและระยะเวลาล่าช้าที่แฝงอยู่ต่ำ

ถาม: ฉันจะเปิดใช้งาน ENA Express อย่างไร

สามารถเปิดใช้งาน ENA Express ได้โดย ENI ปกติ ทั้งในขณะที่ประกอบการ์ดเครือข่ายเข้ากับอินสแตนซ์ หรือในขณะที่เรียกใช้คำสั่งแก้ไข ก็สามารถเปิดใช้ ENA Express ได้ ENA Express ต้องถูกเปิดใช้งานบน ENI การสื่อสารทั้งคู่ เพื่อสร้างสื่อสารร่วมกันแบบจุดต่อจุด นอกจากนี้ หากใช้ Jumbo Frames คุณต้องปรับ MTU สูงสุดของคุณเป็น 8900 เพื่อใช้ ENA Express

ถาม: ENA Express รองรับโปรโตคอลใดบ้าง

ENA Express รองรับ TCP เป็นค่าเริ่มต้น สามารถเลือกเปิดใช้งาน UDP ผ่านค่า API argument หรือภายในคอนโซลการจัดการได้

ถาม: รองรับอินสแตนซ์ใดบ้าง

ENA Express รองรับอินสแตนซ์ EC2 ที่ใช้ Graviton, Intel และ AMD รองรับบนอินสแตนซ์ที่แบบเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำ วัตถุประสงค์ทั่วไป และอินสแตนซ์ที่เพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่จัดเก็บ สำหรับรายการอินสแตนซ์ที่รองรับทั้งหมด โปรดดูที่คู่มือผู้ใช้ ENA Express

ถาม: ระหว่าง Elastic Fabric Adapter (EFA) และ ENA Express มีความแตกต่างกันอย่างไร

EFA คืออินเทอร์เฟซเครือข่ายที่สร้างขึ้นสำหรับแอปพลิเคชัน ML กับ HPC และเพื่อใช้ประโยชน์จากโปรโตคอล SRD EFA ต้องใช้โมเดลโปรแกรมเครือข่ายที่ต่างกัน ซึ่งจะใช้อินเทอร์เฟซ LibFabric เพื่อส่งต่อการสื่อสารข้อมูลไปยัง ENI ส่วน ENA Express จะช่วยเรียกใช้แอปพลิเคชันของคุณบน TCP และ UDP ให้ราบรื่น ซึ่งต่างจาก EFA นอกจากนี้ ENA Express ยังช่วยเรื่องการสื่อสารภายใน Availability Zone (AZ) ด้วย ในขณะที่ปัจจุบัน EFA จะจำกัดให้สื่อสารภายในซับเน็ตเดียวกันเท่านั้น

ถาม: จะเกิดอะไรขึ้น หากฉันเรียกใช้ ENA Express บนอินสแตนซ์หนึ่งที่มีการรับส่งข้อมูลกับอินสแตนซ์อื่นที่ไม่รองรับ ENA Express หรือไม่มีการเปิดใช้งานบน ENI

ENA Express จะตรวจจับว่ามีการเปิดใช้ ENA Express บนอินสแตนซ์อื่นหรือไม่ หากอินสแตนซ์ดังกล่าวไม่รองรับหรือยังไม่เปิดใช้ ENA Express อินสแตนซ์ของคุณจะกลับมาทำงานในรูปแบบ ENA ปกติ ในกรณีนี้ คุณจะไม่สามารถใช้ประโยชน์ใดๆ จากประสิทธิภาพของ SRD ได้ แต่ก็ไม่มีผลเสียใดๆ

ถาม: รองรับระบบปฏิบัติการอะไรบ้าง

ฟังก์ชันการทำงานของ SRD จะรองรับระบบปฏิบัติการทั้งหมด แต่โปรดทราบว่าตัวชี้วัดการตรวจติดตามของ ENA Express monitoring metrics will จะมีบน EthTool ใน Amazon Linux AMI ล่าสุดเท่านั้น หรือผ่านการติดตั้งไดรเวอร์ ENA เวอร์ชัน 2.8.0 หรือใหม่กว่าจาก GitHub ซึ่งระบบปฏิบัติการทั้งหมดจะรองรับตัวชี้วัดดังกล่าวในอนาคต

ถาม: มีเครื่องมือตรวจติดตามใดบ้างที่ใช้ติดตามสิ่งนี้ได้

ENA Express มาพร้อมเคาน์เตอร์ EthTool เพื่อติดตามแพคเก็ตที่มีสิทธิ์ในการถ่ายโอน SRD นอกเหนือจากแพคเก็ตที่การส่งและรับกับ SRD จริงๆ แล้ว นอกจากนี้ EthTool จะรองรับตัวชี้วัดการใช้ทรัพยากร SRD เป็นจำนวนร้อยละ ซึ่งจะมอบข้อมูลเชิงลึกว่าเมื่อใดที่คุณควรพิจารณาขยายขนาดสถาปัตยกรรมของคุณ สุดท้าย Boolean จะให้สถานะเปิดและปิดสำหรับ ENA Express และโปรโตคอล UDP

ถาม: ENA Express มีให้บริการที่ไหนบ้าง

ENA Express มีให้บริการใน Region เชิงพาณิชย์ทั้งหมด สามารถใช้เพื่อสร้างการรับส่งข้อมูลระหว่างสองอินสแตนซ์ใดๆ ภายใน AZ เดียวกัน

ถาม: มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการเรียกใช้ ENA Express หรือไม่

ไม่ ใช้งาน ENA Express ได้ฟรี

Elastic Fabric Adapter (EFA)

ถาม: ทำไมฉันจึงต้องใช้ EFA

EFA นำความสามารถในการปรับขนาด ความสามารถในการปรับตัว และความยืดหยุ่นของระบบคลาวด์มาสู่แอปพลิเคชัน HPC ที่มีการเชื่อมกันแบบแน่นหนา ด้วย EFA แอปพลิเคชัน HPC ที่มีการเชื่อมกันแบบแน่นหนาจะสามารถเข้าถึงเวลาแฝงที่ต่ำกว่าและสม่ำเสมอกันมากขึ้น รวมถึงมีอัตราการโอนถ่ายข้อมูลสูงกว่าช่องทาง TCP แบบดั้งเดิม ทำให้สามารถปรับขนาดได้ดีขึ้น การรองรับ EFA สามารถเปิดใช้งานได้แบบไดนามิกตามต้องการบนอินสแตนซ์ EC2 ที่รองรับใดๆ โดยไม่ต้องจัดเตรียมล่วงหน้าซึ่งให้ความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงลำดับความสำคัญของธุรกิจ/เวิร์กโหลด

ถาม: แอปพลิเคชันประเภทใดบ้างที่จะได้ประโยชน์จากการใช้ EFA

แอปพลิเคชัน HPC ที่แจกจ่ายเวิร์กโหลดการคำนวณทั่วทั้งคลัสเตอร์ของอินสแตนซ์สำหรับการประมวลผลแบบขนาน ตัวอย่างของแอปพลิเคชัน HPC ได้แก่ พลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณ (CFD) การจำลองการชน และการจำลองสภาพอากาศ โดยทั่วไปแล้วแอปพลิเคชัน HPC จะถูกเขียนโดยใช้ Message Passing Interface (MPI) และกำหนดข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับการสื่อสารระหว่างอินสแตนซ์ในแง่ของเวลาแฝงและแบนด์วิดท์ แอปพลิเคชันที่ใช้ MPI และมิดเดิลแวร์ HPC อื่นๆ ที่รองรับลำดับชั้นการสื่อสารแบบ libfabric จะได้รับประโยชน์จาก EFA

ถาม: การสื่อสารแบบ EFA ทำงานอย่างไร

อุปกรณ์ EFA มีฟังก์ชันการทำงานของอุปกรณ์ ENA ทั้งหมด รวมถึงอินเทอร์เฟซฮาร์ดแวร์เลี่ยงระบบปฏิบัติการแบบใหม่ที่อนุญาตให้แอปพลิเคชันของผู้ใช้ทำการสื่อสารโดยตรงกับฟังก์ชันการส่งผ่านที่เชื่อถือได้ของฮาร์ดแวร์ แอปพลิเคชันส่วนใหญ่จะใช้มิดเดิลแวร์ที่มีอยู่ เช่น MPI เพื่อติดต่อกับ EFA AWS ได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการมิดเดิลแวร์จำนวนมากเพื่อให้แน่ใจว่ารองรับฟังกชันการเลี่ยงระบบปฏิบัติการของ EFA โปรดทราบว่า การสื่อสารโดยใช้ฟังก์ชันการเลี่ยงระบบปฏิบัติการนั้นจำกัดเฉพาะอินสแตนซ์ภายในซับเน็ตเดียวของ Virtual Private Cloud (VPC)

ถาม: อินสแตนซ์ประเภทใดบ้างที่รองรับ EFA

สำหรับรายการอินสแตนซ์ EC2 ที่รองรับทั้งหมด โปรดดูที่ หน้านี้ในเอกสารของเรา

ถาม: ระหว่าง EFA ENI และ ENA ENI มีความแตกต่างกันอย่างไร

ENA ENI มีคุณสมบัติระบบเครือข่าย IP แบบดั้งเดิมที่จำเป็นต่อการรองรับเครือข่าย VPC EFA ENI ให้ฟังก์ชันการทำงานทั้งหมดของ ENA ENI รวมถึงรองรับฮาร์ดแวร์สำหรับแอปพลิเคชันเพื่อสื่อสารโดยตรงกับ EFA ENI โดยไม่เกี่ยวข้องกับอินสแตนซ์เคอร์เนล (การสื่อสารเลี่ยงระบบปฏิบัติการ) โดยใช้อินเทอร์เฟซการโปรแกรมเพิ่มเติม เนื่องจากความสามารถขั้นสูงของ EFA ENI จึงสามารถติดตั้ง EFA ENI เมื่อเปิดใช้งานอินสแตนซ์หรือกับอินสแตนซ์ที่หยุดทำงานแล้วเท่านั้น

ถาม: ข้อกำหนดเบื้องต้นในการเปิดใช้งาน EFA บนอินสแตนซ์มีอะไรบ้าง

สามารถเปิดใช้งานการรองรับ EFA เมื่ออินสแตนซ์เปิดใช้งาน หรือเพิ่มลงในอินสแตนซ์ที่หยุดทำงานแล้ว แต่ไม่สามารถแนบอุปกรณ์ EFA กับอินสแตนซ์ที่กำลังทำงานอยู่ได้

ระบบเครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพ

ถาม: คุณสมบัตินี้มีความสามารถในการสร้างเครือข่ายแบบใดบ้าง

ขณะนี้ เรารองรับความสามารถในการสร้างเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยใช้ SR-IOV (การจัดรูปแบบการแสดงข้อมูล I/O แบบ Single Root) SR-IOV เป็นวิธีการจัดรูปแบบการแสดงข้อมูลอุปกรณ์ที่ให้ประสิทธิภาพ I/O สูงขึ้นและใช้ CPU ต่ำ เมื่อเทียบกับการใช้งานแบบเดิม สำหรับอินสแตนซ์ Amazon EC2 ที่มีการรองรับ คุณสมบัตินี้จะมีแพ็กเกจต่อวินาที (PPS) ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า การหน่วงเวลาต่ำกว่า และการผันแปรของเครือข่ายที่ต่ำมาก

ถาม: เพราะเหตุใดฉันจึงควรใช้เครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพ

หากแอปพลิเคชันของคุณใช้ประโยชน์จากแพ็กเกจต่อวินาทีที่มีประสิทธิภาพสูง และ/หรือการสร้างเครือข่ายที่มีการหน่วงเวลาต่ำ เครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพจะมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน มีความสม่ำเสมอ และสามารถปรับขนาดได้

ถาม: ฉันสามารถเปิดใช้งานเครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพบนอินสแตนซ์ที่มีการรองรับได้อย่างไร

เพื่อเปิดใช้งานคุณสมบัตินี้ คุณต้องเปิดใช้ HVM AMI กับไดรเวอร์ที่เหมาะสม อินสแตนซ์ที่ระบุว่าเป็นรุ่นปัจจุบันจะใช้ ENA สำหรับระบบเครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพ Amazon Linux AMI รวมทั้งสองไดรเวอร์นี้ไว้ตามค่าเริ่มต้น สำหรับ AMI ที่ไม่มีไดรเวอร์เหล่านี้ คุณจะต้องดาวน์โหลดและติดตั้งไดรเวอร์ที่เหมาะสมตามประเภทอินสแตนซ์ที่คุณวางแผนจะใช้งาน คุณสามารถใช้คำแนะนำของ Linux หรือ Windows เพื่อเปิดใช้ Enhanced Networking ใน AMI ที่ไม่รวมไดรเวอร์ SR-IOV ไว้ตามค่าเริ่มต้น เครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพได้รับการรองรับบน Amazon VPC เท่านั้น

ถาม: ฉันต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเพื่อใช้เครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพหรือไม่

ไม่ ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับเครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อรับประโยชน์จากระบบเครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพ คุณต้องเปิดใช้ AMI ที่เหมาะสมบนประเภทอินสแตนซ์ที่มีการรองรับใน VPC

ถาม: อินสแตนซ์ประเภทใดบ้างที่รองรับเครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพ

คุณสามารถเปิดใช้งานเครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพโดยใช้กลไกใดกลไกหนึ่งต่อไปนี้ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทอินสแตนซ์

อินเทอร์เฟซฟังก์ชันเสมือน (VF) Intel 82599 – อินเทอร์เฟซฟังก์ชันเสมือน Intel 82599 รองรับความเร็วเครือข่ายสูงสุด 10 Gbps สำหรับประเภทอินสแตนซ์ที่รองรับ อินสแตนซ์ C3, C4, D2, I2, M4 (ยกเว้น m4.16xlarge) และ R3 จะใช้อินเทอร์เฟซฟังก์ชันเสมือน Intel 82599 VF สำหรับเครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพ

Elastic Network Adapter (ENA) - Elastic Network Adapter (ENA) รองรับความเร็วเครือข่ายสูงสุด 200 Gbps สำหรับประเภทอินสแตนซ์ที่รองรับ อินสแตนซ์ที่ระบุว่าเป็นรุ่นปัจจุบันใช้ ENA สำหรับเครือข่ายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพ ยกเว้นอินสแตนซ์ C4 D2 และ M4 ที่เล็กกว่า m4.16xlarge

ถาม: การมีการ์ดเครือข่ายสำหรับอินสแตนซ์ EC2 หลายรายการหมายความว่าอย่างไร ทำไมจึงจำเป็นต้องมี

อินสแตนซ์ EC2 รุ่นที่ใหม่กว่า จะใช้การ์ดเครือข่าย Nitro สำหรับการถ่ายโอน VPC Data Plane เพื่อมอบแบนวิดท์เครือข่ายที่มีปริมาณสูงกว่าและมีประสิทธิภาพด้านอัตราแพคเก็ตดีกว่า คุณสามารถกำหนดค่าอินสแตนซ์ EC2 เฉพาะเพื่อใช้การ์ดเครือข่ายหลายรายการสำหรับการประมวลผลแพคเก็ต ซึ่งท้ายที่สุดจะเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโดยรวม

ถาม: อินสแตนซ์ประเภทใดบ้างที่รองรับการ์ดเครือข่ายหลายรายการ

การ์ดเครือข่ายหลายรายการมีการรองรับบนอินสแตนซ์แบบเร่ง เช่น p4d.24xlarge และอินสแตนซ์เพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย เช่น c6in.32xlarge สำหรับรายการอินสแตนซ์ทั้งหมดที่รองรับการ์ดเครือข่ายหลายรายการ โปรดดูอินเทอร์เฟซเครือข่ายแบบยืดหยุ่น

ถาม: จำนวนเริ่มต้นของอินเทอร์เฟซเครือข่ายที่อินสแตนซ์การ์ดหลายตัวสามารถเปิดใช้งานได้คือเท่าใด

ขึ้นอยู่กับประเภทอินสแตนซ์ อินสแตนซ์แบบเร่ง เช่น p4 ที่เพิ่มทรัพยากรเป็นอินเทอร์เฟซเครือข่าย 15 รายการต่อการ์ดเครือข่าย อินสแตนซ์เครือข่ายระดับสูง เช่น อินสแตนซ์ c6in ที่เพิ่งเปิดตัวนั้นรองรับอินเทอร์เฟซเครือข่ายรวม 14 รายการ ซึ่งถูกแบ่งเท่าๆ กัน (7 และ 7) ทั่วทั้งการ์ดเครือข่ายทั้งสอง สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับขนาดอินเทอร์เฟซเครือข่ายต่อการ์ดเครือข่าย โปรดดูการ์ดเครือข่าย

Elastic Load Balancing

ถาม: Elastic Load Balancing มีบริการตัวเลือกโหลดบาลานซิ่งใดบ้าง

Elastic Load Balancing ให้บริการโหลดบาลานเซอร์ 2 ประเภทซึ่งมีคุณสมบัติทั้งมีความพร้อมใช้งานสูง ปรับขนาดได้อัตโนมัติ และมีการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้แก่ Classic Load Balancer ซึ่งจัดเส้นทางปริมาณการใช้งานตามแอปพลิเคชันหรือข้อมูลระดับเครือข่าย และ Application Load Balancer ซึ่งจัดเส้นทางปริมาณการใช้งานตามระดับข้อมูลแอปพลิเคชันขั้นสูงซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อหาในคำขอ

ถาม: เมื่อใดจึงควรใช้ Classic Load Balancer และเมื่อใดจึงควรใช้ Application Load Balancer

Classic Load Balancer เหมาะสำหรับการบาลานซ์โหลดปริมาณการใช้งานแบบง่ายๆ ในหลายอินสแตนซ์ EC2 ในขณะที่ Application Load Balancer เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องอาศัยความสามารถในการจัดเส้นทางขั้นสูง รวมถึงไมโครเซอร์วิส และสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่มีคอนเทนเนอร์ โปรดไปที่ Elastic Load Balancing สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

Elastic IP

ถาม: ทำไมฉันจึงถูกจำกัดที่อยู่ Elastic IP ไว้ 5 ที่อยู่ต่อภูมิภาค

ที่อยู่อินเทอร์เน็ตสาธารณะ (IPV4) เป็นทรัพยากรที่มีน้อย โดยมีจำนวน IP สาธารณะที่ว่างอยู่ในจำนวนจำกัดเท่านั้น และ Amazon EC2 มุ่งมั่นที่จะช่วยให้มีการใช้งานพื้นที่ว่างเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ

ตามค่าเริ่มต้น บัญชีทั้งหมดมีการจำกัดที่อยู่ Elastic IP 5 ที่อยู่ต่อ Region หากคุณต้องการที่อยู่ Elastic IP มากกว่า 5 ที่อยู่ เราขอให้คุณสมัครขอเพิ่มขีดจำกัดของคุณ เราจะขอให้คุณคิดเกี่ยวกับกรณีการใช้งานของคุณ และช่วยให้เราทำความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการในการเพิ่มที่อยู่ของคุณ คุณสามารถสมัครขอที่อยู่ Elastic IP เพิ่มได้ที่นี่ การเพิ่มที่อยู่จะเฉพาะเจาะจงไปยัง Region ที่มีการขอเท่านั้น

ถาม: ทำไมจึงมีการคิดค่าใช้จ่ายเมื่อที่อยู่ Elastic IP ของฉันไม่เชื่อมโยงกับอินสแตนซ์ที่กำลังเรียกใช้อยู่

เพื่อช่วยให้มั่นใจว่าลูกค้าของเราใช้ที่อยู่ Elastic IP อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะคิดค่าใช้จ่ายรายชั่วโมงเพียงเล็กน้อยสำหรับแต่ละที่อยู่เมื่อที่อยู่นั้นไม่เชื่อมโยงกับอินสแตนซ์ที่กำลังเรียกใช้อยู่

ถาม: ฉันต้องมีที่อยู่ Elastic IP หนึ่งที่อยู่สำหรับทุกอินสแตนซ์ที่กำลังเรียกใช้อยู่หรือไม่

ไม่ คุณไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ Elastic IP สำหรับอินสแตนซ์ทั้งหมดของคุณ ตามค่าเริ่มต้น ทุกอินสแตนซ์จะมีที่อยู่ IP ส่วนตัวและที่อยู่ IP สาธารณะที่สามารถระบุเส้นทางในอินเทอร์เน็ตได้ ที่อยู่ IP ส่วนตัวจะยังคงเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เฟซของเครือข่ายเมื่ออินสแตนซ์ถูกหยุดหรือรีสตาร์ท และจะปลดออกเมื่อยกเลิกอินสแตนซ์แล้ว ที่อยู่สาธารณะจะเชื่อมโยงเป็นการเฉพาะกับอินสแตนซ์จนกว่าจะมีการหยุด สิ้นสุด หรือแทนที่ด้วยที่อยู่ Elastic IP ที่อยู่ IP เหล่านี้ควรจะเพียงพอสำหรับแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุณไม่ต้องการปลายทางที่สามารถระบุเส้นทางได้ในอินเทอร์เน็ตแบบระยะยาว คลัสเตอร์การประมวลผล การรวบรวมข้อมูลเว็บ และบริการแบ็คเอนด์ คือตัวอย่างของแอปพลิเคชันที่โดยทั่วไปจะไม่ต้องใช้ที่อยู่ Elastic IP

ถาม: การรีแมปที่อยู่ Elastic IP ใช้เวลานานเท่าใด

ขั้นตอนการรีแมปในขณะนี้จะใช้เวลาหลายนาทีนับจากตอนที่มีคำสั่งให้รีแมป Elastic IP ไปจนกว่าจะมีการเผยแพร่ผ่านระบบของเราโดยสมบูรณ์

ถาม: ฉันสามารถกำหนดค่าบันทึก DNS แบบย้อนหลังสำหรับที่อยู่ Elastic IP ของฉันได้หรือไม่

ที่อยู่ Elastic IP ทั้งหมดมาพร้อมกับ Reverse DNS ในเทมเพลตมาตรฐานของแบบฟอร์ม ec2-1-2-3-4.region.compute.amazonaws.com สำหรับลูกค้าที่จำเป็นต้องใช้การตั้งค่า Reverse DNS แบบกำหนดเองสำหรับแอปพลิเคชันที่เข้าถึงผ่านอินเทอร์เน็ตได้ซึ่งใช้การตรวจสอบความถูกต้องที่สัมพันธ์กันผ่าน IP (เช่น การส่งอีเมลจาก EC2 Instance) คุณสามารถกำหนดค่าบันทึก Reverse DNS ของที่อยู่ Elastic IP ของคุณได้โดยกรอกแบบฟอร์มนี้ หรือโปรดติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าของ AWS หากคุณต้องการให้ AWS มอบหมายการจัดการของ Reverse DNS สำหรับ Elastic IP ของคุณให้กับเนมเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่เชื่อถือได้ (เช่น Amazon Route 53) เพื่อให้คุณสามารถจัดการบันทึก PTR สำหรับ Reverse DNS ของคุณเองให้รองรับกรณีการใช้งานเหล่านี้ได้ โปรดทราบว่าต้องมีบันทึก DNS แบบไปด้านหน้าที่สัมพันธ์กันซึ่งชี้ไปยังที่อยู่ Elastic IP นั้นก่อน เราจึงจะสามารถสร้างบันทึก DNS แบบย้อนหลังได้

การรักษาความปลอดภัย

ถาม: ฉันจะป้องกันไม่ให้คนอื่นดูระบบของฉันได้อย่างไร

คุณสามารถควบคุมการมองเห็นระบบของคุณได้อย่างเต็มที่ ระบบการรักษาความปลอดภัยของ Amazon EC2 ช่วยให้คุณสามารถวางอินสแตนซ์ที่กำลังเรียกใช้อยู่ของคุณในกลุ่มที่คุณเลือกกำหนดเอง เมื่อใช้อินเทอร์เฟซบริการเว็บ คุณสามารถระบุให้กลุ่มใดสื่อสารกับกลุ่มอื่นกลุ่มใดได้ และให้เครือข่ายย่อย IP ใดบนอินเทอร์เน็ตสื่อสารกับกลุ่มใดได้ ซึ่งทำให้คุณสามารถควบคุมการเข้าถึงอินสแตนซ์ของคุณในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงสูงได้ และแน่นอน คุณควรป้องกันอินสแตนซ์ของคุณให้ปลอดภัยไม่ต่างจากเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ

ถาม: ฉันสามารถขอรับประวัติการเรียก EC2 API ทั้งหมดบนบัญชีของฉันเพื่อการวิเคราะห์ความปลอดภัยและการแก้ปัญหาการดำเนินการได้หรือไม่

ได้ คุณเพียงเปิด CloudTrail ใน AWS Management Console เพื่อรับประวัติการเรียก EC2 API ทั้งหมด (รวมถึง VPC และ EBS) บนบัญชีของคุณ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่หน้าหลักของ CloudTrail

ถาม: ฉันสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยบน AWS ได้จากที่ใด

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยบน AWS โปรดดูเอกสารรายงาน Amazon Web Services: ภาพรวมเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยและคู่มือการรักษาความปลอดภัยของ Amazon EC2 ที่เรียกใช้บน Windows 

การจัดการ

Amazon CloudWatch

ถาม: Amazon CloudWatch ใช้เวลาในการได้รับและรวบรวมรายละเอียดข้อมูลต่ำสุดที่เท่าใด

ตัววัดที่ได้รับและมีการรวบรวมจะใช้เวลา 1 นาที

ถาม: Amazon CloudWatch รองรับระบบปฏิบัติการใดบ้าง

Amazon CloudWatch รับและจัดเตรียมตัววัดสำหรับอินสแตนซ์ Amazon EC2 ทั้งหมด และควรใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการที่บริการ Amazon EC2 รองรับในขณะนี้

ถาม: ฉันจะสูญเสียข้อมูลตัววัดหรือไม่ หากฉันปิดใช้งานการเฝ้าติดตาม Amazon EC2 instance

คุณสามารถเรียกดูข้อมูลตัววัดสำหรับ Amazon EC2 Instance ได้สูงสุด 2 สัปดาห์จากวันที่คุณเริ่มเฝ้าติดตาม หลังจาก 2 สัปดาห์ จะไม่มีข้อมูลเมตริกซ์สำหรับ Amazon EC2 Instance หากมีการปิดใช้งานการเฝ้าติดตามสำหรับ Amazon EC2 Instance นั้น หากต้องการจัดเก็บตัววัดถาวรเป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์ คุณสามารถทำได้โดยการเรียก mon-get-stats จากบรรทัดคำสั่งและจัดเก็บผลลัพธ์ไว้ใน Amazon S3 หรือ Amazon SimpleDB

ถาม: ฉันสามารถเข้าถึงข้อมูลตัววัดสำหรับ Amazon EC2 Instance ที่ยกเลิกไปแล้วหรือ Elastic Load Balancer ที่ลบไปแล้วได้หรือไม่

ได้ Amazon CloudWatch จะจัดเก็บตัววัดสำหรับอินสแตนซ์ Amazon EC2 ที่ยกเลิกไปแล้วหรือ Elastic Load Balancer ที่ลบไปแล้วเป็นเวลา 2 สัปดาห์

ถาม: ค่าบริการในการเฝ้าติดตามของ Amazon CloudWatch จะเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับประเภทของ Amazon EC2 Instance ที่ฉันเฝ้าติดตามใช่หรือไม่

ไม่ ค่าบริการในการเฝ้าติดตาม Amazon CloudWatch จะไม่ผันแปรไปตามประเภทของ Amazon EC2 instance

ถาม: ทำไมการสร้างกราฟของช่วงระยะเวลาเดียวกันจึงดูแตกต่างกันเมื่อดูช่วงระยะเวลาแบบ 5 นาทีและ 1 นาที

หากคุณเรียกดูช่วงระยะเวลาเดียวกันเป็นระยะเวลาแบบ 5 นาทีเมื่อเทียบกับแบบ 1 นาที คุณอาจจะเห็นว่าจุดข้อมูลแสดงอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกันบนกราฟ Amazon CloudWatch จะค้นหาทุกจุดข้อมูลที่มีอยู่ในช่วงเวลาที่คุณระบุในกราฟ แล้วคำนวณจุดผลรวมเพียงจุดเดียวเพื่อนำเสนอระยะเวลาโดยรวม ในกรณีที่เป็นระยะเวลาแบบ 5 นาที ระบบจะวางจุดข้อมูลแบบเดี่ยวไว้ที่จุดเริ่มต้นของช่วงระยะเวลาแบบ 5 นาที ในกรณีที่เป็นระยะเวลาแบบ 1 นาที ระบบจะวางจุดข้อมูลแบบเดี่ยวไว้ที่จุดเวลา 1 นาที เราขอแนะนำให้ใช้ระยะเวลาแบบ 1 นาทีสำหรับการแก้ไขปัญหาและกิจกรรมอื่นๆ ที่จำเป็นต้องอาศัยกราฟช่วงเวลาที่แม่นยำมากที่สุด

Amazon EC2 Auto Scaling

ถาม: ฉันสามารถปรับขนาด Amazon EC2 Auto Scaling Group โดยอัตโนมัติได้หรือไม่

ได้ Amazon EC2 Auto Scaling เป็นบริการที่มีการจัดการอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเปิดใช้หรือยกเลิกอินสแตนซ์ Amazon EC2 โดยอัตโนมัติเพื่อช่วยให้มั่นใจว่าคุณมีจำนวนอินสแตนซ์ Amazon EC2 ที่ถูกต้องเพื่อจัดการกับโหลดในแอปพลิเคชันของคุณ EC2 Auto Scaling ช่วยให้คุณรักษาความพร้อมของแอปพลิเคชันได้โดยอาศัยการจัดการกลุ่มสำหรับ EC2 Instance ซึ่งจะตรวจจับและแทนที่อินสแตนซ์ที่ไม่สมบูรณ์ และใช้วิธีขยายหรือลดพื้นที่ของ Amazon EC2 โดยอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่คุณกำหนด คุณสามารถใช้ EC2 Auto Scaling เพื่อเพิ่มจำนวน Amazon EC2 Instance ได้โดยอัตโนมัติในช่วงที่มีความต้องการใช้งานสูงเพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานไว้และลดพื้นที่ในการทำงานลงในช่วงที่มีความต้องการใช้งานน้อยเพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย

กลยุทธ์การจัดสรรทรัพยากรใน EC2 Auto Scaling จะกำหนดวิธีที่ Spot Instance ในกลุ่มของคุณนั้นได้รับการเติมเต็มจากกลุ่ม Spot Instance กลยุทธ์การจัดสรรทรัพยากรแบบปรับความสามารถให้เหมาะสมจะพยายามจัดหา Spot Instance จากกลุ่ม Spot Instance ที่มีอยู่มากที่สุดโดยการวิเคราะห์ตัววัดความสามารถ โดยกลยุทธ์นี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับปริมาณงานที่มีค่าใช้จ่ายการขัดจังหวะที่สูงขึ้น เช่น Big Data และการวิเคราะห์ การแสดงผลภาพและสื่อ, Machine Learning, และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง กลยุทธ์การจัดสรรราคาถูกที่สุดเรียกใช้อินสแตนซ์ Spot อย่างจำกัดโดยพิจารณาจากความหลากหลายในกลุ่มที่มีราคาต่ำที่สุดของ ‘N’

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Amazon EC2 Auto Scaling

ระงับ

ถาม: เหตุใดฉันจึงต้องระงับอินสแตนซ์

คุณสามารถระงับอินสแตนซ์เพื่อให้อินสแตนซ์และแอปพลิเคชันของคุณเริ่มและทำงานได้อย่างรวดเร็วหากใช้เวลานานในขั้นตอนการบูต (เช่น โหลดแคชหน่วยความจำ) คุณสามารถเปิดใช้อินสแตนซ์ ปรับไปสู่สถานะที่ต้องการ และระงับได้ อินสแตนซ์แบบ “pre-warmed” เหล่านี้สามารถกลับมาทำงานต่อได้เพื่อลดเวลาที่อินสแตนซ์ใช้สำหรับกลับสู่บริการ การระงับยังคงสถานะหน่วยความจำไว้ตลอดวงจรการหยุด/เริ่มระบบ

ถาม: จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อฉันระงับอินสแตนซ์ของฉัน

เมื่อคุณระงับอินสแตนซ์ ข้อมูลจากไดรฟ์ข้อมูลรูท EBS และไดรฟ์ข้อมูล EBS ใดๆ ที่เชื่อมต่ออยู่จะยังคงอยู่ นอกจากนี้เนื้อหาจากหน่วยความจำ (RAM) ของอินสแตนซ์จะยังคงอยู่ในไดรฟ์ข้อมูลรูท EBS เมื่อรีสตาร์ทอินสแตนซ์ อินสแตนซ์จะกลับสู่สถานะก่อนหน้าและโหลดเนื้อหา RAM อีกครั้ง

ถาม: การระงับและการหยุดแตกต่างกันอย่างไร

ในกรณีที่ระงับ อินสแตนซ์ของคุณจะถูกระงับ และข้อมูล RAM จะยังคงอยู่ ในกรณีที่หยุด อินสแตนซ์ของคุณจะถูกปิด และ RAM จะถูกล้างไป

ในทั้งสองกรณี ข้อมูลจากไดรฟ์ข้อมูลราก EBS ของคุณและไดรฟ์ข้อมูล EBS ใดๆ ที่แนบไปด้วยจะยังคงอยู่ ที่อยู่ IP ส่วนตัวของคุณจะคงอยู่เช่นเดิมเช่นเดียวกับที่อยู่ Elastic IP (ถ้ามี) ลักษณะชั้นเครือข่ายจะคล้ายกับลักษณะเวิร์กโฟลว์หยุด-เริ่ม EC2 ตัวเลือกหยุดและระงับจะใช้ได้กับอินสแตนซ์แบบ Amazon EBS เท่านั้น พื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ในพื้นที่จะไม่คงอยู่

ถาม: มีค่าใช้จ่ายเท่าใดในการระงับอินสแตนซ์

การระงับอินสแตนซ์จะคิดค่าบริการตามอัตรา EBS มาตรฐานสำหรับที่เก็บข้อมูล เช่นเดียวกับอินสแตนซ์ที่หยุดทำงาน เราจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้อินสแตนซ์ในขณะที่อินสแตนซ์ถูกระงับอยู่

ถาม: ฉันจะระงับอินสแตนซ์ได้อย่างไร

จำเป็นต้องเปิดใช้งานการระงับเมื่อคุณเปิดใช้งานอินสแตนซ์ เมื่อเปิดใช้งานแล้ว คุณสามารถใช้ API StopInstances พร้อมพารามิเตอร์ "Hibernate" เพิ่มเติม เพื่อทริกเกอร์การระงับ คุณสามารถทำขั้นตอนนี้ได้ผ่านคอนโซลโดยเลือกอินสแตนซ์ของคุณ จากนั้นคลิกการดำเนินการ > สถานะอินสแตนซ์ > หยุด – ระงับ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมในการใช้งานการระงับ โปรดอ้างอิงคู่มือผู้ใช้

ถาม: ฉันจะทำให้อินสแตนซ์ที่ระงับอยู่กลับมาทำงานได้อย่างไร

คุณสามารถทำให้อินสแตนซ์กลับมาทำงานต่อได้โดยการเรียกใช้ StartInstances API อย่างที่คุณทำเวลาที่อินสแตนซ์หยุดอยู่ตามปกติ คุณสามารถทำขั้นตอนนี้ได้ผ่าน Console โดยเลือกอินสแตนซ์ของคุณ จากนั้นคลิกการดำเนินการ > สถานะอินสแตนซ์ > เริ่ม

ถาม: ฉันจะเปิดใช้งานการระงับบนอินสแตนซ์ที่มีอยู่แล้วได้หรือไม่

ไม่ คุณไม่สามารถเปิดใช้งานการระงับบนอินสแตนซ์ที่มีอยู่แล้ว (กำลังทำงานหรือหยุด) จำเป็นต้องเปิดใช้งานการระงับระหว่างเปิดใช้งานอินสแตนซ์

ถาม: ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าอินสแตนซ์นั้นระงับอยู่

คุณจะรู้ได้ว่าอินสแตนซ์นั้นระงับอยู่โดยดูที่สาเหตุของสถานะ ซึ่งระบบควรแสดงเป็น "Client.UserInitiatedHibernate" คุณสามารถมองเห็นข้อมูลนี้ได้บน Console ในมุมมอง “อินสแตนซ์ – รายละเอียด” หรือในช่อง “สาเหตุ” จากการตอบสนอง DescribeInstances API

ถาม: อินสแตนซ์จะอยู่ในสถานะใดเมื่อทำการระงับ

อินสแตนซ์ที่ถูกระงับจะอยู่ในสถานะ "หยุด"

ถาม: ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้เมื่อฉันระงับอินสแตนซ์มีอะไรบ้าง

ไดรฟ์ที่เก็บข้อมูลแบบ EBS (ไดรฟ์บูตและไดรฟ์ข้อมูลที่เชื่อมต่อ) และหน่วยความจำ (RAM) จะถูกบันทึกไว้ ที่อยู่ IP ส่วนตัวของคุณจะคงอยู่เช่นเดิม (สำหรับ VPC) เช่นเดียวกับที่อยู่ Elastic IP (ถ้ามี) ลักษณะชั้นเครือข่ายจะคล้ายกับลักษณะเวิร์กโฟลว์หยุด-เริ่ม EC2

ถาม: ข้อมูลของฉันจะเก็บไว้ที่ใดเมื่อฉันระงับอินสแตนซ์

เช่นเดียวกับคุณสมบัติตอนที่หยุด ข้อมูลของอุปกรณ์รูทและอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อจะเก็บไว้ในไดรฟ์ข้อมูล EBS ที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาหน่วยความจำ (RAM) จะถูกเก็บไว้ในไดรฟ์ข้อมูลรูท EBS

ถาม: ข้อมูลหน่วยความจำ (RAM) ของฉันถูกเข้ารหัสหรือไม่เมื่อย้ายไปยัง EBS

ใช่ ข้อมูล RAM นั้นจะถูกเข้ารหัสเสมอเมื่อย้ายไปยังไดรฟ์ข้อมูลรูท EBS การเข้ารหัสบนไดรฟ์ข้อมูลรูท EBS จะบังคับใช้ในเวลาเปิดใช้งานอินสแตนซ์ กระบวนการนี้เพื่อให้แน่ใจว่ามีการป้องกันสำหรับเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนใดๆ ที่อยู่ในหน่วยความจำในเวลาที่ทำการระงับ

ถาม: ฉันจะระงับอินสแตนซ์ได้นานเท่าไร

เราไม่สนับสนุนการระงับอินสแตนซ์ไว้นานกว่า 60 วัน คุณจำเป็นต้องเริ่มทำงานอินสแตนซ์ต่ออีกครั้ง จากนั้นทำการหยุดและเริ่ม (โดยไม่ระงับ) หากคุณต้องการเก็บอินสแตนซ์ไว้เป็นระยะเวลานาน เรากำลังทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แพลตฟอร์มของเราเป็นปัจจุบันเสมอ ด้วยแพตช์อัปเกรดและแพตช์ด้านความปลอดภัย ซึ่งบางแพตช์อาจขัดแย้งกับอินสแตนซ์ที่ระงับเก่าๆ เราจะแจ้งให้คุณทราบหากมีการอัปเดตที่สำคัญที่คุณจำเป็นต้องทำให้อินสแตนซ์ที่ระงับอยู่ทำงานต่ออีกครั้ง เพื่อทำการปิดระบบหรือรีบูต

ถาม: ข้อกำหนดเบื้องต้นในการระงับอินสแตนซ์มีอะไรบ้าง

ในการใช้การระงับ ไดรฟ์ข้อมูลรูทจะต้องเป็นไดรฟ์ข้อมูล EBS ที่เข้ารหัส อินสแตนซ์จะต้องได้รับการกำหนดค่าให้รับสัญญาณ ACPID สำหรับการระงับ (หรือใช้ AMI ที่เผยแพร่ของ Amazon ที่กำหนดค่าไว้สำหรับการระงับ) นอกจากนี้ อินสแตนซ์ของคุณควรมีพื้นที่ในไดรฟ์ข้อมูลรูท EBS มากพอที่จะเขียนข้อมูลจากหน่วยความจำได้

ถาม: มีอินสแตนซ์และระบบปฏิบัติการใดที่รองรับการระงับบ้าง

อินสแตนซ์ C3, C4, C5, C5d, I3, M3, M4, M5, M5a, M5ad, M5d, R3, R4, R5, R5a, R5ad, R5d, T2, T3 และ T3a รองรับการระงับสำหรับอินสแตนซ์ที่ใช้ Amazon Linux, Amazon Linux 2, Ubuntu และ Windows

อินสแตนซ์ C5, C5d, M5, M5a, M5ad, M5d, R5, R5a, R5ad, R5d, T3 และ T3a รองรับการระงับสำหรับอินสแตนซ์ที่ใช้ CentOS, Fedora และ Red Hat Enterprise Linux

สำหรับ Windows อินสแตนซ์ที่มี RAM สูงสุด 16 GB รองรับการระงับ สำหรับระบบปฏิบัติการอื่น อินสแตนซ์ที่มี RAM ไม่ถึง 150 GB รองรับการระงับ หากต้องการตรวจสอบรายชื่อเวอร์ชันระบบปฏิบัติการและประเภทอินสแตนซ์ที่รองรับ โปรดดูคู่มือผู้ใช้

ถาม: ฉันควรใช้ Amazon Machine Image (AMI) ที่เฉพาะเจาะจงหากต้องการระงับอินสแตนซ์หรือไม่

คุณสามารถใช้ AMI ที่กำหนดค่าเพื่อรองรับการระงับใดๆ ก็ได้ คุณสามารถใช้ AMI ที่เผยแพร่ของ AWS ที่รองรับการระงับได้ตามค่าเริ่มต้น อีกวิธีหนึ่ง คุณสามารถสร้างอิมเมจที่กำหนดเองจากอินสแตนซ์หลังจากทำตามรายการตรวจสอบข้อกำหนดเบื้องต้นในการระงับ และกำหนดค่าอินสแตนซ์ของคุณอย่างเหมาะสม

ถาม: จะเกิดอะไรขึ้นหากไดรฟ์ข้อมูลราก EBS ของฉันมีขนาดไม่ใหญ่พอที่จะจัดเก็บสถานะหน่วยความจำ (RAM) เพื่อทำการระงับได้

หากต้องการเปิดใช้งานการระงับ ไดรฟ์ข้อมูลรากจะจัดสรรพื้นที่เพื่อจัดเก็บหน่วยความจำ (RAM) ของอินสแตนซ์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไดรฟ์ข้อมูลรากนั้นใหญ่พอที่จะเก็บเนื้อหา RAM และรองรับการใช้งานที่คาดหวังไว้ เช่น ระบบปฏิบัติการ แอปพลิเคชัน หากไดรฟ์ข้อมูลราก EBS มีพื้นที่ไม่มากพอ การระงับจะใช้ไม่ได้ผลและอินสแตนซ์จะถูกปิดแทน

การนำเข้า/ส่งออก VM

ถาม: การนำเข้า/ส่งออก VM คืออะไร

การนำเข้า/ส่งออก VM ช่วยให้ลูกค้าสามารถนำเข้าอิมเมจ Virtual Machine (VM) เพื่อสร้างอินสแตนซ์ Amazon EC2 ได้ ลูกค้าสามารถส่งออกอินสแตนซ์ EC2 ที่นำเข้าก่อนหน้านี้เพื่อสร้าง VM ลูกค้าสามารถใช้การนำเข้า/ส่งออก VM เพื่อใช้ประโยชน์จากการลงทุนก่อนหน้านี้ในการสร้าง VM โดยการย้าย VM ไปยัง Amazon EC2 ได้

ถาม: รองรับระบบปฏิบัติการอะไรบ้าง

การนำเข้า/ส่งออก VM ในปัจจุบันรองรับ Windows และ Linux VM รวมถึง Windows Server หลายรุ่น, Red Hat Enterprise Linux (RHEL), CentOS, Ubuntu, Debian และอื่นๆ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำเข้า VM รวมถึงรูปแบบไฟล์ สถาปัตยกรรม และการกำหนดค่าระบบปฏิบัติการที่รองรับ โปรดดูที่ส่วนการนำเข้า/ส่งออก VM ของการนำเข้า/ส่งออก VM

Q: รูปแบบไฟล์ VM ใดบ้างที่รองรับ

คุณสามารถนำเข้าอิมเมจ VMware ESX VMDK, อิมเมจ Citrix Xen VHD, อิมเมจ Microsoft Hyper-V VHD และอิมเมจ RAW ในแบบอินสแตนซ์ Amazon EC2 คุณสามารถส่งออก EC2 Instance เป็นอิมเมจ VMware ESX VMDK, VMware ESX OVA, Microsoft Hyper-V VHD หรือ Citrix Xen VHD ได้ สำหรับรายชื่อระบบปฏิบัติการทั้งหมดที่รองรับ โปรดดูรองรับระบบปฏิบัติการใดบ้าง

ถาม: VMDK คืออะไร

VMDK เป็นรูปแบบไฟล์ที่ระบุฮาร์ดดิสก์ของ Virtual Machine ที่ห่อหุ้มไว้ภายในไฟล์เดียว ซึ่งโดยปกติแล้วโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเสมือนจริงจะใช้ไฟล์รูปแบบนี้ เช่นโครงสร้างพื้นฐานที่ VMware, Inc. จำหน่าย

ถาม: ฉันจะเตรียมไฟล์ VMDK เพื่อนำเข้าโดยใช้ไคลเอ็นต์ VMware vSphere ได้อย่างไร

ไฟล์ VMDK สามารถจัดเตรียมได้โดยเรียก File-Export-Export ไปยังเทมเพลต OVF ในไคลเอ็นต์ VMware vSphere ไฟล์ VMDK ที่ได้จะถูกบีบอัดเพื่อลดขนาดอิมเมจและจะทำงานกับ VM Import/Export ได้ ไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมการพิเศษ หากคุณใช้ Amazon EC2 VM Import Connector vApp สำหรับ VMware vCenter

ถาม: VHD คืออะไร

VHD (ฮาร์ดดิสก์เสมือน) เป็นรูปแบบไฟล์ซึ่งระบุฮาร์ดดิสก์ของ Virtual Machine ที่ถูกห่อหุ้มไว้ภายในไฟล์เดียว รูปแบบอิมเมจ VHD จะถูกใช้โดยแพลตฟอร์มการจำลองระบบเสมือน เช่น Microsoft Hyper-V และ Citrix Xen

ถาม: ฉันจะเตรียมไฟล์ VHD สำหรับการนำเข้าจาก Citrix Xen ได้อย่างไร

เปิด Citrix XenCenter และเลือก Virtual Machine ที่คุณต้องการส่งออก ภายใต้เมนู เครื่องมือ เลือก "เครื่องมือ Virtual Appliance" และเลือก "ส่งออก Appliance" เพื่อเริ่มงานการส่งออก เมื่อการส่งออกเสร็จสิ้น คุณสามารถค้นหาไฟล์อิมเมจ VHD ได้ในไดเรกทอรีปลายทางที่คุณระบุไว้ในกล่องโต้ตอบการส่งออก

ถาม: ฉันจะเตรียมไฟล์ VHD สำหรับการนำเข้าจาก Microsoft Hyper-V ได้อย่างไร

เปิด Hyper-V Manager และเลือก Virtual Machine ที่คุณต้องการส่งออก ในบานหน้าต่าง การดำเนินการ สำหรับ Virtual Machine เลือก "ส่งออก" เพื่อเริ่มต้นงานการส่งออก เมื่อการส่งออกเสร็จสิ้น คุณสามารถกำหนดไฟล์อิมเมจ VHD ได้ในไดเรกทอรีปลายทางที่คุณระบุไว้ในกล่องโต้ตอบการส่งออก

ถาม: มีข้อกำหนดอื่นๆ เมื่อนำเข้า VM ไปยัง Amazon EC2 หรือไม่

Virtual Machine ต้องอยู่ในสถานะหยุดก่อนที่จะสร้างอิมเมจ VMDK หรือ VHD VM ไม่สามารถอยู่ในสถานะหยุดชั่วคราวหรือถูกระงับ เราขอแนะนำให้คุณส่งออก Virtual Machine ในขณะที่แนบไดรฟ์ข้อมูลสำหรับบูตไว้เท่านั้น คุณสามารถนำเข้าดิสก์เพิ่มเติมโดยใช้คำสั่ง ImportVolume และติดกับ Virtual Machine โดยใช้ AttachVolume นอกจากนี้ยังไม่สนับสนุนดิสก์ที่เข้ารหัส (เช่น Bit Locker) และไฟล์อิมเมจที่เข้ารหัส คุณมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบว่าคุณมีสิทธิ์และมีใบอนุญาตการใช้งานที่จำเป็นทั้งหมดในการนำเข้า VM สู่ AWS และเรียกใช้ซอฟต์แวร์ที่รวมอยู่ในอิมเมจ VM ของคุณ

ถาม: Virtual Machine ต้องได้รับการกำหนดค่าในลักษณะใดเพื่อให้สามารถนำเข้าไปยัง Amazon EC2 ได้

ตรวจสอบว่าเปิดใช้งาน Remote Desktop (RDP) หรือ Secure Shell (SSH) สำหรับการเข้าถึงระยะไกล และตรวจสอบว่าไฟร์วอลล์ของโฮสต์ (ไฟร์วอลล์ Windows, iptables หรือที่คล้ายกัน) สามารถเข้าถึง RDP หรือ SSH ได้ หากมีการกำหนดค่าไว้ มิฉะนั้นคุณจะไม่สามารถเข้าถึงอินสแตนซ์ของคุณได้หลังจากการนำเข้าเสร็จสมบูรณ์ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่า Windows VM ได้รับการกำหนดค่าให้ใช้รหัสผ่านที่รัดกุมสำหรับผู้ใช้ทั้งหมด รวมถึงผู้ดูแลระบบและ Linux VM ที่มีการกำหนดค่าด้วยคีย์สาธารณะสำหรับการเข้าถึง SSH

ถาม: ฉันจะนำเข้า Virtual Machine ไปยังอินสแตนซ์ Amazon EC2 ได้อย่างไร

คุณสามารถนำเข้าอิมเมจ VM โดยใช้เครื่องมือ Amazon EC2 API ได้ ดังนี้

  • นำเข้าไฟล์ VMDK, VHD หรือ RAW ผ่าน ec2-import-instance API งานอินสแตนซ์การนำเข้าจะรวบรวมพารามิเตอร์ที่จำเป็นเพื่อกำหนดค่าคุณสมบัติของ Amazon EC2 Instance อย่างถูกต้อง (ขนาดอินสแตนซ์, Availability Zone และกลุ่มความปลอดภัย) และอัปโหลดอิมเมจดิสก์ลงใน Amazon S3
  • หาก ec2-import-instance ถูกขัดจังหวะหรือสิ้นสุดการทำงานลงโดยไม่ผ่านการอัปโหลด ให้ใช้ ec2-resume-import เพื่อดำเนินการอัปโหลดต่อ งานนำเข้าจะดำเนินการต่อในตำแหน่งที่ออกไป
  • ใช้คำสั่ง ec2-describe-conversion-tasks เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าในการนำเข้า และรับรหัส Amazon EC2 Instance ที่ได้
  • เมื่องานนำเข้าเสร็จสิ้น คุณสามารถบูต Amazon EC2 Instance ได้โดยระบุ ID อินสแตนซ์ของตนไปที่ ec2-run-instances API
  • ขั้นสุดท้าย ใช้เครื่องมือบรรทัดคำสั่ง ec2-delete-disk-image เพื่อลบอิมเมจดิสก์จาก Amazon S3 เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป

อีกทางเลือกหนึ่งคือ หากคุณใช้แพลตฟอร์มการจัดรูปแบบการแสดงข้อมูล VMware vSphere คุณจะสามารถนำเข้าเครื่องเสมือนไปยัง Amazon EC2 โดยใช้ส่วนติดต่อผู้ใช้แบบกราฟิกที่มีให้ใน AWS Management Portal สำหรับ vCenter ได้ โปรดดูคู่มือเริ่มต้นใช้งานใน AWS Management Portal สำหรับ vCenter AWS Management Portal สำหรับ vCenter มีการสนับสนุนแบบเบ็ดเสร็จสำหรับ VM Import เมื่อติดตั้งพอร์ทัลภายใน vCenter แล้ว คุณสามารถคลิกขวาที่ VM และเลือก "โยกย้ายไปที่ EC2" เพื่อสร้าง EC2 Instance จาก VM พอร์ทัลจะจัดการการส่งออก VM จาก vCenter แล้วอัปโหลดไปยัง S3 และแปลงให้เป็น EC2 Instance ให้คุณโดยไม่จำเป็นต้องมีการทำงานเพิ่มเติม นอกจากนี้คุณยังสามารถติดตามความคืบหน้าของการโยกย้าย VM ของคุณภายในพอร์ทัลได้ด้วย

ถาม: ฉันจะส่งออกอินสแตนซ์ Amazon EC2 กลับไปที่การจำลองระบบเสมือนในองค์กรของฉันได้อย่างไร

คุณสามารถส่งออกอินสแตนซ์ Amazon EC2 ของคุณโดยใช้เครื่องมือ Amazon EC2 CLI ดังนี้

  • ส่งออกอินสแตนซ์โดยใช้คำสั่ง ec2-create-instance-export-task คำสั่งส่งออกจะเก็บพารามิเตอร์ที่จำเป็น (ID ของอินสแตนซ์, บัคเก็ต S3 เพื่อเก็บอิมเมจที่ส่งออก ชื่ออิมเมจที่ส่งออก รูปแบบ VMDK, OVA หรือ VHD) เพื่อส่งออกอินสแตนซ์เป็นรูปแบบที่คุณเลือก ไฟล์ที่ส่งออกจะถูกบันทึกลงในบัคเก็ต S3 ที่คุณสร้างไว้ก่อนหน้านี้
  • ใช้ ec2-describe-export-tasks เพื่อติดตามตรวจสอบความคืบหน้าในการส่งออก
  • ใช้ ec2-cancel-export-task เพื่อยกเลิกงานการส่งออกก่อนที่จะเสร็จสิ้น

ถาม: มีข้อกำหนดอื่นๆ เมื่อส่งออกอินสแตนซ์ EC2 โดยใช้การนำเข้า/ส่งออก VM หรือไม่

คุณสามารถส่งออกอินสแตนซ์ EC2 ที่กำลังเรียกใช้หรือระงับอยู่ที่นำเข้าก่อนหน้านี้ได้โดยใช้การนำเข้า/ส่งออก VM หากอินสแตนซ์กำลังเรียกใช้อยู่ อินสแตนซ์จะหยุดชั่วขณะเพื่อเก็บสแน็ปช็อตของไดรฟ์ข้อมูลสำหรับเริ่มระบบ ไม่สามารถส่งออกไดรฟ์ข้อมูล EBS ได้ อินสแตนซ์ EC2 ที่มีอินเทอร์เฟซเครือข่ายมากกว่าหนึ่งรายการจะไม่สามารถส่งออกได้

ถาม: ฉันสามารถส่งออกอินสแตนซ์ Amazon EC2 ที่แนบไดรฟ์ข้อมูล EBS อย่างน้อยหนึ่งชุดได้หรือไม่

ได้ แต่การนำเข้า/ส่งออก VM จะส่งออกไดรฟ์ข้อมูลสำหรับเริ่มระบบของอินสแตนซ์ EC2 เท่านั้น

ถาม: การนำเข้า Virtual Machine มีค่าใช้จ่ายเท่าใด

คุณจะถูกเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมการถ่ายโอนข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลมาตรฐานของ Amazon S3 สำหรับการอัปโหลดและจัดเก็บไฟล์อิมเมจ VM ของคุณ เมื่อ VM ของคุณถูกนำเข้า จะมีการคิดเวลามาตรฐาน Amazon EC2 Instance และค่าบริการ EBS ถ้าคุณไม่ต้องการจัดเก็บไฟล์อิมเมจ VM ของคุณใน S3 หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการนำเข้าอีกต่อไป ให้ใช้เครื่องมือบรรทัดคำสั่ง ec2-delete-disk-image เพื่อลบอิมเมจดิสก์ออกจาก Amazon S3

Q: การส่งออก VM มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

คุณจะถูกเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมการจัดเก็บ Amazon S3 มาตรฐานสำหรับจัดเก็บไฟล์อิมเมจ VM ที่ส่งออก นอกจากนี้คุณจะถูกเรียกเก็บเงินค่าถ่ายโอนข้อมูลมาตรฐาน S3 เมื่อคุณดาวน์โหลดไฟล์ VM ที่ส่งออกไปยังสภาพแวดล้อมการจัดรูปแบบการแสดงข้อมูลในองค์กรของคุณ ประการสุดท้าย คุณจะถูกเรียกเก็บเงินค่าบริการ EBS มาตรฐานสำหรับจัดเก็บอิมเมจชั่วคราวของ EC2 Instance ของคุณ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ ให้ลบไฟล์อิมเมจ VM ใน S3 หลังจากดาวน์โหลดลงในสภาพแวดล้อมการจำลองระบบเสมือนของคุณ

ถาม: เมื่อฉันนำเข้า VM ของ Windows Server 2003 หรือ 2008 ใครต้องรับผิดชอบการจัดหาสิทธิ์การใช้งานระบบปฏิบัติการ

เมื่อคุณเปิดใช้ VM ที่นำเข้าโดยใช้ Microsoft Windows Server 2003 หรือ 2008 คุณจะถูกเรียกเก็บเงินตามอัตราชั่วโมงอินสแตนซ์มาตรฐานสำหรับ Amazon EC2 ที่เรียกใช้เวอร์ชัน Windows Server ที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ในการใช้ระบบปฏิบัติการดังกล่าวภายใน Amazon EC2 ด้วย คุณมีหน้าที่รับผิดชอบการตรวจสอบให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์อื่นๆ ที่ติดตั้งได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับคีย์สิทธิ์การใช้งาน Microsoft Windows เมื่อฉันนำเข้า VM ของ Windows Server 2003 หรือ 2008 เนื่องจากไม่มีการใช้คีย์สิทธิ์การใช้งาน Microsoft Windows ที่เชื่อมโยงกับ VM เมื่อเรียกใช้ VM ที่นำเข้าของคุณเป็นอินสแตนซ์ EC2 คุณจึงสามารถนำคีย์มาใช้ใหม่สำหรับ VM อื่นได้ภายในสภาพแวดล้อมในองค์กรของคุณ

ถาม: ฉันสามารถใช้คีย์สิทธิ์การใช้งาน Microsoft Windows ที่ได้จาก AWS ต่อไปได้หรือไม่ หลังจากส่งออกอินสแตนซ์ EC2 กลับไปที่การจำลองระบบเสมือนภายในองค์กรของฉันแล้ว

ไม่ หลังจากส่งออกอินสแตนซ์ EC2 แล้ว คีย์สิทธิ์การใช้งานที่ใช้ใน EC2 Instance จะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป คุณจะต้องเปิดใช้งานอีกครั้งและระบุคีย์สิทธิ์การใช้งานใหม่สำหรับ VM ที่ส่งออก หลังจากที่มีการเปิดใช้ในแพลตฟอร์มการจำลองระบบเสมือนจริงในองค์กรของคุณ

ถาม: เมื่อฉันนำเข้า VM ด้วย Red Hat Enterprise Linux (RHEL) ใครต้องรับผิดชอบการจัดหาสิทธิ์การใช้งานระบบปฏิบัติการ

เมื่อคุณนำเข้าอิมเมจ VM ของ Red Hat Enterprise Linux (RHEL) คุณสามารถใช้การถ่ายโอนสิทธิ์การใช้งานสำหรับอินสแตนซ์ RHEL ของคุณได้ เมื่อใช้การพกพาสิทธิ์การใช้งาน คุณมีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาสิทธิ์การใช้งาน RHEL สำหรับอินสแตนซ์ที่นำเข้าซึ่งคุณสามารถทำได้โดยใช้การสมัครสมาชิก Cloud Access สำหรับ Red Hat Enterprise Linux โปรดติดต่อ Red Hat เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cloud Access และเพื่อยืนยันสิทธิ์ของคุณ

ถาม: ต้องใช้เวลานานเท่าไรในการนำเข้า Virtual Machine

ระยะเวลาที่จะนำเข้า Virtual Machine จะขึ้นอยู่กับขนาดของอิมเมจดิสก์และความเร็วในการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ ตัวอย่างเช่น อิมเมจ VMDK ของ Windows Server 2008 SP2 ขนาด 10 GB จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อนำเข้า เมื่อโอนข้อมูลผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายขนาด 10 Mbps การนำเข้าของคุณอาจใช้เวลานานกว่าเดิมมากหากคุณมีการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ช้าลงหรือมีดิสก์ขนาดใหญ่ที่จะอัปโหลด

ถาม: ฉันสามารถใช้การนำเข้า/ส่งออก VM ในภูมิภาคของ Amazon EC2 ใดได้บ้าง

ไปที่หน้าตารางภูมิภาคเพื่อดูการให้บริการผลิตภัณฑ์ตามภูมิภาค

ถาม: ฉันสามารถนำเข้าหรือส่งออกงานพร้อมกันได้กี่งาน

แต่ละบัญชีสามารถนำเข้างานได้สูงสุด 5 งานและงานส่งออก 5 งานต่อหนึ่งภูมิภาค

ถาม: ฉันสามารถรัน Virtual Machine ที่นำเข้าใน Amazon Virtual Private Cloud (Amazon VPC) ได้หรือไม่

ได้ คุณสามารถเปิดใช้ Virtual Machine ที่นำเข้าภายใน Amazon VPC ได้

ถาม: ฉันสามารถใช้คอนโซลการจัดการของ AWS กับการนำเข้า/ส่งออก VM ได้หรือไม่

ไม่ คำสั่งการนำเข้า/ส่งออก VM จะสามารถใช้ได้ผ่าน EC2 CLI และ API คุณยังสามารถใช้ AWS Management Portal สำหรับ vCenter เพื่อนำเข้า VM ไปใน Amazon EC2 ได้อีกด้วย เมื่อนำเข้าแล้ว อินสแตนซ์ที่ได้จะพร้อมให้ใช้งานผ่าน AWS Management Console

ตัวเลือกการชำระเงินและการเรียกเก็บเงิน

การเรียกเก็บเงิน

ถาม: จะมีการคิดค่าใช้จ่ายและเก็บค่าบริการสำหรับการใช้ Amazon EC2 อย่างไร

คุณชำระค่าบริการเฉพาะส่วนที่คุณใช้เท่านั้น การกำหนดราคาที่แสดงเป็นอัตราต่อชั่วโมง แล้วแต่อินสแตนซ์ที่คุณเลือก คุณชำระค่าบริการเป็นชั่วโมงหรือนาที (ต่ำสุด 60 วินาที) สำหรับอินสแตนซ์แต่ละประเภท โดยจะมีการเก็บค่าบริการการใช้อินสแตนช์ต่อชั่วโมงเป็นบางส่วนตามการใช้อินสแตนซ์ ข้อมูลที่ถ่ายโอนระหว่างบริการของ AWS ในรีเจี้ยนต่างๆ จะถูกเรียกเก็บค่าบริการในอัตราการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างรีเจี้ยนแบบมาตรฐาน การใช้งาน Amazon Web Services อื่นๆ จะมีการเก็บค่าบริการแยกต่างหากจาก Amazon EC2

สำหรับข้อมูลการกำหนดราคา EC2 โปรดไปที่ส่วนการกำหนดราคาในหน้ารายละเอียดเกี่ยวกับ EC2

ถาม: รอบการเรียกเก็บค่าบริการของระบบ Amazon EC2 เริ่มต้นและสิ้นสุดเมื่อใด

การเก็บค่าบริการจะเริ่มเมื่อ Amazon EC2 เริ่มลำดับการเริ่มต้นอินสแตนซ์ AMI การเก็บค่าบริการสิ้นสุดเมื่ออินสแตนซ์สิ้นสุด ซึ่งอาจเกิดจากคำสั่งบริการเว็บ โดยการเรียกใช้ "shutdown -h" หรือจากความล้มเหลวของอินสแตนซ์ เมื่อคุณหยุดอินสแตนซ์ เราจะปิดการทำงานแต่จะไม่คิดค่าใช้จ่ายการใช้งานเป็นชั่วโมงสำหรับอินสแตนซ์ที่หยุดใช้ หรือค่าธรรมเนียมการโอนข้อมูล แต่เราจะคิดค่าใช้จ่ายสำหรับพื้นที่จัดเก็บไดรฟ์ข้อมูล Amazon EBS หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่เอกสารประกอบ AWS

ถาม: อะไรเป็นตัวกำหนดการใช้งาน EC2 instance ที่สามารถเรียกเก็บค่าบริการได้

จะมีการเก็บค่าบริการการใช้งานอินสแตนซ์สำหรับระยะเวลาที่อินสแตนซ์ของคุณอยู่ในสถานะ "กำลังเรียกใช้" หากคุณไม่ต้องการให้มีการคิดค่าใช้จ่ายสำหรับอินสแตนซ์ของคุณ คุณต้อง "หยุด" หรือ "สิ้นสุด" อินสแตนซ์เพื่อหลีกเลี่ยงการคิดค่าบริการการใช้งานอินสแตนซ์เพิ่มเติม การเก็บค่าบริการจะเริ่มเมื่อมีการเปลี่ยนอินสแตนซ์เป็นสถานะกำลังเรียกใช้

ถาม: หากฉันมีอินสแตนซ์สองรายการใน Availability Zone ที่ต่างกัน จะมีการคิดค่าใช้จ่ายสำหรับการโอนข้อมูลตามภูมิภาคอย่างไร

จะมีการคิดค่าใช้จ่ายอินสแตนซ์แต่ละรายการสำหรับข้อมูลเข้าและออกที่อัตราการโอนข้อมูลที่สัมพันธ์กัน ดังนั้น หากมีการโอนข้อมูลระหว่างอินสแตนซ์สองรายการนี้ จะมีการคิดค่าใช้จ่ายที่ “การโอนข้อมูลออกจาก EC2 ไปยัง AWS Region อื่น” สำหรับอินสแตนซ์แรก และคิดค่าใช้จ่ายที่ “การโอนข้อมูลเข้าจาก AWS Region อื่น” สำหรับอินสแตนซ์ที่สอง โปรดดูหน้านี้สำหรับราคาการโอนข้อมูลโดยละเอียด

ถาม: หากฉันมีอินสแตนซ์สองรายการในภูมิภาคต่างๆ จะมีการคิดค่าใช้จ่ายสำหรับการโอนข้อมูลอย่างไร

แต่ละอินสแตนซ์จะถูกคิดค่าใช้จ่ายสำหรับข้อมูลเข้าและออกที่อัตราการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างรีเจี้ยน ดังนั้น หากมีการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอินสแตนซ์สองรายการนี้ ระบบจะคิดค่าใช้จ่ายที่การถ่ายโอนข้อมูลออกระหว่างรีเจี้ยนสำหรับอินสแตนซ์แรก และคิดค่าใช้จ่ายที่การถ่ายโอนข้อมูลเข้าระหว่างรีเจี้ยนสำหรับอินสแตนซ์ที่สอง

ถาม: ใบเรียกเก็บค่าบริการรายเดือนของฉันจะแสดงการใช้งานต่อวินาทีเทียบกับต่อชั่วโมงอย่างไร

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีการประมวลผลค่าใช้จ่าย EC2 ในใบเรียกเก็บค่าใช้จ่ายรายเดือนของคุณเป็นวินาที แต่เพื่อความสอดคล้องกัน ใบเรียกเก็บค่าบริการ EC2 รายเดือนจะแสดงการใช้งานสะสมสำหรับอินสแตนซ์แต่ละรายการที่เรียกใช้ในเดือนดังกล่าวเป็นหน่วยชั่วโมงโดยใช้จุดทศนิยม ตัวอย่างเช่น อินสแตนซ์ที่มีการเรียกใช้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที และ 4 วินาที จะแสดงเป็น 1.1677 อ่านบล็อกนี้สำหรับตัวอย่างของรายงานการเรียกเก็บเงินโดยละเอียด

ถาม: ราคาของคุณรวมภาษีหรือไม่

ราคาของเราไม่รวมภาษีและอากรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึง VAT และภาษีการขายที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น สำหรับลูกค้าที่มีที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงินประเทศในญี่ปุ่น การใช้บริการของ AWS จะต้องเสียภาษีการบริโภคของประเทศญี่ปุ่น เรียนรู้เพิ่มเติม

ค่าธรรมเนียมการถ่ายโอนข้อมูลเมื่อย้ายข้อมูลทั้งหมดออกจาก AWS

ถาม: ฉันจะเสียค่าใช้จ่ายในการถ่ายโอนข้อมูลไปยังอินเทอร์เน็ตเมื่อฉันย้ายข้อมูลออกจาก AWS หรือไม่

AWS เสนอให้ลูกค้าที่มีสิทธิ์ถ่ายโอนข้อมูลไปยังอินเทอร์เน็ตได้ฟรีเมื่อพวกเขาย้ายข้อมูลทั้งหมดออกจาก AWS ตามขั้นตอนด้านล่าง

ถาม: ฉันต้องการย้ายข้อมูลของฉันออกจาก AWS ฉันจะขอการถ่ายโอนข้อมูลไปยังอินเทอร์เน็ตฟรีได้อย่างไร

ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

1) หากคุณมีทีมบัญชี AWS โดยเฉพาะ โปรดติดต่อทีมก่อนและแจ้งให้พวกเขาทราบถึงแผนของคุณ ในบางกรณี หากคุณมีข้อผูกพันที่เจรจาต่อรองกับ AWS คุณจะต้องหารือเกี่ยวกับตัวเลือกของคุณกับทีมบัญชี AWS ของคุณ

2) ตรวจสอบเกณฑ์และกระบวนการที่อธิบายไว้ในหน้านี้

3) ติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้า AWS และระบุว่าคำขอของคุณคือ “การถ่ายโอนข้อมูลเพื่อย้ายออกจาก AWS ฟรี” ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า AWS จะขอให้คุณให้ข้อมูล เพื่อให้พวกเขาสามารถตรวจสอบแผนการย้ายของคุณ ประเมินว่าคุณมีคุณสมบัติสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลฟรีหรือไม่ และคำนวณจำนวนเครดิตที่เหมาะสม

4) หากฝ่ายสนับสนุนลูกค้า AWS อนุมัติการย้ายของคุณ คุณจะได้รับเครดิตชั่วคราวสำหรับค่าใช้จ่ายในการถ่ายโอนข้อมูลตามปริมาณข้อมูลทั้งหมดที่คุณเก็บไว้ในบริการของ AWS ในขณะที่คำนวณโดย AWS ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า AWS จะแจ้งให้คุณทราบหากคุณได้รับการอนุมัติ และคุณจะมีเวลา 60 วันในการย้ายจาก AWS ให้เสร็จสมบูรณ์ เครดิตนี้จะใช้สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลเท่านั้น และจะไม่นำไปใช้กับการใช้บริการอื่น ๆ หลังจากที่คุณย้ายออกจากบริการ AWS คุณต้องลบข้อมูลและเวิร์กโหลดที่เหลือทั้งหมดออกจากบัญชี AWS ของคุณภายใน 60 วัน หรือคุณสามารถปิดบัญชี AWS ของคุณได้

การถ่ายโอนข้อมูลฟรีสำหรับผู้ให้บริการด้านไอทีที่เคลื่อนย้ายยังอยู่ภายใต้เกณฑ์ต่อไปนี้

ก) ต้องเป็นลูกค้าที่มีบัญชี AWS ที่ใช้งานอยู่ในสถานะที่ดีเท่านั้น จึงมีสิทธิ์ในการถ่ายโอนข้อมูลฟรี

ข) หากคุณมีข้อมูลที่เก็บไว้ในบัญชี AWS น้อยกว่า 100 GB คุณสามารถย้ายข้อมูลนี้ออกจาก AWS ได้ฟรีภายใต้ Free Tier รายเดือน 100 GB ของ AWS ที่มีอยู่เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลออก ลูกค้าที่มีข้อมูลที่เก็บไว้ในบัญชี AWS น้อยกว่า 100 GB ไม่มีสิทธิ์ได้รับเครดิตเพิ่ม

ค) AWS จะให้การถ่ายโอนข้อมูลไปยังอินเทอร์เน็ตฟรีเมื่อคุณย้ายข้อมูลทั้งหมดออกจาก AWS หากคุณต้องการย้ายการใช้งานทั้งหมดของบริการเดียวเท่านั้น แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง โปรดติดต่อ AWS Customer Support

ง) หากแผนของคุณเปลี่ยนแปลง หรือคุณไม่สามารถย้ายออกจาก AWS ได้ภายใน 60 วัน คุณต้องแจ้ง AWS Customer Support

จ) ไม่รวมค่าบริการมาตรฐานสำหรับการใช้บริการ AWS มีเพียงค่าธรรมเนียมการถ่ายโอนข้อมูลในการรองรับการย้ายจาก AWS เท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับเครดิต อย่างไรก็ตาม การถ่ายโอนข้อมูลจากบริการถ่ายโอนข้อมูลเฉพาะเช่น Amazon CloudFront, AWS Direct Connect, AWS Snow Family และ AWS Global Accelerator จะไม่รวมอยู่ด้วย

ฉ) AWS อาจตรวจสอบการใช้งานบริการของคุณเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ หากเราพิจารณาว่าคุณใช้การถ่ายโอนข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากการย้ายจาก AWS เราอาจเรียกเก็บเงินจากคุณสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลที่ได้รับการเครดิต

ช) AWS อาจทำการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนข้อมูลไปยังอินเทอร์เน็ตฟรีได้ตลอดเวลา

ถาม: เหตุใดฉันจึงต้องขออนุมัติจาก AWS ล่วงหน้า สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลไปยังอินเทอร์เน็ตฟรี ก่อนที่จะย้ายข้อมูลของฉันออกจาก AWS

ลูกค้า AWS ทำการถ่ายโอนข้อมูลหลายร้อยล้านครั้งในแต่ละวัน และโดยทั่วไปเราไม่ทราบสาเหตุของการถ่ายโอนข้อมูลใด ๆ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าอาจถ่ายโอนข้อมูลไปยังผู้ใช้ปลายทางของแอปพลิเคชันของตน ไปยังผู้เข้าชมเว็บไซต์ของตน หรือไปยังระบบคลาวด์หรือสภาพแวดล้อมในองค์กรเพื่อการสำรองข้อมูล ดังนั้นวิธีเดียวที่เราทราบว่าการถ่ายโอนข้อมูลของคุณคือการรองรับการย้ายข้อมูลของคุณจาก AWS คือการที่คุณแจ้งให้เราทราบล่วงหน้า

Convertible Reserved Instance

Convertible RI คืออะไร

Convertible RI เป็นอินสแตนซ์แบบเหมาจ่ายประเภทหนึ่งที่มีแอตทริบิวต์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในระหว่างระยะสัญญา

ถาม: เมื่อใดที่ฉันควรเลือกซื้อ Convertible RI แทน Standard RI

Convertible RI มีประโยชน์สำหรับลูกค้าที่สามารถยืนยันว่าจะใช้อินสแตนซ์ EC2 เป็นระยะเวลา 3 ปีได้โดยจะได้รับส่วนลดจำนวนมากในการใช้ EC2 เป็นการตอบแทน ผู้ที่ไม่มั่นใจเกี่ยวกับความต้องการใช้อินสแตนซ์ในอนาคต หรือผู้ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงราคา

ถาม: Convertible RI มีตัวเลือกในเรื่องระยะเวลาสัญญาเท่าใดบ้าง

คุณสามารถซื้อ Convertible RI ในระยะสัญญา 1 ปีหรือ 3 ปีเช่นเดียวกับ Standard RI

ถาม: ฉันสามารถแลกเปลี่ยน Convertible RI เพื่อให้ได้ประโยชน์จาก Convertible RI ที่เหมาะกับอินสแตนซ์ประเภทต่างๆ ระบบปฏิบัติการ การเช่า หรือตัวเลือกในการชำระเงินได้ใช่หรือไม่

ใช่ คุณสามารถเลือกประเภทอินสแตนซ์ ระบบปฏิบัติการ การเช่า หรือตัวเลือกในการชำระเงินใหม่ได้เมื่อคุณแลกเปลี่ยน Convertible RI นอกจากนั้น คุณยังมีความยืดหยุ่นในการแลกเปลี่ยนส่วนใดส่วนหนึ่งของ Convertible RI หรือรวมมูลค่าของ Convertible RI หลายรายการเข้าด้วยกันในการแลกเปลี่ยนหนึ่งครั้งได้อีกด้วย

ถาม: ฉันจะสามารถโอน Convertible หรือ Standard RI จาก Region หนึ่งไปยังอีก Region หนึ่งได้หรือไม่

ไม่ได้ RI จะผูกกับ Region เดียวโดยเฉพาะเจาะจงเท่านั้น ซึ่งกำหนดไว้ตามระยะเวลาในเงื่อนไขของสัญญา

ถาม: ฉันจะเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่า Convertible RI ได้อย่างไร

คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่า Convertible RI ได้โดยใช้ EC2 Management Console หรือ GetReservedInstancesExchangeQuote API นอกจากนั้น คุณยังมีความยืดหยุ่นในการแลกเปลี่ยนส่วนใดส่วนหนึ่งของ Convertible RI หรือรวมมูลค่าของ Convertible RI หลายรายการเข้าด้วยกันในการแลกเปลี่ยนหนึ่งครั้งได้อีกด้วย คลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยน Convertible RI

ถาม: ฉันต้องเสียค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยน Convertible RI หรือไม่

ไม่ คุณไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ในการแลกเปลี่ยน RI แต่คุณอาจต้องชำระค่าบริการที่ใช้ตามจริงซึ่งเป็นส่วนต่างราคาระหว่าง Convertible RI ที่คุณมีกับ Convertible RI ที่คุณต้องการตามความเป็นจริงเพียงครั้งเดียว

ถาม: การแลกเปลี่ยน Convertible RI มีวิธีการอย่างไร

เมื่อคุณแลกเปลี่ยน Convertible RI หนึ่งไปเป็นอีก Convertible RI หนึ่ง EC2 จะตรวจสอบว่ามูลค่ารวมของ Convertible RI จะยังคงเท่าเดิมในระหว่างการแปลง ดังนั้น หากคุณกำลังแปลง RI ที่มีมูลค่ารวม 1,000 USD ไปเป็น RI อื่น คุณจะได้รับ Convertible RI ในปริมาณที่มีมูลค่าเทียบเท่าหรือสูงกว่า 1,000 USD แต่คุณไม่สามารถแปลง Convertible RI ไปเป็น Convertible RI ที่มีมูลค่ารวมน้อยกว่าได้

ถาม: คุณจะกำหนดมูลค่ารวมได้หรือไม่

มูลค่ารวมคือยอดรวมของการชำระเงินทั้งหมดตามคาดการณ์ที่คุณต้องชำระตลอดระยะสัญญาของ RI

ถาม: ช่วยอธิบายวิธีการคำนวณค่าใช้จ่ายตามจริงในการแปลงระหว่าง Convertible RI ที่ชำระล่วงหน้าเต็มจำนวน 2 รายการได้ไหม

ได้เลย สมมติว่าคุณซื้อ Convertible RI ที่ชำระล่วงหน้าเต็มจำนวนมูลค่า 1,000 USD และหลังจากผ่านระยะสัญญาไปครึ่งทาง คุณตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแอตทริบิวต์ของ RI เนื่องจากคุณได้ผ่านระยะสัญญาของ RI ไปครึ่งทางแล้ว คุณจึงมีมูลค่า RI คงเหลือ 500 USD ตามอัตราส่วน Convertible RI ที่ชำระล่วงหน้าเต็มจำนวนที่คุณต้องการจะแปลงไปใช้ในวันนี้จะมีราคาที่ต้องชำระล่วงหน้า 1,200 USD เนื่องจากว่า Convertible RI เดิมของคุณมีระยะสัญญาเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว ดังนั้น Convertible RI ใหม่ที่คุณต้องการจึงมีมูลค่าเหลือ 600 USD ค่าเรียกเก็บตามจริงที่คุณต้องชำระจะเท่ากับส่วนต่างของมูลค่าที่ต้องชำระล่วงหน้าระหว่าง Convertible RI เดิมกับของใหม่ที่ต้องการ หรือเท่ากับ 100 USD (600 USD – 500 USD)

ถาม: คุณช่วยอธิบายเกี่ยวกับการแปลงระหว่าง Convertible RI ที่ไม่ต้องชำระล่วงหน้าได้หรือไม่

การแปลงระหว่าง Convertible RI ที่ไม่ต้องชำระล่วงหน้าจะแตกต่างจากการแปลงระหว่าง Convertible RI ที่ต้องชำระล่วงหน้า เนื่องจากว่าเป็นการแปลงระหว่าง RI ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้า จึงไม่มีค่าเรียกเก็บตามจริง แต่จำนวนที่คุณจ่ายเป็นรายชั่วโมงก่อนการแลกเปลี่ยนจะต้องสูงกว่าหรือเท่ากับจำนวนที่คุณจ่ายเป็นรายชั่วโมงโดยรวมหลังจากแลกเปลี่ยน

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณซื้อ Convertible RI ที่ไม่ต้องชำระล่วงหน้าจำนวนหนึ่ง (A) ในอัตราราคา 0.10 USD/ชั่วโมง แล้วตัดสินใจเปลี่ยน Convertible RI A ไปเป็น RI อื่น (B) ซึ่งมีราคา 0.06 USD/ชั่วโมง เมื่อแปลง คุณจะได้รับ RI B 2 รายการ เนื่องจากจำนวนที่คุณจ่ายเป็นรายชั่วโมงต้องสูงกว่าหรือเท่ากับจำนวนที่คุณจ่ายอยู่เป็นรายชั่วโมงสำหรับ A

ถาม: ฉันจะสามารถปรับแต่งจำนวนอินสแตนซ์ที่ฉันได้รับซึ่งเป็นผลมาจากการแลกเปลี่ยน Convertible RI ได้หรือไม่

ไม่ได้ EC2 จะใช้มูลค่าของ Convertible RI ที่คุณกำลังแลกเปลี่ยนอยู่ในการคำนวณจำนวน Convertible RI ขั้นต่ำที่คุณจะได้รับ พร้อมทั้งเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับ Convertible RI ในมูลค่าที่เท่าเดิมหรือสูงขึ้นจากการแลกเปลี่ยนดังกล่าว

ถาม: การเปลี่ยน Convertible RI มีขีดจำกัดหรือไม่

ไม่มี การเปลี่ยน Convertible RI ไม่มีขีดจำกัด

ถาม: ฉันมีอิสระที่จะเลือกประเภทของอินสแตนซ์ในขณะที่เปลี่ยน Convertible RI หรือไม่

ไม่ได้ คุณจะเปลี่ยนเป็น Convertible RI ได้เฉพาะประเภทที่ AWS ให้บริการในขณะนั้นเท่านั้น

ถาม: ฉันจะอัปเกรดตัวเลือกในการชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับ Convertible RI ของฉันได้ใช่หรือไม่

ใช่ คุณสามารถอัปเกรดตัวเลือกในการชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับ RI ของคุณเองได้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเปลี่ยนจาก RI ที่ไม่ต้องชำระล่วงหน้าไปเป็น RI ที่ต้องชำระล่วงหน้าเต็มจำนวนหรือบางส่วนได้เพื่อประโยชน์ในด้านราคา คุณไม่สามารถเปลี่ยนตัวเลือกในการชำระเงินจากชำระล่วงหน้าเต็มจำนวนไปเป็นไม่ต้องชำระล่วงหน้าได้ และไม่สามารถเปลี่ยนจากที่ต้องชำระล่วงหน้าบางส่วนไปเป็นไม่ต้องชำระล่วงหน้าได้

ถาม: ในกรณีที่ Convertible RI มีราคาลดลง ฉันจะได้สิทธิประโยชน์จากราคาที่ลดลงนั้นใช่หรือไม่

ใช่ คุณสามารถแลกเปลี่ยน RI เพื่อรับประโยชน์จากราคาที่ลดลงได้ ตัวอย่างเช่น หากราคา Convertible RI ใหม่ลดลง 10% คุณจะสามารถเปลี่ยน Convertible RI เพื่อรับประโยชน์จากราคาที่ลดลง 10% นั้นได้

กลุ่มอินสแตนซ์ EC2

ถาม: Amazon EC2 Fleet คืออะไร

ด้วยการเรียก API ครั้งเดียว กลุ่มอินสแตนซ์ EC2 ให้คุณจัดเตรียมความสามารถประมวลผลผ่านประเภทอินสแตนซ์ที่แตกต่างกัน Availability Zone และผ่านโมเดลการซื้ออินสแตนซ์แบบตามต้องการ Reserved Instance (RI) และ Spot Instance เพื่อช่วยปรับขนาด ประสิทธิภาพการทำงานและต้นทุนให้เหมาะสม

ถาม: ถ้าฉันใช้กลุ่ม Spot Instance ของ Amazon EC2 อยู่ในขณะนี้ ควรย้ายไปยังกลุ่มอินสแตนซ์ Amazon EC2 Fleet หรือไม่

ถ้าคุณกำลังใช้ประโยชน์จากกลุ่ม Spot Instance ของ Amazon EC2 ที่มีกลุ่ม Spot Instance คุณสามารถใช้ต่อไปได้ Spot Fleet และ EC2 Fleet มีฟังก์ชันการทำงานเหมือนกัน ไม่มีความจำเป็นต้องย้าย

ถาม: ฉันสามารถใช้ส่วนลด Reserved Instance (RI) กับ Amazon EC2 Fleet ได้หรือไม่

ใช่ เช่นเดียวกับ EC2 API อื่นๆ หรือบริการอื่นๆ ของ AWS ที่เรียกใช้งาน EC2 Instance หาก On-Demand Instance ที่เรียกใช้งานโดย EC2 Fleet ตรงกันกับ RI ที่มีอยู่แล้ว อินสแตนซ์ดังกล่าวจะได้รับส่วนลด RI ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นเจ้าของ Regional RI สำหรับอินสแตนซ์ M4 และคุณได้ระบุเฉพาะอินสแตนซ์ M4 ในกลุ่มอินสแตนซ์ EC2 ของคุณ ส่วนลด RI จะใช้กับการใช้งาน M4 นี้โดยอัตโนมัติ

ถาม: Amazon EC2 Fleet จะใช้ระบบสำรองเพื่อกู้คืนข้อมูลไปเป็นแบบตามต้องการหรือไม่ถ้าความสามารถของ EC2 Spot ยังไม่เต็มที่

ไม่กลุ่มอินสแตนซ์ EC2 จะพยายามให้เป็นไปตามความสามารถของ Spot ที่คุณต้องการต่อไปตามจำนวน Spot instance ที่คุณขอในข้อกำหนดเฉพาะเรียกใช้งาน Fleet

ถาม: การกำหนดราคาสำหรับ Amazon EC2 Fleet คืออะไร

กลุ่มอินสแตนซ์ EC2 ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยคุณจ่ายเฉพาะทรัพยากรพื้นฐานที่ EC2 Fleet เรียกใช้งานเท่านั้น

ถาม: อยากให้ช่วยยกตัวอย่างในโลกความเป็นจริงว่าฉันสามารถใช้ Amazon EC2 Fleet ได้อย่างไร

มีวิธีใช้ประโยชน์จาก Amazon EC2 Fleet ได้หลายวิธี เช่น ในเวิร์กโหลด Big Data แอปพลิเคชันที่อยู่ในคอนเทนเนอร์ เวิร์กโหลดการประมวลผลแบบกริด ฯลฯ ในตัวอย่างของเวิร์กโหลดลำดับพันธุกรรมนี้ คุณสามารถเรียกใช้งานกริดของ Worker Node ได้ด้วยการเรียก API ครั้งเดียว: เลือกอินสแตนซ์ที่คุณชอบ กำหนดค่าน้ำหนักสำหรับอินสแตนซ์เหล่านี้ ระบุความสามารถเป้าหมายสำหรับ On-Demand Instance และ Spot Instance และสร้างกลุ่มอินสแตนซ์ภายในไม่กี่วินาทีเพื่อย่อยข้อมูลทางพันธุกรรมอย่างรวดเร็ว

ถาม: ฉันจะจัดสรรทรัพยากร Amazon EC2 Fleet ได้อย่างไร

ตามค่าเริ่มต้นกลุ่มอินสแตนซ์ EC2 จะเรียกใช้ตัวเลือกแบบตามต้องการซึ่งมีราคาถูกที่สุด สำหรับ Spot Instance นั้น EC2 Fleet จะมีกลยุทธ์ในการจัดสรรทรัพยากรสามแบบ ได้แก่ ปรับความสามารถให้เหมาะสม ราคาถูกที่สุด และมีความหลากหลาย กลยุทธ์การจัดสรรแบบปรับความสามารถให้เหมาะสมจะพยายามจัดหา Spot Instance จากกลุ่ม Spot Instance ที่มีอยู่มากที่สุดโดยการวิเคราะห์ตัววัดความสามารถ โดยกลยุทธ์นี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับปริมาณงานที่มีค่าใช้จ่ายการขัดจังหวะที่สูงขึ้น เช่น Big Data และการวิเคราะห์ การแสดงผลภาพและสื่อ, Machine Learning, และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง

กลยุทธ์ราคาถูกที่สุดจะช่วยให้คุณสามารถจัดเตรียมอินสแตนซ์ Spot ในกลุ่มอินสแตนซ์ที่มีราคาต่อหน่วยความสามารถถูกที่สุด ณ เวลาที่ขอ กลยุทธ์ความหลากหลายจะช่วยให้คุณจัดเตรียม Spot Instance ในกลุ่ม Spot หลายกลุ่มและสามารถรักษาความสามารถเป้าหมายของกลุ่มอินสแตนซ์ของคุณเพื่อเพิ่มแอปพลิเคชันได้

ถาม: ฉันจะสามารถส่งคำขอกลุ่ม Amazon EC2 Fleet ในหลากหลายภูมิภาคได้หรือไม่

ไม่ได้ เราไม่รองรับการขอกลุ่มอินสแตนซ์ EC2 ในหลากหลายภูมิภาค

ถาม: ฉันจะสามารถแท็กคำขอกลุ่ม Amazon EC2 Fleet ได้หรือไม่

ใช่ คุณสามารถแท็กคำขอกลุ่มอินสแตนซ์ Amazon EC2 เพื่อสร้างการจัดกลุ่มแท็กที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเพื่อจัดระบบทรัพยากรตามมิติทางเทคนิค ธุรกิจ และความปลอดภัย

ถาม: ฉันสามารถแก้ไขกลุ่ม Amazon EC2 Fleet ได้หรือไม่

ใช่ คุณสามารถแก้ไขความสามารถเป้าหมายรวมของกลุ่มอินสแตนซ์ EC2 ได้เมื่ออยู่ในโหมดรักษา คุณอาจต้องยกเลิกคำขอและส่งคำขอใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวแปรในการกำหนดค่าคำขออื่นๆ

ถาม: ฉันจะสามารถระบุ AMI ที่แตกต่างกันสำหรับอินสแตนซ์แต่ละประเภทที่ต้องการใช้งานได้หรือไม่

ใช่ เพียงแค่ระบุ AMI ที่ต้องการใช้ในข้อกำหนดการเปิดใช้ที่กำหนดไว้ในกลุ่มอินสแตนซ์ EC2

Amazon EC2 Capacity Blocks สำหรับ ML

ถาม: Amazon EC2 Capacity Blocks สำหรับ ML คืออะไร

Amazon EC2 Capacity Blocks สำหรับ ML ช่วยให้คุณสามารถสำรองอินสแตนซ์ GPU ใน Amazon EC2 UltraClusters เพื่อเรียกใช้เวิร์กโหลดของแมชชีนเลิร์นนิง (ML) เพียงใช้ Amazon EC2 Capacity Blocks คุณก็สามารถสำรองความจุ GPU จากวันที่กำหนดในอนาคตได้นานถึง 14 วันด้วยขนาดคลัสเตอร์ตั้งแต่ 1 ถึง 64 อินสแตนซ์ เมื่อถึงวันที่และเวลาการจอง EC2 Capacity Block คุณจะสามารถเปิดใช้อินสแตนซ์ของคุณและใช้งานได้จนกว่าเวลาการจองของคุณจะสิ้นสุดลง

ถาม: เหตุใดฉันจึงควรใช้ EC2 Capacity Blocks

EC2 Capacity Blocks ช่วยให้เข้าถึงอินสแตนซ์ GPU ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดใน Amazon EC2 สำหรับ ML ได้ง่ายแม้จะเผชิญกับการขาดแคลน GPU ทั่วทั้งอุตสาหกรรม ใช้ EC2 Capacity Blocks เพื่อให้แน่ใจถึงความจุที่พร้อมใช้งานสำหรับอินสแตนซ์ GPU เพื่อวางแผนการพัฒนา ML ของคุณอย่างมั่นใจ EC2 Capacity Blocks ได้รับการจัดส่งใน EC2 UltraClusters เพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากเวลาแฝงของเครือข่าย และประสิทธิภาพของอัตราการโอนถ่ายข้อมูลที่ดีที่สุดที่มีอยู่ใน EC2

ถาม: ฉันควรใช้ Amazon EC2 Capacity Blocks แทนการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการเมื่อใด

คุณควรใช้ EC2 Capacity Blocks เมื่อคุณต้องการการประกันความจุระยะสั้นเพื่อฝึกหรือปรับแต่งโมเดล ML เพื่อทำงานการทดลอง การสร้างต้นแบบ หรือเพื่อจัดการกับความต้องการแอปพลิเคชัน ML ที่เพิ่มขึ้น ด้วย EC2 Capacity Blocks คุณจะสบายใจได้เมื่อรู้ว่าจะสามารถเข้าถึงทรัพยากร GPU เพื่อเรียกใช้เวิร์กโหลด ML ของคุณได้ในวันที่กำหนด คุณควรใช้การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการสำหรับประเภทเวิร์กโหลดอื่น ๆ ทั้งหมดที่ต้องการการรับประกัน เช่น แอปพลิเคชันที่สำคัญสำหรับธุรกิจ ข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ หรือกระบวนการกู้คืนจากความเสียหาย

ถาม: ฉันจะเริ่มต้นใช้งาน EC2 Capacity Blocks ได้อย่างไร

คุณสามารถค้นหา EC2 Capacity Blocks ที่มีอยู่ตามความต้องการด้านความจุในคอนโซลการจัดการของ AWS, AWS Command Line Interface (AWS CLI) และ AWS SDK เมื่อคุณซื้อ EC2 Capacity Block แล้ว การจองจะถูกสร้างขึ้นในบัญชีของคุณ เมื่อถึงเวลาเริ่ม EC2 Capacity Block แล้ว EC2 จะส่งเหตุการณ์ผ่าน Amazon EventBridge เพื่อระบุว่าการจองนั้นใช้งานอยู่และพร้อมใช้งานแล้ว หากต้องการใช้ EC2 Capacity Block ที่ใช้งานอยู่ ให้เลือกตัวเลือกการซื้อ “Capacity Block” และกำหนด ID การสำรองปริมาณการประมวลผลให้กับ EC2 Capacity Block ของคุณในขณะที่เปิดอินสแตนซ์ EC2 เมื่อใกล้สิ้นสุดเวลาการ EC2 Capacity Block แล้ว EC2 จะส่งเหตุการณ์ผ่าน EventBridge แจ้งให้คุณทราบว่าการจองของคุณใกล้จะสิ้นสุดแล้ว เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบเวิร์กโหลดของคุณได้ AWS จะเริ่มยุติอินสแตนซ์ที่กำลังทำงานอยู่ ประมาณ 30 นาทีก่อนที่ EC2 Capacity Block ของคุณจะสิ้นสุด จำนวนเงินที่คุณถูกเรียกเก็บสำหรับ EC2 Capacity Block ของคุณไม่รวมระยะเวลา 30 นาทีสุดท้ายของการจอง

ถาม: EC2 Capacity Block รองรับอินสแตนซ์ประเภทใดและสามารถใช้ได้ใน AWS Region ใดบ้าง

EC2 Capacity Blocks รองรับอินสแตนซ์ EC2 p5.48xlarge ในภูมิภาค AWS สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออก (เวอร์จิเนียฝั่งเหนือ) และสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออก (โอไฮโอ) และรองรับอินสแตนซ์ EC2 p4d.24xlarge ในภูมิภาคสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออก (โอไฮโอ) และสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก (ออริกอน)

ถาม: มีตัวเลือก EC2 Capacity Block ขนาดใดบ้าง

EC2 Capacity Block มีให้เลือกในคลัสเตอร์ขนาด 1, 2, 4, 8, 16, 32 และ 64 อินสแตนซ์ และสามารถจองได้สูงสุด 14 วันเป็นทวีคูณของวัน

ถาม: ฉันสามารถจองบล็อกความจุ EC2 ล่วงหน้าได้นานเท่าใด

คุณสามารถซื้อ EC2 Capacity Block ได้ก่อนถึงแปดสัปดาห์ล่วงหน้า การจอง EC2 Capacity Block ทั้งหมดจะเริ่มที่เวลา 11:30 น. ตามเวลามาตรฐานสากล (UTC)

ถาม: จะเกิดอะไรขึ้นหากไม่มี EC2 Capacity Blocks ที่ตรงตามข้อกำหนดของฉัน

หากไม่มี EC2 Capacity Blocks ที่ตรงกับความต้องการของคุณ คุณสามารถลองขออีกครั้งด้วยพารามิเตอร์อินพุตที่แตกต่างกัน เราขอแนะนำให้คุณใช้ช่วงวันที่ที่กว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในคำขอการค้นหาของคุณเพื่อโอกาสที่ดีที่สุดในการค้นพบ EC2 Capacity Block

ถาม: ฉันสามารถแก้ไขหรือยกเลิก EC2 Capacity Block ของฉันได้หรือไม่

ไม่ได้ ไม่สามารถแก้ไขหรือยกเลิก EC2 Capacity Block ได้เมื่อจองแล้ว

ถาม: EC2 Capacity Blocks ราคาเท่าไหร่

เมื่อคุณค้นหา EC2 Capacity Block ในช่วงวันที่กำหนด AWS จะมอบข้อเสนอราคาต่ำสุดที่มีอยู่ซึ่งตรงตามข้อกำหนดของคุณในช่วงวันที่ที่คุณให้ไว้ ราคาสำหรับ EC2 Capacity Block ขึ้นอยู่กับอุปทานและอุปสงค์ทั้งหมดที่มีอยู่ในเวลาที่คุณชำระเงินเพื่อจอง คุณสามารถดูราคาของข้อเสนอ EC2 Capacity Block ก่อนที่คุณจะจองได้ และค่า EC2 Capacity Block จะถูกเรียกเก็บล่วงหน้าในเวลาที่ทำการจอง ราคาของ EC2 Capacity Block จะไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากที่จองแล้ว เมื่อคุณเปิดใช้อินสแตนซ์ใน EC2 Capacity Block ที่ใช้งานอยู่ คุณจะถูกเรียกเก็บเงินสำหรับการใช้งานระบบปฏิบัติการระดับพรีเมียมใดก็ตามแบบชำระเงินตามที่ใช้จริง

ถาม: ใช้ส่วนลด Savings Plans และ Reserved Instance (RI) กับ EC2 Capacity Blocks ได้หรือไม่

ไม่ได้ EC2 Capacity Blocks ไม่ครอบคลุมโดย Savings Plans หรือส่วนลด RI

ถาม: ฉันสามารถใช้ EC2 Capacity Blocks กับ Amazon SageMaker ได้หรือไม่

ในขณะนี้ EC2 Capacity Block รองรับเฉพาะอินสแตนซ์ EC2 เท่านั้น

การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ

การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการคือข้อเสนอของ EC2 ที่ให้คุณสร้างและจัดการความสามารถในการรองรับเวิร์กโหลดที่สำรองไว้บน EC2 คุณสามารถสร้างการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการด้วยการเลือก Availability Zone (AZ) และปริมาณ (จำนวนอินสแตนซ์) รวมถึงข้อมูลเฉพาะอื่น ๆ ของอินสแตนซ์ เช่น ประเภทอินสแตนซ์และสิทธิ์การใช้งาน เมื่อสร้างขึ้นมาแล้ว ระบบจะเก็บความจุ EC2 ไว้ให้คุณ ไม่ว่าคุณจะเรียกใช้อินสแตนซ์หรือไม่ก็ตาม

ถาม: การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

เมื่อใช้งานการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ คุณจะจ่ายค่าบริการอินสแตนซ์ที่เทียบเท่ากันไม่ว่าคุณจะเรียกใช้อินสแตนซ์หรือไม่ หากคุณไม่ใช้การเหมาจ่ายดังกล่าว ค่าใช้จ่ายนี้จะแสดงเป็นการเหมาจ่ายที่ไม่ได้ใช้ในใบเรียกเก็บค่าบริการ EC2 ของคุณ เมื่อเรียกใช้อินสแตนซ์ที่ตรงกับคุณลักษณะของการเหมาจ่าย คุณจะชำระเพียงแค่อินสแตนซ์ดังกล่าวและไม่ต้องชำระค่าบริการใด ๆ สำหรับการเหมาจ่าย ไม่มีค่าบริการล่วงหน้าหรือค่าบริการเพิ่มเติม

ตัวอย่างเช่น หากคุณสร้างการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการสำหรับอินสแตนซ์ c5.2xlarge 20 รายการ และเรียกใช้อินสแตนซ์ c5.2xlarge 15 รายการ จะมีการเรียกเก็บค่าบริการอินสแตนซ์ 15 รายการที่เรียกใช้ และอินสแตนซ์ที่ไม่ได้ใช้ 5 รายการในการเหมาจ่ายดังกล่าว (การเรียกเก็บเงินมีผลใช้กับอินสแตนซ์ 20 รายการ)

ถาม: ฉันจะได้รับส่วนลดจากการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการหรือไม่

ได้ Savings Plans หรือส่วนลด Regional RI (RI ที่กำหนดขอบเขตกับรีเจี้ยน) ใช้ได้กับการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ หากคุณเรียกใช้อินสแตนซ์ที่สำรองไว้ คุณจะไม่ถูกเรียกเก็บเงินสำหรับส่วนที่สำรองไว้ดังกล่าว Savings Plans หรือ Regional RI จะมีผลใช้กับการใช้งานนี้ ราวกับว่าเป็นการใช้งานแบบตามความต้องการ หากไม่ได้ใช้ส่วนที่เหมาจ่าย การเรียกเก็บเงินของ AWS จะใช้ส่วนลดของคุณโดยอัตโนมัติเมื่อคุณลักษณะของการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการที่ไม่ได้ใช้ตรงกับคุณลักษณะของ Savings Plans หรือ Regional RI ที่ใช้งาน

ตัวอย่างเช่น หากคุณมี Regional RI สำหรับอินสแตนซ์ c5.2xlarge 10 รายการและการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการที่ไม่ได้ใช้สำหรับอินสแตนซ์ c5.2xlarge 10 รายการในรีเจี้ยนเดียวกัน จะมีการใช้ส่วนลด RI กับอินสแตนซ์ทั้ง 10 รายการในส่วนที่เหมาจ่ายดังกล่าว โปรดทราบว่าเราใช้ส่วนลด Regional RI เฉพาะกับการใช้งานอินสแตนซ์ที่ใช้งานอยู่ ก่อนจะพิจารณาการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการที่ไม่ได้ใช้ หมายความว่า หากคุณมีอินสแตนซ์ C5 ใดก็ตามที่ทำงานอยู่ใน Region หนึ่ง เราจะใช้ Regional RI กับอินสแตนซ์เหล่านั้นก่อน และจะนำส่วนลดที่เหลือไปใช้กับการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการที่ไม่ได้ใช้

หมายเหตุ: Regional RI คือ EC2 RI ที่กำหนดขอบเขตไปยัง AWS Region Zonal RI (RI ที่กำหนดขอบเขตไปยัง AZ ภายในรีเจี้ยน) จะไม่สามารถใช้กับการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการได้ เนื่องจาก Zonal RI มาพร้อมการสำรองปริมาณการประมวลผล

ถาม: เมื่อใดที่ฉันควรใช้ Savings Plans, EC2 RI และการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ

ใช้ Savings Plans หรือ Regional RI เพื่อลดค่าใช้จ่ายขณะที่ผูกมัดสัญญานาน 1 หรือ 3 ปี Savings Plans มอบการประหยัดมากกว่าแบบตามต้องการ เช่นกันกับ EC2 RI แต่ลดค่าใช้จ่ายโดยอัตโนมัติจากการใช้การประมวลผลจากทุก AWS Region ของลูกค้าแม้จะเปลี่ยนการใช้งาน ใช้การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการเมื่อคุณต้องการความมั่นใจที่มากยิ่งขึ้นเพื่อเรียกใช้อินสแตนซ์ คุณสามารถสร้างการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการในระยะเวลาเท่าใดก็ได้และสามารถจัดการแบบแยกต่างหากสำหรับแต่ละ Savings Plans หรือ RI ได้ หากคุณได้รับส่วนลดจาก Savings Plans หรือ Regional RI ส่วนลดดังกล่าวจะนำมาใช้กับการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการที่ตรงกันโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะมอบความยืดหยุ่นในการเลือกเพิ่มการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการไปยังสัดส่วนอินสแตนซ์และยังได้รับส่วนลดสำหรับการใช้งานดังกล่าว

ถาม: ฉันมี Zonal RI (RI ที่กำหนดขอบเขตไปยัง AZ) ที่มีการสำรองปริมาณการประมวลผลด้วย ตัวเลือกนี้เหมือนหรือแตกต่างจากการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการอย่างไร

Zonal RI ให้ทั้งส่วนลดและการสำรองปริมาณการประมวลผลใน AZ ที่เฉพาะเจาะจงโดยมีค่าบริการล่วงหน้าเป็นระยะเวลาหนึ่งถึงสามปี การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการช่วยให้คุณสามารถสร้างและจัดการความสามารถในการรองรับเวิร์กโหลดที่สำรองไว้โดยไม่เกี่ยวข้องกับภาระผูกพันล่วงหน้าและระยะเวลาของ RI

คุณสามารถใช้การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการในการรองรับเวิร์กโหลดตามความต้องการกับ Savings Plans หรือ Regional RI เพื่อรับประโยชน์อย่างน้อยที่สุดในแบบเดียวกันกับ Zonal RI ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และคุณยังได้ความยืดหยุ่นที่ดียิ่งขึ้นจากส่วนลดแบบ Savings Plans (หรือ Regional RI) พร้อมคุณสมบัติของการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ นั่นคือความสามารถในการเพิ่มหรือลบออกจากการสำรองได้ทุกเมื่อ ดูการใช้งานแบบเรียลไทม์ และความสามารถในการกำหนดเป้าหมายการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการสำหรับเวิร์กโหลดที่เฉพาะเจาะจง

การปรับขอบเขต Zonal RI ของคุณใหม่ให้เป็นแบบภูมิภาคจะทำให้คุณได้รับ AZ และขนาดอินสแตนซ์ที่ยืดหยุ่นตามส่วนลดของ RI ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ คุณสามารถแปลง Standard Zonal RI เป็น Regional RI ได้โดยแก้ไขขอบเขตของ RI จาก AZ ที่เฉพาะเจาะจงไปยังรีเจี้ยนที่ต้องการโดยใช้ EC2 Console หรือโดยใช้ ModifyReservedInstances API

ถาม: ฉันสร้างการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการแล้ว จะนำมาใช้งานได้อย่างไร

การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการจะเชื่อมโยงกับ AZ ที่เฉพาะเจาะจง และโดยค่าเริ่มต้นจะใช้โดยอัตโนมัติโดยอินสแตนซ์ที่เรียกใช้ใน AZ นั้น เมื่อคุณเปิดใช้งานอินสแตนซ์ใหม่ที่ตรงกับคุณลักษณะการเหมาจ่าย อินสแตนซ์เหล่านั้นจะได้รับการปรับให้ตรงกับการเหมาจ่ายโดยอัตโนมัติ

คุณยังสามารถกำหนดการเหมาจ่ายไปยังเวิร์กโหลด/อินสแตนซ์ที่เจาะจงได้หากต้องการ โปรดดูเอกสารประกอบทางเทคนิคสำหรับ Linux หรือ Windows เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกการกำหนดค่า

ถาม: ฉันจะเหมาจ่ายอินสแตนซ์ได้จำนวนเท่าใด

จำนวนอินสแตนซ์ที่อนุญาตให้คุณเหมาจ่ายจะขึ้นอยู่กับค่าจำกัด On-Demand Instance ของบัญชีคุณ คุณสามารถเหมาจ่ายอินสแตนซ์ได้มากเท่าที่ค่าจำกัดอินสแตนซ์จะอนุญาต โดยลบออกจากจำนวนอินสแตนซ์ที่กำลังเรียกใช้งานอยู่

หากคุณต้องการเพิ่มค่าจำกัด โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่าย AWS ของคุณหรือกรอกแบบฟอร์มคำขอ อินสแตนซ์ Amazon EC2 พร้อมระบุกรณีการใช้งานของคุณ และเราจะพิจารณาเพิ่มอินสแตนซ์ให้คุณ การเพิ่มค่าจำกัดอินสแตนซ์จะขึ้นอยู่กับภูมิภาคที่ขอใช้งาน

ถาม: ฉันสามารถแก้ไขการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการหลังจากที่เริ่มใช้บริการไปแล้วได้หรือไม่

ได้ คุณสามารถลดจำนวนอินสแตนซ์ที่คุณเหมาจ่ายไปแล้วได้ทุกเมื่อ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มจำนวนอินสแตนซ์ได้ (ขึ้นอยู่กับความพร้อมใช้งาน) รวมถึงสามารถแก้ไขเวลาสิ้นสุดของการเหมาจ่ายได้ด้วย แต่คุณไม่สามารถแก้ไขการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการที่สิ้นสุดหรือลบไปแล้วได้

ถาม: ฉันจะยุติการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการหลังจากที่เริ่มใช้บริการไปแล้วได้หรือไม่

ได้ คุณสามารถสิ้นสุดการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการได้ด้วยการยกเลิกโดยการใช้คอนโซล หรือใช้ API/SDK หรือโดยการแก้ไขการเหมาจ่ายของคุณเพื่อระบุเวลาสิ้นสุดที่จะทำให้การเหมาจ่ายหมดอายุไปเองโดยอัตโนมัติ การเรียกใช้อินสแตนซ์จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ รวมถึงการลบ หรือการหมดอายุของการเหมาจ่ายด้วย

ถาม: ฉันจะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการได้จากที่ไหน

โปรดดูเอกสารประกอบทางเทคนิคสำหรับ Linux หรือ Windows เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างและการใช้การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ

ถาม: ฉันสามารถแชร์การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการกับบัญชี AWS อื่นได้หรือไม่

ได้ คุณสามารถแชร์การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการกับบัญชี AWS อื่น ๆ หรือภายในองค์กร AWS ผ่านบริการ AWS Resource Access Manager (AWS RAM) คุณสามารถแชร์การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ EC2 ได้ในสามขั้นตอนง่ายๆ คือ สร้างการแชร์ทรัพยากรโดยใช้ AWS RAM แล้วเพิ่มทรัพยากร (การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ) ไปยังการแชร์ทรัพยากร และระบุบัญชีเป้าหมายที่คุณต้องการแชร์ทรัพยากรด้วย

โปรดทราบว่าการแชร์การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการไม่สามารถใช้ได้กับบัญชี AWS บัญชีใหม่ หรือบัญชี AWS ที่มีประวัติการเรียกเก็บเงินที่จำกัด บัญชีใหม่ที่เชื่อมโยงกับบัญชีหลัก (ผู้ชำระเงิน) ที่ผ่านการรับรองหรือผ่านองค์กร AWS จะได้รับการยกเว้นจากข้อจำกัดนี้

ถาม: จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อฉันแชร์การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการกับบัญชี AWS อื่น

เมื่อการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการถูกแชร์กับบัญชีอื่นๆ บัญชีเหล่านั้นสามารถใช้ความสามารถในการรองรับเวิร์กโหลดที่สำรองไว้เพื่อใช้งานอินสแตนซ์ EC2 ได้ พฤติกรรมที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับการตั้งค่าที่กำหนดในการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ ตามค่าเริ่มต้น การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการจะจับคู่กับอินสแตนซ์ที่มีอยู่และอินสแตนซ์ใหม่จากบัญชีอื่นที่มีการเข้าถึงการสำรองร่วมกันโดยอัตโนมัติ คุณยังสามารถกำหนดการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการไปยังเวิร์กโหลด/อินสแตนซ์ที่เจาะจงได้ บัญชีส่วนบุคคลสามารถควบคุมได้ว่าอินสแตนซ์ใดของพวกเขาที่จะใช้การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ โปรดดูเอกสารประกอบทางเทคนิคสำหรับ Linux หรือ Windows เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกการจับคู่อินสแตนซ์

ถาม: มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการแชร์การเหมาจ่ายหรือไม่

ไม่ การแชร์การเหมาจ่ายไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม

ถาม: ใครคือผู้รับผิดชอบเมื่อมีการแชร์การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการในหลายบัญชี

หากมีหลายบัญชีที่ใช้การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ แต่ละบัญชีจะถูกเรียกเก็บเงินสำหรับการใช้งานอินสแตนซ์ของตนเอง หากมีความสามารถในการรองรับเวิร์กโหลดที่สำรองไว้ที่ไม่ได้ใช้ ระบบจะเรียกเก็บเงินไปยังบัญชีที่เป็นเจ้าของการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ หากมีการจัดเตรียมการเรียกเก็บเงินรวมระหว่างบัญชีที่แชร์การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ บัญชีหลักจะถูกเรียกเก็บเงินสำหรับการใช้งานอินสแตนซ์ในบัญชีที่เชื่อมโยงทุกบัญชี

ถาม: ฉันสามารถจัดลำดับความสำคัญการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการบัญชี AWS ที่มีการเข้าถึงแบบที่แชร์ร่วมกันได้หรือไม่

ไม่ได้ อินสแตนซ์ Spot ในการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการมีให้บริการแบบตามลำดับก่อนหลังสำหรับบัญชีใดก็ตามที่มีการเข้าถึงร่วมกัน

ถาม: ฉันจะสื่อสาร AZ ของการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการกับบัญชีอื่นได้อย่างไร เนื่องจากการแมปชื่อ AZ อาจแตกต่างกันในบัญชี AWS

ตอนนี้คุณสามารถใช้ Availability Zone ID (AZ ID) แทนชื่อ AZ ได้ AZ ID เป็นการอ้างอิงแบบคงที่และให้วิธีการที่สอดคล้องกันในการระบุตำแหน่งของทรัพยากรในบัญชีทั้งหมดของคุณ สิ่งนี้ช่วยให้คุณจัดเตรียมทรัพยากรจากส่วนกลางในบัญชีเดียวและแชร์ทรัพยากรเหล่านั้นในหลายบัญชีได้ง่ายขึ้น

ถาม: ฉันสามารถหยุดแชร์การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการของฉันได้หรือไม่ หากฉันได้แชร์ออกไปแล้ว

ได้ คุณสามารถหยุดแชร์การสำรองหลังจากที่คุณแชร์ออกไปแล้วได้ เมื่อคุณหยุดแชร์การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการกับบัญชีที่เฉพาะเจาะจงหรือหยุดแชร์กับบัญชีทั้งหมด บัญชีอื่นจะไม่สามารถเปิดใช้งานอินสแตนซ์ใหม่ในการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ ความสามารถที่ครอบครองโดยอินสแตนซ์ที่เรียกใช้จากบัญชีอื่นจะถูกคืนค่าเป็นการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการสำหรับการใช้งานของคุณ (ขึ้นอยู่กับความพร้อมใช้งาน)

ถาม: ฉันจะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแชร์การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการได้จากที่ไหน

โปรดดูเอกสารประกอบทางเทคนิคสำหรับ Linux หรือ Windows เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการแชร์การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ

ถาม: ฉันจะได้รับส่วนลดจากการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการหรือไม่

ได้ ใช้ส่วนลด Savings Plans หรือ Regional RI กับการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ การเรียกเก็บเงินของ AWS จะใช้ส่วนลด RI ของคุณโดยอัตโนมัติเมื่อคุณลักษณะของการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการตรงกับคุณลักษณะของ Savings Plans หรือ Regional RI ที่ใช้งาน เมื่ออินสแตนซ์ใช้การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ ระบบจะเรียกเก็บค่าบริการเฉพาะการใช้อินสแตนซ์ (พร้อมใช้ส่วนลด Savings Plans หรือ RI ที่มี) มีการใช้ส่วนลดกับอินสแตนซ์ที่ใช้งานอยู่เป็นพิเศษก่อนจะพิจารณาการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการที่ไม่ได้ใช้

หมายเหตุ: Regional RI คือ EC2 RI ที่กำหนดขอบเขตไปยัง AWS Region Zonal RI (RI ที่กำหนดขอบเขตไปยัง AZ ภายใน Region) จะไม่สามารถใช้กับการสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการได้ เนื่องจาก Zonal RI มาพร้อมการสำรองปริมาณการประมวลผลอยู่แล้ว

อินสแตนซ์แบบเหมาจ่าย

ถาม: อินสแตนซ์แบบเหมาจ่ายคืออะไร

อินสแตนซ์แบบเหมาจ่าย (RI) คือข้อเสนออย่างหนึ่งของ EC2 ซึ่งจะมอบส่วนลดจำนวนมากในการใช้ EC2 ให้กับคุณหากทำสัญญาผูกพันเป็นเวลา 1 ปีหรือ 3 ปี

ถาม: Standard RI และ Convertible RI แตกต่างกันอย่างไร

Standard RI จะมอบส่วนลดจำนวนมากในการใช้งาน EC2 Instance หากคุณใช้งานเพียงกลุ่มประเภทอินสแตนซ์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ Convertible RI จะมีตัวเลือกให้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าอินสแตนซ์ได้ในระหว่างระยะเวลาสัญญา และยังคงได้รับส่วนลดในการใช้งาน EC2 อยู่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Convertible RI โปรดคลิกที่นี่

ถาม: สามารถเหมาจ่ายความจุของ RI ได้หรือไม่

ใช่ เมื่อจำกัดขอบเขต Standard หรือ Convertible RI ไปที่ Availability Zone (AZ) ที่เฉพาะเจาะจง ระบบจะจองความสามารถของอินสแตนซ์ที่ตรงกับการกำหนดค่าอินสแตนซ์นั้นไว้สำหรับการใช้งานของคุณ (โดยเรียกว่า "Zonal RI") Zonal RI ช่วยให้คุณมั่นใจได้มากยิ่งขึ้นว่าจะสามารถเปิดใช้อินสแตนซ์ได้ในเวลาที่ต้องการใช้งาน

นอกจากนั้น คุณยังสามารถทำการสำรองปริมาณการประมวลผลและซื้อ Standard หรือ Convertible RI ซึ่งจำกัดขอบเขตไปยังรีเจี้ยนหนึ่งได้อีกด้วย (โดยเรียกว่า "Regional RI") Regional RI จะให้ส่วนลดโดยอัตโนมัติสำหรับการใช้งานภายใน AZ และตามขนาดของอินสแตนซ์ในรีเจี้ยนนั้น ซึ่งช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากอัตราส่วนลดของ RI ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ถาม: ฉันควรซื้อ Zonal RI เมื่อใด

หากต้องการใช้ประโยชน์จากการสำรองปริมาณการประมวลผล คุณก็ควรซื้อ RI ใน AZ ที่เฉพาะเจาะจง

ถาม: ฉันควรซื้อ Regional RI เมื่อใด

หากไม่จำเป็นต้องสำรองความสามารถในการรองรับเวิร์กโหลด คุณก็ควรซื้อ Regional RI Regional RI มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน Availability Zone และขนาดของอินสแตนซ์ ซึ่งจะมีอัตราส่วนลดของ RI ที่ครอบคลุมในวงกว้างยิ่งขึ้น

ถาม: ความยืดหยุ่นในการใช้งาน AZ และขนาดของอินสแตนซ์คืออะไร

ความยืดหยุ่นในการใช้งาน AZ และขนาดของอินสแตนซ์ช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากอัตราส่วนลดของ RI ในภูมิภาคของคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น ความยืดหยุ่นในการใช้งาน AZ จะให้อัตราส่วนลดของ RI สำหรับการใช้งาน AZ ใดก็ตามภายในรีเจี้ยนนั้น ๆ ในขณะที่ความยืดหยุ่นในการใช้งานขนาดของอินสแตนซ์จะให้อัตราส่วนลดของ RI กับการใช้งานอินสแตนซ์ใด ๆ ก็ตามภายในกลุ่มประเภทอินสแตนซ์นั้น ๆ สมมติว่าคุณมี Regional RI m5.2xlarge Linux/Unix โดยมีสิทธิ์การใช้งานในสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออก (เวอร์จิเนียฝั่งเหนือ) เป็นค่าเริ่มต้น ในกรณีนี้ อัตราส่วนลดของ RI จะใช้กับอินสแตนซ์ m5.xlarge จำนวน 2 อินสแตนซ์ใน us-east-1a หรืออินสแตนซ์ m5.xlarge จำนวน 4 อินสแตนซ์ใน us-east-1b โดยอัตโนมัติ

ถาม: RI ให้ความยืดหยุ่นในการใช้ขนาดของอินสแตนซ์ประเภทใดบ้าง

Linux/Unix Regional RI ที่กำหนดตำแหน่งที่ตั้งเป็นค่าเริ่มต้นจะมีความยืดหยุ่นในการใช้ขนาดของอินสแตนซ์ ความยืดหยุ่นในการใช้ขนาดของอินสแตนซ์จะใช้ไม่ได้กับ RI ของแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Windows, Windows with SQL Standard, Windows with SQL Server Enterprise, Windows with SQL Server Web, RHEL และ SLES หรืออินสแตนซ์ G4

ถาม: ฉันต้องดำเนินการใดหรือไม่ในการใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นในการใช้งาน AZ และขนาดของอินสแตนซ์

ไม่ต้องมีการดำเนินการใดสำหรับ Regional RI เพื่อใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นในการใช้งาน AZ และขนาดของอินสแตนซ์

ถาม: ฉันมี Zonal RI อยู่ แล้วจะมอบหมาย Zonal RI ไปยังรีเจี้ยนได้อย่างไร

คุณสามารถมอบหมาย Standard Zonal RI ไปยังรีเจี้ยนหนึ่งได้โดยแก้ไขขอบเขตของ RI จาก AZ ที่เฉพาะเจาะจงไปยังรีเจี้ยนที่ต้องการจาก EC2 Console หรือโดยใช้ ModifyReservedInstances API

ถาม: ฉันจะซื้อ RI ได้อย่างไร

ในการเริ่มต้น คุณสามารถซื้อ RI ได้จาก EC2 Console หรือโดยใช้ AWS CLI เพียงแค่ระบุประเภทอินสแตนซ์ แพลตฟอร์ม สิทธิ์การใช้งาน ระยะเวลา ตัวเลือกในการชำระเงิน และรีเจี้ยนหรือ AZ

ถาม: ฉันจะซื้อ RI สำหรับอินสแตนซ์ที่เรียกใช้อยู่ได้ใช่หรือไม่

ใช่ AWS จะให้อัตราส่วนลด RI โดยอัตโนมัติกับการใช้อินสแตนซ์ที่เกี่ยวข้องนับตั้งแต่เวลาที่ซื้อ ไปที่หน้าเริ่มใช้งานเพื่อเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติม

ถาม: ฉันสามารถเลือกอินสเแตนซ์ที่จะให้เรียกเก็บเงินในอัตราส่วนลดได้หรือไม่

ไม่ได้ AWS จะคำนวณโดยอัตโนมัติว่าจะเรียกเก็บเงินจากอินสแตนซ์ใดในราคาส่วนลดเพื่อให้คุณมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินและวิธีการเรียกเก็บเงิน RI โปรดดูประโยชน์ของการเรียกเก็บเงินและตัวเลือกในการชำระเงิน

ถาม: ความยืดหยุ่นในการใช้ขนาดของอินสแตนซ์มีวิธีการทำงานอย่างไร

EC2 ใช้สเกลด้านล่างนี้ในการเปรียบเทียบขนาดที่แตกต่างกันภายในกลุ่มประเภทอินสแตนซ์ ในกรณีที่ใช้ความยืดหยุ่นในการใช้ขนาดของอินสแตนซ์กับ RI สเกลนี้จะใช้เพื่อให้อัตราส่วนลดของ RI กับการใช้งานตามปกติในกลุ่มประเภทอินสแตนซ์นั้นๆ ตัวอย่างเช่น หากคุณมี m5.2xlarge RI ที่จำกัดขอบเขตไปยังภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง คุณก็จะได้รับอัตราส่วนลดสำหรับการใช้งานอินสแตนซ์ m5.2xlarge จำนวน 1 อินสแตนซ์หรือ m5.xlarge จำนวน 2 อินสแตนซ์

คลิกที่นี่เพื่อดูว่าความยืดหยุ่นของขนาดอินสแตนซ์จะมีผลกับการใช้งาน EC2 อย่างไร และคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการคำนวณความยืดหยุ่นของขนาดอินสแตนซ์ของ RI บนรายงานค่าใช้จ่ายและการใช้งาน

ขนาดของอินสแตนซ์

ปัจจัยมาตรฐาน

nano

 0.25

micro 0.5
small 1
medium 2
large 4
xlarge 8
2xlarge 16
4xlarge 32
8xlarge 64
9xlarge 72
10xlarge 80
12xlarge 96
16xlarge 128
18xlarge 144
24xlarge 192
32xlarge 256

ถาม: ฉันจะเปลี่ยน RI ในระหว่างระยะสัญญาได้ใช่หรือไม่

ใช่ คุณสามารถแก้ไข AZ ของ RI เปลี่ยนขอบเขตของ RI จาก AZ เป็นรีเจี้ยน (และในทางกลับกัน) หรือปรับเปลี่ยนขนาดอินสแตนซ์ภายในกลุ่มประเภทอินสแตนซ์เดียวกัน (บนแพลตฟอร์ม Linux/Unix)

ถาม: ฉันจะเปลี่ยนประเภทอินสแตนซ์ของ RI ในระหว่างระยะสัญญาได้หรือไม่

ได้ Convertible RI มีตัวเลือกให้คุณสามารถเปลี่ยนประเภทอินสแตนซ์ ระบบปฏิบัติการ การเช่า หรือตัวเลือกในการชำระเงินสำหรับ RI ของคุณได้ในระหว่างระยะสัญญา โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในหัวข้อคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Convertible RI

ถาม: มีตัวเลือกในการชำระเงินค่า RI ตัวเลือกใดบ้าง

คุณสามารถเลือกการชำระเงินได้ 3 วิธีเมื่อซื้อ RI สำหรับตัวเลือกชำระล่วงหน้าเต็มจำนวน คุณจะต้องชำระค่า RI ตามระยะสัญญาทั้งหมดล่วงหน้าในครั้งเดียว สำหรับตัวเลือกชำระล่วงหน้าบางส่วน คุณจะต้องชำระล่วงหน้าเพียงเล็กน้อย และจากนั้นคุณจะได้รับการเรียกเก็บเงินค่าอินสแตนซ์ในอัตรารายชั่วโมงโดยมีส่วนลดตามระยะสัญญาของ RI สำหรับตัวเลือกไม่ต้องชำระล่วงหน้า คุณจะไม่ต้องชำระล่วงหน้าแต่อย่างใด และจะได้รับอัตรารายชั่วโมงโดยมีส่วนลดตามระยะสัญญา

ถาม: เมื่อใดจึงจะเปิดใช้งาน RI

ส่วนลดในการเรียกเก็บเงินและการสำรองปริมาณการประมวลผล (ถ้ามี) จะเปิดใช้งานเมื่อการชำระเงินของคุณได้รับอนุมัติเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถดูสถานะ RI ของคุณ (อยู่ระหว่างดำเนินการ | กำลังใช้งาน | หมดอายุแล้ว) ได้ในหน้า "อินสแตนซ์แบบเหมาจ่าย" ของ Amazon EC2 Console

ถาม: ใช้ RI กับ Spot Instance หรืออินสแตนซ์ที่เรียกใช้อยู่บน Dedicated Host หรือไม่

ไม่ RI ไม่ได้ใช้กับอินสแตนซ์ Spot หรืออินสแตนซ์ที่เรียกใช้อยู่บน Dedicated Host หากต้องการลดค่าใช้จ่ายในการใช้งาน Dedicated Host คุณควรซื้อ Dedicated Host Reservation

RI ทำงานร่วมกับ Consolidated Billing อย่างไร

ระบบของเราจะคำนวณโดยอัตโนมัติว่าจะเรียกเก็บเงินจากอินสแตนซ์ใดในราคาส่วนลดเพื่อให้บัญชีรวบยอดมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด หากคุณมี RI ที่ใช้กับ AZ เฉพาะบัญชีที่มี RI เท่านั้นที่จะได้รับการสำรองปริมาณการประมวลผล อย่างไรก็ตาม ส่วนลดจะใช้กับการใช้งานบัญชีใด ๆ ก็ตามในหมวดหมู่การเรียกเก็บเงินแบบรวบยอดทั้งหมวดหมู่โดยอัตโนมัติ

ถาม: ฉันจะได้รับส่วนลดในการซื้อ RI ใช่หรือไม่

ใช่ EC2 จะให้ส่วนลดตามลำดับขั้นในการซื้อ RI ส่วนลดเหล่านี้จะคำนวณจากมูลค่ารายการโดยรวม (ราคาที่ไม่มีส่วนลด) สำหรับ RI ที่คุณใช้งานอยู่ในแต่ละรีเจี้ยน มูลค่ารายการโดยรวมคือยอดรวมของการชำระเงินค่า RI ตามที่คาดการณ์ทั้งหมดภายในระยะสัญญา รวมถึงการชำระเงินรายชั่วโมงล่วงหน้าและการชำระเงินรายชั่วโมงที่เกิดซ้ำด้วย โดยเราแสดงลำดับขั้นและส่วนลดตามลำดับไว้ด้านล่าง

ลำดับขั้นของมูลค่ารายการ

ส่วนลดสำหรับการชำระล่วงหน้า

ส่วนลดสำหรับรายชั่วโมง

ต่ำกว่า 500,000 USD

0%

0%

500,000 USD – 4 ล้าน USD

5%

5%

4 – 10 ล้าน USD 10% 10%
สูงกว่า 10 ล้าน USD โทรหาเรา  

ถาม: ช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจได้หรือไม่ว่าส่วนลดตามปริมาณใช้กับการซื้อ RI อย่างไร

ได้เลย สมมติว่าในขณะนี้คุณมี RI ที่ใช้งานอยู่มูลค่า 400,000 USD ในภูมิภาค Us-east-1 หากคุณซื้อ RI มูลค่า 150,000 USD ในภูมิภาคเดียวกัน 100,000 USD แรกของการซื้อครั้งนี้จะไม่ได้รับส่วนลด อย่างไรก็ตาม ส่วนที่เหลือ 50,000 USD จากการซื้อครั้งนี้จะได้รับส่วนลดจำนวน 5% ดังนั้น คุณจึงจะได้รับการเรียกเก็บเงินสำหรับส่วนนี้เพียง 47,500 USD ในช่วงระยะสัญญาตามตัวเลือกในการชำระเงินที่คุณเลือก

หากต้องการเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ส่วนทำความเข้าใจเกี่ยวกับลำดับขั้นราคาส่วนลดสำหรับอินสแตนซ์แบบเหมาจ่ายของคู่มือผู้ใช้ Amazon EC2

ถาม: ฉันจะคำนวณมูลค่ารายการ RI อย่างไร

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการประมวลผลมูลค่ารายการสำหรับอินสแตนซ์แบบเหมาจ่ายเป็นเวลา 3 ปีโดยชำระล่วงหน้าบางส่วน

มูลค่าส่วนลดตามปริมาณโดยชำระล่วงหน้าบางส่วน 3 ปีในสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออก

  ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า รายชั่วโมงที่เกิดซ้ำ USD มูลค่ารายชั่วโมงที่เกิดซ้ำ มูลค่ารายการ
m3.xlarge 1,345 USD 0.060 USD 1,577 USD 2,922 USD
c3.xlarge 1,016 USD 0.045 USD 1,183 USD 2,199 USD

ถาม: หากฉันใช้ Consolidated Billing แล้วจะมีวิธีการคำนวณส่วนลดตามปริมาณอย่างไร

หากคุณใช้ Consolidated Billing นั้น AWS จะใช้ราคารายการแบบรวมทั้งหมดของ RI ที่ใช้งานในบัญชีรวบยอดของคุณทุกบัญชีเพื่อคำนวณว่าจะใช้ส่วนลดตามปริมาณในลำดับขั้นใด ลำดับขั้นส่วนลดตามปริมาณจะคำนวณ ณ เวลาที่ซื้อ ดังนั้น คุณจึงควรเปิดใช้งาน Consolidated Billing ก่อนที่จะซื้อ RI เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากส่วนลดตามปริมาณที่มากที่สุดเท่าที่บัญชีรวบยอดของคุณมีสิทธิ์ที่จะได้รับ

ถาม: Convertible RI มีสิทธิ์ได้รับส่วนลดตามปริมาณหรือไม่

ไม่ แต่มูลค่าของแต่ละ Convertible RI ที่คุณซื้อจะไปสมทบกับลำดับขั้นส่วนลดตามปริมาณ

ถาม: ฉันจะทราบได้อย่างไรว่าฉันจะได้รับส่วนลดตามปริมาณใด

หากต้องการคำนวณลำดับขั้นส่วนลดตามปริมาณในปัจจุบัน โปรดอ่านข้อมูลในหัวข้อทำความเข้าใจเกี่ยวกับลำดับขั้นราคาส่วนลดสำหรับอินสแตนซ์แบบเหมาจ่ายในคู่มือผู้ใช้ Amazon EC2

ถาม: หากปริมาณการใช้งานของฉันในอนาคตทำให้ฉันมีสิทธิ์ได้รับส่วนลดอื่นๆ ตามลำดับขั้น แล้วค่าใช้จ่ายสำหรับ RI ของฉันจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่

ไม่ ส่วนลดตามปริมาณจะคำนวณ ณ เวลาที่ซื้อ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายสำหรับ RI ของคุณจึงจะยังคงเท่าเดิมแม้ว่าคุณจะมีสิทธิ์ได้รับส่วนลดอื่นๆ ตามลำดับขั้นก็ตาม หากคุณทำการซื้อใหม่ คุณได้รับส่วนลดตามลำดับขั้นส่วนลดตามปริมาณตามที่มีสิทธิ์ ณ เวลาที่ซื้อ

ถาม: ฉันต้องดำเนินการใด ณ เวลาที่ซื้อเพื่อรับส่วนลดตามปริมาณหรือไม่

ไม่ต้อง คุณจะได้รับส่วนลดตามปริมาณโดยอัตโนมัติเมื่อคุณใช้ PurchaseReservedInstance API ที่มีอยู่เดิมหรือใช้อินเทอร์เฟซ EC2 Management Console ในการซื้อ RI หากคุณซื้อ RI มูลค่าเกิน 10 ล้าน USD โปรดติดต่อเราเพื่อรับส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ได้รับโดยอัตโนมัติ

Reserved Instance Marketplace

ถาม: Reserved Instance (RI) Marketplace คืออะไร

RI Marketplace เป็นตลาดออนไลน์ที่ช่วยให้ลูกค้า AWS มีความยืดหยุ่นในการขาย RI บน Amazon EC2 ที่ตนเองมีอยู่ให้กับธุรกิจและองค์กรอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเรียกดู RI Marketplace เพื่อค้นหาตัวเลือกอื่นเพิ่มเติมสำหรับระยะเวลาสัญญาและราคาของ RI ที่ขายโดยลูกค้า AWS รายอื่น ๆ

ถาม: ฉันจะแสดงรายการ RI ใน RI Marketplace ได้เมื่อใด

คุณสามารถแสดงรายการ RI เมื่อ

  • คุณลงทะเบียนเป็นผู้ขายใน RI Marketplace แล้ว
  • คุณจ่ายเงินสำหรับ RI ของคุณแล้ว
  • คุณเป็นเจ้าของ RI เป็นเวลานานกว่า 30 วัน

ถาม: สามารถโอน RI ได้หรือไม่

EC2 Reserved Instance สามารถโอนได้ตามข้อกำหนดของ RI Marketplace ที่ระบุไว้ในเงื่อนไขการให้บริการ AWS และไม่สามารถถ่ายโอนได้ด้วยวิธีอื่น

ถาม: ฉันสามารถขาย RI ใดๆ ใน EC2 RI Marketplace ได้หรือไม่

ไม่ AWS ห้ามการขาย RI ที่ซื้อมาต่อ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมส่วนลดตามเงื่อนไขการบริการ AWS RI ล่วงหน้าทั้งหมด ล่วงหน้าบางส่วน หรือแบบไม่ล่วงหน้า ที่ซื้อโดยตรงจาก AWS หรือจาก EC2 RI Marketplace ที่ได้รับส่วนลดจาก AWS (เช่น RI Volume Discount หรือโปรแกรมส่วนลดอื่น ๆ) ไม่มีสิทธิ์ขายใน EC2 RI Marketplace

ถาม: ฉันจะลงทะเบียนเป็นผู้ขายสำหรับ RI Marketplace ได้อย่างไร

หากต้องการลงทะเบียน RI Marketplace คุณสามารถเข้าสู่ลำดับงานการลงทะเบียนได้โดยลงขาย RI จากใน EC2 Management Console หรือโดยตั้งค่าโปรไฟล์ของคุณเองในหน้า "การตั้งค่าบัญชี" ใน AWS Portal ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีการใด คุณจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. เริ่มจากตรวจสอบขั้นตอนการลงทะเบียนในภาพรวมก่อน
  2. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี AWS ของคุณ
  3. ป้อนบัญชีธนาคารที่ต้องการใช้ในการเบิกจ่ายเงิน เมื่อเลือก "ดำเนินการต่อ" เราจะตั้งค่าให้บัญชีธนาคารดังกล่าวเป็นตัวเลือกเริ่มต้นในการเบิกจ่ายเงิน
  4. ในหน้าจอยืนยัน ให้เลือก "ดำเนินการต่อไปยังคอนโซลเพื่อเริ่มลงขาย"

หากคุณมียอดขาย RI เกิน 20,000 USD หรือวางแผนที่จะขาย RI 50 รายการขึ้นไป คุณจะต้องให้ข้อมูลภาษีก่อนที่คุณจะสามารถลงรายการ RI ของคุณได้ เลือก "ดำเนินการต่อในด้านภาษี" ในระหว่างกระบวนการด้านภาษี ระบบจะขอให้คุณกรอกชื่อบริษัท ชื่อผู้ติดต่อ ที่อยู่ และหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีโดยใช้ลำดับงาน TIMS

นอกจากนี้ หากคุณวางแผนที่จะขาย RI มูลค่าสูงกว่า 50,000 USD ต่อปี คุณจะต้องยื่นเรื่องเพื่อเพิ่มขีดจำกัดด้วย

ถาม: ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันจะเริ่มขายใน RI Marketplace เมื่อใด

คุณสามารถเริ่มขายใน RI Marketplace ได้หลังจากที่เพิ่มบัญชีธนาคารผ่านขั้นตอนการลงทะเบียนแล้ว เมื่อการเปิดใช้งานเสร็จสมบูรณ์แล้ว คุณจะได้รับอีเมลยืนยัน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่คุณควรทราบคือคุณจะไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้จนกว่าเราจะได้รับการยืนยันจากธนาคารของคุณ ซึ่งอาจใช้เวลานานถึงสองสัปดาห์ขึ้นอยู่กับธนาคารที่คุณใช้บริการ

ถาม: ฉันจะลงรายการ RI เพื่อขายได้อย่างไร

หากต้องการลงรายการ RI เพียงทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ใน Amazon EC2 Console

  1. เลือก RI ที่คุณต้องการขาย และเลือก “ขาย Reserved Instance” หากคุณยังลงทะเบียนไม่เรียบร้อย ระบบจะขอให้คุณลงทะเบียนตามขั้นตอนการลงทะเบียนก่อน
  2. ให้กำหนดจำนวนอินสแตนซ์ที่ต้องการขายสำหรับ RI ต่ละประเภท และตั้งราคาเหมาจ่ายตามที่ต้องการ โปรดทราบว่าคุณสามารถตั้งราคาเหมาจ่ายให้กับปริมาณที่แตกต่างกันได้โดยขึ้นอยู่กับเวลาที่เหลือ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องคอยปรับราคาเหมาจ่ายในกรณีที่คุณขาย RI ได้ช้า ตามค่าเริ่มต้น คุณเพียงตั้งค่าราคาปัจจุบัน แล้วเราจะลดราคาเหมาจ่ายลงเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละเดือนโดยอัตโนมัติ
  3. เมื่อตั้งค่าการลงขายแล้ว หน้าจอยืนยันขั้นตอนสุดท้ายจะปรากฏขึ้นมา เลือก “ขาย Reserved Instance”

ถาม: ฉันสามารถลงรายการ RI ใดเพื่อขายได้บ้าง

คุณสามารถลงขาย RI ใดก็ได้ที่ใช้งานมาอย่างน้อย 30 วันและเป็น RI ที่เราได้รับการชำระเงินแล้ว กล่าวง่าย ๆ คือ คุณจะสามารถลงขายอินสแตนซ์ที่คุณจองไว้ได้เมื่ออินสแตนซ์นั้นอยู่ในสถานะกำลังใช้งาน ข้อสำคัญที่ควรทราบคือ หากคุณเป็นลูกค้าที่ได้รับใบแจ้งหนี้ RI ของคุณอาจอยู่ในสถานะกำลังใช้งานก่อนที่ AWS จะได้รับการชำระเงินก็เป็นได้ ในกรณีเช่นนี้ RI ของคุณจะลงขายไม่ได้จนกว่าเราจะได้รับการชำระเงินจากคุณ

ถาม: จะแสดง RI ที่อยู่ในรายการต่อผู้ซื้อได้อย่างไร

สามารถดู RI (ทั้งแบบที่ลงขายโดยบุคคลที่สามและโดย AWS) ใน Reserved Instance Marketplace ได้ในส่วน “Reserved Instance” ใน Amazon EC2 Console นอกจากนี้ คุณยังสามารถทำได้โดยการเรียกใช้ API DescribeReservedInstancesListings

RI ที่ลงขายจะได้รับการจัดกลุ่มตามประเภท ระยะสัญญาที่เหลือ ราคาที่ต้องชำระล่วงหน้า และราคารายชั่วโมง สิ่งนี้ทำให้ผู้ซื้อค้นหา RI ที่เหมาะสมในการซื้อได้ง่ายขึ้น

ถาม: ฉันสามารถระบุระยะเวลา RI ของฉันได้เท่าไหร่

คุณสามารถขาย RI ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ปัดลงไปเป็นเดือนที่ใกล้ที่สุด ตัวอย่างเช่น หากคุณมี RI ที่มีระยะสัญญาเหลือ 9 เดือน 13 วัน คุณจะสามารถลงขายอินสแตนซ์แบบเหมาจ่ายดังกล่าวได้ที่ระยะสัญญา 9 เดือน

ถาม: ฉันสามารถลบ RI ของฉันหลังจากที่ฉันได้ลงขายได้ ใช่หรือไม่

ใช่ คุณสามารถลบ RI ลงขายได้ทุกเวลาจนกว่าสถานะการขายจะอยู่ระหว่างดำเนินการ (หมายความว่ามีคนซื้อ RI ของคุณแล้ว และอยู่ระหว่างยืนยันการชำระเงิน)

ถาม: ฉันจะตั้งประเภทราคาสำหรับ RI ที่ต้องการลงขายเป็นแบบใดได้บ้าง

เมื่อใช้ RI Marketplace คุณสามารถตั้งราคาที่ต้องชำระล่วงหน้าได้ตามที่ต้องการ แต่คุณจะไม่สามารถตั้งราคารายชั่วโมงได้ (ซึ่งจะเป็นราคาเท่าเดิมตามที่ตั้งไว้ใน RI ตั้งแต่แรก) และคุณจะไม่ได้รับเงินที่เรียกเก็บซึ่งเกี่ยวข้องกับราคารายชั่วโมงดังกล่าวแต่อย่างใด

ถาม: ฉันจะใช้ RI ที่จองไว้ในขณะที่ลงขายใน RI Marketplace ได้ใช่หรือไม่

ใช่ คุณจะยังคงได้ประโยชน์จากความสามารถและการเรียกเก็บเงินจากการเหมาจ่ายของคุณจนกว่าจะขาย RI นั้นได้ เมื่อขายได้แล้ว อินสแตนซ์ใดก็ตามที่กำลังเรียกใช้อยู่ซึ่งคิดค่าบริการในอัตราลดราคาก่อนหน้านี้จะเปลี่ยนไปใช้อัตราตามความต้องการจนกว่า หรือนอกจากว่า คุณจะซื้อการจองใหม่หรือยกเลิกอินสแตนซ์นั้น

ถาม: ฉันสามารถขาย RI ที่ซื้อจาก RI Marketplace ได้ใช่หรือไม่

ใช่ คุณสามารถขาย RI ที่ซื้อจาก RI Marketplace ได้เช่นเดียวกับ RI อื่น ๆ

ถาม: มีข้อจำกัดใดในการขาย RI หรือไม่

มี คุณต้องมีบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกาเพื่อขาย RI ใน RI Marketplace เราจะเปิดให้บริการสำหรับบัญชีนอกสหรัฐอเมริกาในเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ คุณไม่สามารถขาย RI ในภูมิภาค GovCloud ในสหรัฐอเมริกาได้

ถาม: ฉันสามารถขาย RI ที่ซื้อจากลำดับขั้นราคาตามปริมาณสาธารณะได้หรือไม่

ไม่ได้ เรายังไม่รองรับในส่วนนี้

ถาม: มีค่าใช้จ่ายสำหรับการขาย RI ใน RI Marketplace หรือไม่

มี AWS จะเรียกเก็บค่าบริการจำนวน 12% ของยอดรวมที่ต้องชำระล่วงหน้าของแต่ละ RI ที่คุณขายใน RI Marketplace

ถาม: AWS สามารถแบ่งขาย RI ที่ฉันลงขายได้ใช่หรือไม่

ใช่ AWS อาจแบ่งขาย RI จากจำนวนทั้งหมดที่คุณลงขายได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณลงขาย RI 100 รายการ เราอาจมีผู้ซื้อที่สนใจจะซื้อแค่ 50 รายการ เราจะขายอินสแตนซ์ 50 รายการนั้นและขาย RI ของคุณที่เหลืออีก 50 รายการต่อไปจนกว่าหรือนอกจากคุณจะตัดสินใจว่าไม่ต้องการขายอีกต่อไปแล้ว

ถาม: ผู้ซื้อจะชำระค่า RI ที่ตนเองซื้อได้อย่างไร

ผู้ซื้อจะชำระค่า RI ที่ตกลงขายเรียบร้อยแล้วผ่านการโอนเงิน ACH ไปยังบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกา

ถาม: เมื่อใดฉันถึงจะได้รับเงิน

เมื่อ AWS ได้รับเงินจากลูกค้าที่ซื้อการจองของคุณแล้ว เราจะจ่ายเงินผ่านการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารตามที่คุณระบุไว้เมื่อลงทะเบียน RI Marketplace

จากนั้น เราจะส่งอีเมลแจ้งให้คุณทราบว่าเราได้โอนเงินให้คุณแล้ว โดยปกติแล้ว เงินจะเข้าบัญชีของคุณภายใน 3-5 วันนับตั้งแต่วันที่ขาย RI ได้

ถาม: หากขาย RI ใน RI Marketplace แล้ว ฉันจะได้รับเงินค่า Premium Support ที่ฉันจ่ายไปคืนหรือไม่

ไม่ คุณจะไม่ได้รับเงินค่าธรรมเนียม AWS Premium Support ที่ชำระล่วงหน้าตามอัตราส่วนแต่อย่างใด

ถาม: ฉันจะได้รับแจ้งให้ทราบถึงกิจกรรมต่าง ๆ ใน RI Marketplace ใช่หรือไม่

ใช่ คุณจะได้รับอีเมลวันละหนึ่งฉบับ ซึ่งจะแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ของคุณใน RI Marketplace เมื่อใดก็ตามที่คุณสร้างหรือยกเลิกการลงขาย RI เมื่อมีผู้ซื้อซื้ออินสแตนซ์ที่คุณลงขาย หรือเมื่อ AWS จ่ายเงินเข้าบัญชีของคุณ

ถาม: จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลใดบ้างระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายเพื่อช่วยในการคำนวณภาษีในการทำธุรกรรม

ผู้ซื้อจะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเมือง รัฐ รหัสไปรษณีย์+4 และประเทศของผู้ซื้อในรายงานการเบิกจ่ายเงิน ข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้ขายสามารถคำนวณภาษีในการทำธุรกรรมที่จำเป็นต้องจ่ายให้แก่รัฐบาลได้ (เช่น ภาษีขาย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ฯลฯ) และใบกำกับภาษีจะระบุชื่อหน่วยงานตามกฎหมายของผู้ขายไว้ด้วย

ถาม: มีข้อจำกัดใดกับลูกค้าในการซื้อ RI จากบุคคลที่สามหรือไม่

มี คุณไม่สามารถซื้อ RI ที่คุณลงขายเองได้ รวมถึง RI ในบัญชีที่เชื่อมโยง (ผ่านทางการเรียกเก็บเงินแบบรวบยอด)

ถาม: ฉันต้องจ่ายค่า Premium Support เมื่อซื้อ RI จาก RI Marketplace ใช่หรือไม่

ใช่ หากคุณเป็นลูกค้า Premium Support คุณจะได้รับการเรียกเก็บค่าบริการ Premium Support เมื่อซื้อ RI ผ่านทาง RI Marketplace

Savings Plans

ถาม: Savings Plans คืออะไร

Savings Plans เป็นรูปแบบราคาแบบยืดหยุ่นซึ่งมอบราคาที่ย่อมเยาในการใช้งาน EC2 Lambda และ Fargate โดยแลกมาด้วยการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ (วัดเป็น USD/ชั่วโมง) นานหนึ่งหรือสามปีตามระยะสัญญา เมื่อคุณสมัคร Savings Plans ระบบจะเรียกเก็บเงินในราคา Savings Plans ที่ลดลงแล้วจนครบระยะเวลาตามสัญญา ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้สัญญาการใช้การประมวลผล 10 USD ต่อชั่วโมง คุณจะได้รับราคา Savings Plans ตามการใช้งานดังกล่าวสูงสุด 10 USD และการใช้งานใดๆ นอกเหนือจากสัญญาจะถูกเรียกเก็บเงินในราคาการใช้งานตามความต้องการ

AWS มีข้อเสนอ Savings Plans ประเภทใดบ้าง

AWS มีข้อเสนอ Savings Plans 2 ประเภท ดังนี้

  1. Compute Savings Plans มอบความยืดหยุ่นสูงสุดและช่วยลดค่าใช้จ่ายได้สูงสุด 66% Compute Savings Plans ใช้กับการใช้งาน EC2 Instance โดยอัตโนมัติ และไม่คำนึงถึงกลุ่มประเภทอินสแตนซ์, ขนาด, AZ, Region, ระบบปฏิบัติการ หรือการเช่า และใช้กับ AWS Fargate และ Lambda ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ด้วย Compute Savings Plans คุณสามารถเปลี่ยนจากอินสแตนซ์ C4 เป็น M5 เปลี่ยนเวิร์กโหลดจากสหภาพยุโรป (ไอร์แลนด์) เป็นสหภาพยุโรป (ลอนดอน) หรือย้ายเวิร์กโหลดจาก EC2 ไปยัง Fargate หรือ Lambda ได้ทุกเมื่อ และชำระเงินในราคา Savings Plans ต่อโดยอัตโนมัติ
  2. EC2 Instance Savings Plans มีราคาที่ต่ำที่สุด โดยมีข้อเสนอให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 72% โดยมีสัญญาการใช้งานกลุ่มประเภทอินสแตนซ์ส่วนตัวในเขต (เช่น การใช้งาน M5 ในเวอร์จิเนียตอนเหนือ) ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงในกลุ่มประเภทอินสแตนซ์ที่เลือกในเขตดังกล่าว โดยไม่คำนึงถึง AZ, ขนาด, ระบบปฏิบัติการ หรือสิทธิ์การใช้งาน EC2 Instance Savings Plans มอบความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนระหว่างอินสแตนซ์ภายในกลุ่มประเภทในเขตดังกล่าว ตัวอย่างเช่น คุณสามารถย้ายจาก c5.xlarge ที่ใช้ Windows ไปยัง c5.2xlarge ที่ใช้ Linux และรับประโยชน์จากราคา Savings Plan โดยอัตโนมัติ

ถาม: Savings Plans เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับ EC2 RI

Savings Plans มอบการประหยัดมากกว่าแบบตามความต้องการเช่นเดียวกับ EC2 RI แต่ลดค่าใช้จ่ายจากการใช้การประมวลผลจากทุก AWS Region แม้แต่เมื่อการใช้งานเปลี่ยนไปก็ตาม ซึ่งจะมอบความยืดหยุ่นในการใช้ตัวเลือกการประมวลผลที่เหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุดและประหยัดค่าใช้จ่าย โดยไม่ต้องดำเนินการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขใดๆ

Compute Savings Plans ซึ่งช่วยประหยัดได้สูงถึง 66% (เช่นเดียวกับ Convertible RI) จะลดค่าใช้จ่ายในการใช้งาน EC2 Instance ลงโดยอัตโนมัติ และไม่ต้องคำนึงถึง Region, กลุ่มประเภทอินสแตนซ์, ขนาด, ระบบปฏิบัติการ, สิทธิ์การใช้งาน และลดได้แม้กระทั่งใน AWS Fargate และ Lambda EC2 Instance Savings Plans ซึ่งช่วยประหยัดได้สูงถึง 72% (เช่นเดียวกับ Standard RI) จะลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานอินสแตนซ์ทั้งหมดภายในกลุ่มประเภทอินสแตนซ์ EC2 ใน Region ที่เลือกโดยอัตโนมัติ (เช่น M5 ในเวอร์จิเนียฝั่งเหนือ) โดยไม่คำนึงถึงขนาด ระบบปฏิบัติการ หรือสิทธิ์การใช้งาน

ถาม: Savings Plans มีบริการสำรองปริมาณการประมวลผลสำหรับอินสแตนซ์ EC2 หรือไม่

ไม่ Savings Plans ไม่มีบริการการสำรองปริมาณการประมวลผล แต่คุณยังสามารถสำรองความจุด้วยได้ด้วย การสำรองปริมาณการประมวลผลแบบตามต้องการ และจ่ายค่าบริการน้อยลงได้ด้วย Savings Plans

ถาม: ฉันจะเริ่มต้นใช้งาน Savings Plans ได้อย่างไร

คุณสามารถเริ่มต้นใช้งาน Savings Plans ได้จาก AWS Cost Explorer ในคอนโซลการจัดการของ AWS หรือโดยการใช้ API/CLI คุณสามารถทำสัญญา Savings Plan ได้ง่าย ๆ เพียงใช้คำแนะนำที่ระบุใน AWS Cost Explorer เพื่อให้ได้รับราคาที่ประหยัดลงได้มากที่สุด สัญญารายชั่วโมงที่แนะนำจะขึ้นอยู่กับประวัติการใช้งานตามความต้องการและตัวเลือกประเภทแผน รวมถึงตัวเลือกการชำระเงิน เมื่อลงชื่อสมัครใช้งาน Savings Plan แล้ว การใช้งานการประมวลผลจะถูกเรียกเก็บเงินโดยอัตโนมัติตามราคา Savings Plan ที่ลดลงมาแล้ว และการใช้งานใดๆ ที่เกินจากสัญญาจะถูกเรียกเก็บเงินในอัตราราคาตามความต้องการปกติ

ถาม: ฉันสามารถซื้อ EC2 RI ต่อไปได้หรือไม่

ได้ คุณสามารถซื้อ RI ต่อไปเพื่อคงการใช้งานร่วมกันกับขั้นตอนการจัดการค่าใช้จ่ายที่มีอยู่ และ RI ของคุณก็จะทำงานร่วมกันกับ Savings Plans เพื่อลดค่าใช้จ่ายโดยรวม แต่เมื่อ RI หมดอายุ เราขอแนะนำให้คุณลงชื่อสมัครใช้งาน Savings Plans เนื่องจากมอบการประหยัดแบบเดียวกับ RI แต่มีความยืดหยุ่นสูงกว่า

Spot Instance

ถาม: Spot Instance คืออะไร

Spot Instance คือความสามารถที่สำรองไว้ของ EC2 ซึ่งช่วยให้คุณประหยัดได้ถึง 90% จากราคาแบบตามความต้องการที่ AWS สามารถขัดจังหวะได้ด้วยการแจ้งเตือนภายใน 2 นาที Spot ใช้ EC2 Instance พื้นฐานเดียวกับ On-Demand Instance และ Reserved Instance และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเวิร์กโหลดที่ยืดหยุ่นและทนทานต่อข้อผิดพลาด อินสแตนซ์ Spot มอบทางเลือกเสริมเพื่อเพิ่มความสามารถในการประมวลผลและสามารถใช้ควบคู่กับอินสแตนซ์แบบตามความต้องการและอินสแตนซ์แบบเหมาจ่ายได้

ถาม: Spot Instance แตกต่างจาก On-Demand Instance หรือ Reserved Instance อย่างไร

ระหว่างที่เรียกใช้ อินสแตนซ์ Spot จะทำงานเหมือนกับอินสแตนซ์แบบตามความต้องการและอินสแตนซ์แบบเหมาจ่ายทุกประการ ข้อแตกต่างหลักคือ โดยปกติแล้ว อินสแตนซ์ Spot จะให้ส่วนลดจำนวนมากจากราคาแบบตามต้องการ โดย Amazon EC2 สามารถแทรกแซงอินสแตนซ์ของคุณตามข้อกำหนดด้านความสามารถด้วยการแจ้งเตือนภายใน 2 นาที และราคา Spot จะค่อยๆ ปรับไปตามความต้องการซื้อและความต้องการขายความสามารถสำรองของ EC2 ในระยะยาว

โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอินสแตนซ์ Spot ได้ที่นี่

ถาม: ฉันจะซื้อและเริ่มใช้ Spot Instance ได้อย่างไร

คุณสามารถเปิดใช้ Spot Instance โดยใช้เครื่องมือเดียวกับที่เปิดใช้อินสแตนซ์ตามปกติ ได้แก่ AWS Management Console, Auto-Scaling Groups, Run Instances และ Spot Fleet นอกจากนี้ ยังมีบริการของ AWS อีกมากมายที่รองรับการเปิดใช้ Spot Instance เช่น EMR, ECS, Datapipeline, CloudFormation และ Batch

หากต้องการเริ่มใช้งาน Spot Instance คุณก็เพียงแค่เลือกเทมเพลตเริ่มใช้งาน แล้วเลือกจำนวนอินสแตนซ์ที่คุณต้องการขอ

โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการขออินสแตนซ์ Spot ได้ที่นี่

ถาม: ฉันสามารถขออินสแตนซ์ Spot ได้เท่าใด

คุณสามารถขออินสแตนซ์ Spot ได้ไม่เกินค่าจำกัดในการขออินสแตนซ์ Spot ของคุณในแต่ละเขต โปรดทราบว่าลูกค้าใหม่ของ AWS อาจมีค่าจำกัดที่ค่อนข้างต่ำในช่วงเริ่มต้น หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าจำกัด Spot Instance โปรดดูคู่มือผู้ใช้ Amazon EC2

หากคุณต้องการเพิ่มขีดจำกัด ให้กรอกแบบฟอร์มคำขออินสแตนซ์ Amazon EC2 พร้อมระบุกรณีการใช้งานของคุณ และเราจะพิจารณาเพิ่มอินสแตนซ์ให้คุณ การเพิ่มขีดจำกัดจะขึ้นอยู่กับรีเจี้ยนที่คุณขอใช้งาน

ถาม: ฉันต้องจ่ายค่า Spot Instance ในราคาเท่าใด

คุณจะจ่ายค่า Spot ที่คุณเรียกใช้อยู่ตามราคาที่มีผลบังคับใช้ในช่วงเริ่มของแต่ละอินสแตนซ์-ชั่วโมง หากราคาอินสแตนซ์ Spot มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่คุณเปิดใช้อินสแตนซ์แล้ว เราจะคิดราคาใหม่ดังกล่าวกับการใช้งานอินสแตนซ์ในชั่วโมงต่อๆ ไป

ถาม: Spot Capacity Pool คืออะไร

Spot Capacity Pool คือชุดอินสแตนซ์ EC2 ที่ไม่ได้ใช้งาน โดยมีประเภทอินสแตนซ์ มีระบบปฏิบัติการ และมี Availability Zone เดียวกัน แต่ละ Spot Capacity Pool อาจมีราคาแตกต่างกันได้โดยขึ้นอยู่กับความต้องการซื้อและความต้องการขาย

ถาม: การใช้งานอินสแตนซ์ Spot มีแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดอย่างไร

เราขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ใช้กลุ่มความจุ Spot ที่หลากหลายเพื่อที่จะได้เพิ่มปริมาณพื้นที่ของอินสแตนซ์ Spot ที่คุณใช้งาน EC2 มีระบบอัตโนมัติในตัวสำหรับค้นหาพื้นที่ที่ราคาย่อมเยามากที่สุดจากในกลุ่มปริมาณพื้นที่ Spot ต่างๆ โดยใช้ EC2 Auto Scaling, EC2 Fleet หรือ Spot Fleet สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับ Spot

ถาม: ฉันจะทราบสถานะของคำขอ Spot ได้อย่างไร

คุณจะทราบสถานะของคำขอ Spot ได้ผ่านทางโค้ดและข้อความสถานะคำขอ Spot คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลสถานะคำขอ Spot ได้ในหน้า Spot Instance ใน EC2 Console ของ AWS Management Console, API และ CLI สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่คู่มือสำหรับ Developer ของ Amazon EC2

ถาม: อินสแตนซ์ Spot มีให้บริการในทุกหมวดหมู่ ทุกขนาด และทุกเขตใช่หรือไม่

อินสแตนซ์ Spot มีให้บริการในเขต AWS สาธารณะทั้งหมด Spot มีให้เลือกในเกือบทุกกลุ่มประเภทและขนาดของ EC2 Instance รวมถึงอินสแตนซ์ที่เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล กราฟิกที่เร่งความเร็ว และประเภทอินสแตนซ์ FPGA ใหม่ล่าสุด คุณสามารถดูรายการทั้งหมดของประเภทอินสแตนซ์ที่รองรับในแต่ละ Region ได้ที่นี่

ถาม: ระบบปฏิบัติการใดบ้างที่รองรับรูปแบบอินสแตนซ์ Spot

Linux/UNIX, Windows Server และ Red Hat Enterprise Linux (RHEL) พร้อมรองรับการใช้งาน ในขณะนี้ยังไม่รองรับ Windows Server with SQL Server

ถาม: ฉันสามารถใช้ Spot Instance ที่มี AMI ที่ชำระเงินกับซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สาม (เช่น แพ็กเกจซอฟต์แวร์ของ IBM) ได้หรือไม่

ยังไม่มีในขณะนี้

ถาม: ฉันสามารถหยุดอินสแตนซ์ Spot ที่ทำงานอยู่ได้หรือไม่

ได้ คุณสามารถ “หยุด” อินสแตนซ์ Spot ที่ทำงานอยู่ได้เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ และเก็บอินสแตนซ์ที่หยุดแล้วเหล่านี้ไว้ใช้ในภายหลัง แทนที่จะระงับอินสแตนซ์หรือยกเลิกคำขอ Spot สามารถหยุดได้สำหรับคำขอ Spot ที่ต่อเนื่อง

ถาม: ฉันจะหยุดอินสแตนซ์ Spot ได้อย่างไร

คุณสามารถหยุด Spot Instance ได้โดยเรียกใช้ StopInstances API และระบุ ID อินสแตนซ์ของ Spot Instance ที่เหมือนกับการหยุด On-Demand Instance ของคุณ คุณสามารถทำขั้นตอนนี้ได้ผ่าน AWS Management Console โดยเลือกอินสแตนซ์ของคุณ จากนั้นคลิกการดำเนินการ > สถานะอินสแตนซ์ > หยุด

ตอบ: ฉันจะเริ่มใช้อินสแตนซ์ Spot ที่หยุดแล้วได้อย่างไร

คุณสามารถเริ่มใช้ Spot Instance ที่หยุดแล้วได้โดยเรียกใช้ StartInstances API และระบุ ID อินสแตนซ์ของ Spot Instance ที่เหมือนกับการเริ่มใช้ On-Demand Instance ของคุณ คุณสามารถทำขั้นตอนนี้ได้ผ่าน AWS Management Console โดยเลือกอินสแตนซ์ของคุณ จากนั้นคลิกการดำเนินการ > สถานะอินสแตนซ์ > เริ่ม

หมายเหตุ: อินสแตนซ์ Spot จะเริ่มใช้เมื่อความจุของ Spot พร้อมใช้งานภายในในราคาสูงสุดของคุณเท่านั้น Spot จะประเมินความพร้อมใช้งานของความจุทุกครั้งที่คุณจะเริ่มใช้อินสแตนซ์ Spot ที่หยุดไว้

ถาม: ฉันจะทราบได้อย่างไรว่าฉันเป็นผู้ที่หยุด Spot Instance หรือถูกเข้าแทรกแซง

คุณจะทราบว่าคุณเป็นผู้ที่หยุด Spot Instance หรือถูกเข้าแทรกแซงได้โดยดูที่โค้ดสถานะคำขอ Spot ซึ่งจะแสดงเป็นสถานะคำขอ Spot ในหน้าคำขอ Spot ของ AWS Management Console หรือในการตอบสนองของ DescribeSpotInstanceRequests API ในช่อง “status-code”

หากโค้ดสถานะคำขอ Spot เป็น “instance-stopped-by-user” หมายความว่าคุณเป็นผู้ที่หยุดอินสแตนซ์ Spot

ถาม: หากอินสแตนซ์ Spot ของฉันหยุดหรือถูกแทรกแซง จะมีการเรียกเก็บค่าบริการกับฉันอย่างไร

หากอินสแตนซ์ Spot ของคุณถูก Amazon EC2 ระงับหรือหยุดในชั่วโมงแรกที่ใช้งานอินสแตนซ์ เราจะไม่เรียกเก็บเงินจากคุณสำหรับการใช้งานดังกล่าว อย่างไรก็ดี หากคุณหยุดหรือระงับอินสแตนซ์ Spot ด้วยตัวเอง เราจะเรียกเก็บเงินตามวินาทีก่อนที่จะทำการยกเลิก หากอินสแตนซ์ Spot ของคุณถูก Amazon EC2 ระงับหรือหยุดในชั่วโมงถัดมา เราจะเรียกเก็บเงินสำหรับการใช้งานตามวินาทีก่อนที่จะถูกยกเลิกหรือระงับ หากคุณกำลังเรียกใช้บน Windows หรือ Red Hat Enterprise Linux (RHEL) และคุณหยุดหรือระงับอินสแตนซ์ Spot ด้วยตัวเอง เราจะเรียกเก็บเงินจากคุณเต็มชั่วโมง

ถาม: Spot Instance ของฉันจะถูกเข้าแทรกแซงเมื่อใด

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา 92% ของการแทรกแซง Spot Instance มาจากการที่ลูกค้าทำการยกเลิกอินสแตนซ์ด้วยตนเอง เนื่องจากแอปพลิเคชันทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ในกรณีที่ EC2 จำเป็นต้องเรียกคืน Spot Instance อาจเกิดจากสาเหตุที่เป็นไปได้สองประการ โดยเหตุผลหลักก็คือข้อกำหนดด้านความสามารถของ Amazon EC2 (เช่น การใช้งาน On-Demand Instance และ Reserved Instance) หรือหากคุณเลือกกำหนด "ราคา Spot สูงสุด" แล้วราคา Spot เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่กำหนดไว้ อินสแตนซ์ของคุณจะถูกเรียกคืนด้วยการแจ้งเตือนภายใน 2 นาที ตัวแปรนี้จะเป็นตัวกำหนดราคาสูงสุดที่คุณยินดีจ่ายเป็นค่า Spot Instance รายชั่วโมง และตัวแปรนี้จะได้รับการกำหนดให้เป็นราคาแบบตามความต้องการตามค่าเริ่มต้น คุณจะยังคงจ่ายค่าอินสแตนซ์ Spot ตามราคาตลาดต่อไปเหมือนเช่นเดิมในขณะที่อินสแตนซ์ของคุณกำลังเรียกใช้อยู่ โดยจะเรียกเก็บเงินตามวินาที ไม่ใช่เรียกเก็บตามราคาสูงสุดที่คุณตั้งไว้

ถาม: จะเกิดอะไรขึ้นกับอินสแตนซ์ Spot ของฉันเมื่อถูกแทรกแซง

เมื่อมีการแทรกแซง คุณสามารถเลือกที่จะยกเลิก หยุด หรือระงับอินสแตนซ์ Spot ได้ ตัวเลือกหยุดหรือระงับจะใช้ได้สำหรับคำขอ Spot แบบถาวรและ Spot Fleet ที่เปิดใช้งานตัวเลือก "รักษา" ตามค่าเริ่มต้น อินสแตนซ์ของคุณจะถูกยกเลิก

โปรดดู Spot Hibernation เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับมือกับการขัดจังหวะ

ถาม: การหยุดและการระงับในกรณีที่มีการแทรกแซงแตกต่างกันอย่างไร

ในกรณีที่ระงับ อินสแตนซ์ของคุณจะถูกระงับ และข้อมูล RAM จะยังคงอยู่ ในกรณีที่หยุด อินสแตนซ์ของคุณจะถูกปิด และ RAM จะถูกล้างไป

ในทั้งสองกรณี ข้อมูลจากไดรฟ์ข้อมูลราก EBS ของคุณและไดรฟ์ข้อมูล EBS ใดๆ ที่แนบไปด้วยจะยังคงอยู่ ที่อยู่ IP ส่วนตัวของคุณจะคงอยู่เช่นเดิมเช่นเดียวกับที่อยู่ Elastic IP (ถ้ามี) ลักษณะชั้นเครือข่ายจะคล้ายกับลักษณะเวิร์กโฟลว์หยุด-เริ่ม EC2 ตัวเลือกหยุดและระงับจะใช้ได้กับอินสแตนซ์แบบ Amazon EBS เท่านั้น พื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ในพื้นที่จะไม่คงอยู่

ถาม: จะเป็นเช่นไรหากไดรฟ์ข้อมูลราก EBS ของฉันมีขนาดไม่ใหญ่พอที่จะจัดเก็บหน่วยความจำ (RAM) เพื่อทำการระงับได้

คุณควรมีพื้นที่ในไดรฟ์ข้อมูลราก EBS มากพอที่จะเขียนข้อมูลจากหน่วยความจำได้ หากไดรฟ์ข้อมูลราก EBS มีพื้นที่ไม่มากพอ การระงับจะใช้ไม่ได้ผลและอินสแตนซ์จะถูกปิดแทน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไดรฟ์ข้อมูล EBS มีขนาดใหญ่พอที่จะจัดเก็บข้อมูลหน่วยความจำให้คงอยู่ก่อนที่จะเลือกตัวเลือกระงับ

ถาม: หาก Spot ระงับอินสแตนซ์ของฉันเมื่อถูกแทรกแซง แล้วจะมีประโยชน์อย่างไร

เมื่อระงับ อินสแตนซ์ Spot จะหยุดทำงานชั่วคราวและกลับไปทำงานต่อในจุดที่แทรกแซง ทำให้ปริมาณงานสามารถเริ่มทำงานต่อในจุดที่ค้างไว้ คุณสามารถใช้การระงับได้เมื่อจำเป็นต้องรักษาสถานะของอินสแตนซ์ไว้ในวงจรปิด-เริ่มใช้งาน กล่าวคือ เมื่อแอปพลิเคชันของคุณที่กำลังเรียกใช้อยู่บนอินสแตนซ์ Spot ต้องอาศัยข้อมูลเชิงบริบท ข้อมูลเชิงธุรกิจ หรือข้อมูลเซสชันที่จัดเก็บอยู่ใน RAM

ถาม: ฉันจะทำการระงับอินสแตนซ์ Spot ได้อย่างไร

เรียนรู้เกี่ยวกับการระงับอินสแตนซ์ Spot ได้ที่การระงับอินสแตนซ์ Spot

ถาม: การระงับอินสแตนซ์ Spot มีค่าใช้จ่ายหรือไม่

ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการระงับอินสแตนซ์ Spot นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายพื้นที่จัดเก็บ EBS และทรัพยากรอื่นๆ ของ EC2 ที่คุณอาจใช้งานอยู่ เมื่อระงับอินสแตนซ์แล้ว เราจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้อินสแตนซ์จากคุณ

ถาม: ฉันจะทำให้อินสแตนซ์ที่ระงับอยู่กลับมาทำงานได้หรือไม่

ไม่ได้ คุณจะทำให้อินสแตนซ์ที่ถูกระงับอยู่กลับมาทำงานโดยตรงไม่ได้ Amazon EC2 จะควบคุมวงจรระงับ-ใช้งานต่อ หากอินสแตนซ์ใดที่ถูก Spot ระงับไป อินสแตนซ์นั้นจะกลับมาใช้งานต่อได้ด้วย Amazon EC2 เมื่อมีพื้นที่ว่าง 

ถาม: มีอินสแตนซ์และระบบปฏิบัติการใดที่รองรับการระงับบ้าง

ระบบปฏิบัติการที่รองรับการระงับอินสแตนซ์ Spot ในขณะนี้ ได้แก่ Amazon Linux AMI, Ubuntu และระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ที่เรียกใช้บนอินสแตนซ์ประเภทใดก็ตามในกลุ่มอินสแตนซ์ C3, C4, C5, M4, M5, R3, R4 ที่มีหน่วยความจำ (RAM) ขนาดไม่เกิน 100 GiB

หากต้องการตรวจสอบรายชื่อเวอร์ชัน OS ที่รองรับ โปรดดูการระงับอินสแตนซ์ Spot

ถาม: จะมีการคิดค่าใช้จ่ายอย่างไรหากราคาของ Spot เปลี่ยนไปในขณะที่ฉันกำลังเรียกใช้อินสแตนซ์อยู่

คุณต้องจ่ายราคาต่ออินสแตนซ์-ชั่วโมงที่ตั้งไว้ในช่วงเริ่มของแต่ละอินสแตนซ์-ชั่วโมงเป็นระยะเวลาเต็มชั่วโมง โดยปัดเศษขึ้นให้เป็นวินาทีที่ใกล้เคียงที่สุด

ถาม: ฉันจะดูประวัติการใช้งานอินสแตนซ์ Spot และดูว่าฉันจะได้รับการเรียกเก็บเงินเท่าใดได้จากที่ใด

AWS Management Console จัดทำรายงานการเรียกเก็บเงินโดยละเอียดซึ่งแสดงเวลาที่เริ่มใช้และยกเลิก/หยุดการใช้งานทุกอินสแตนซ์ไว้ด้วย ลูกค้าสามารถตรวจสอบใบเรียกเก็บเงินเทียบกับราคา Spot ที่ผ่านมาได้จาก API เพื่อยืนยันว่าราคา Spot ที่เรียกเก็บนั้นถูกต้อง

ถาม: การบล็อก Spot (อินสแตนซ์ Spot ที่มีการกำหนดเวลาแน่นอน) จะถูกแทรกแซงหรือไม่

บล็อก Spot ออกแบบมาเพื่อไม่ให้ถูกแทรกแซงและจะทำงานอย่างต่อเนื่องตามระยะเวลาที่คุณเลือกไว้ โดยไม่ขึ้นอยู่กับราคาตลาดของ Spot การบล็อก Spot อาจถูกแทรกแซงได้ในกรณีที่ AWS ต้องการพื้นที่ แต่เป็นสถานการณ์ที่พบได้น้อยมาก ในกรณีดังกล่าว เราจะแจ้งเตือนเป็นเวลา 2 นาทีก่อนจะยกเลิกอินสแตนซ์ของคุณ (การแจ้งเตือนการยกเลิก) และเราจะไม่เรียกเก็บเงินสำหรับอินสแตนซ์ที่ได้รับผลกระทบ

ถาม: Spot Fleet คืออะไร

Spot Fleet ช่วยให้คุณสามารถร้องขอและจัดการอินสแตนซ์ Spot หลายอินสแตนซ์ได้โดยอัตโนมัติ โดยมีราคาต่อหน่วยความสามารถสำหรับคลัสเตอร์หรือแอปพลิเคชันของคุณที่ถูกที่สุด เช่น งานประมวลผลเป็นชุด เวิร์กโฟลว์ Hadoop หรืองานประมวลผลตาราง HPC คุณสามารถรวมประเภทของอินสแตนซ์ที่แอปพลิเคชันของคุณใช้งานได้ด้วย คุณสามารถกำหนดพื้นที่เป้าหมายได้ตามความต้องการของแอปพลิเคชัน (ในหน่วยต่างๆ รวมถึงอินสแตนซ์, vCPU, หน่วยความจำ พื้นที่จัดเก็บ หรือความสามารถในการรับส่งข้อมูลของเครือข่าย) และทำการอัปเดตพื้นที่เป้าหมายหลังจากที่เปิดใช้กลุ่มแล้ว Spot Fleet ช่วยให้คุณสามารถเปิดใช้และรักษาพื้นที่เป้าหมายได้ และขอทรัพยากรโดยอัตโนมัติเพื่อแทนที่ส่วนที่ถูกแทรกแซงหรือที่คุณยกเลิกด้วยตัวเอง  เรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Spot Fleet

ถาม: มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขอ Spot Fleet หรือไม่

ไม่มี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการขอ Spot Fleet แต่อย่างใด

ถาม: มีการจำกัดอะไรบ้างในการขอ Spot Fleet

ไปที่ส่วนขีดจำกัดของ Spot Fleet ของคู่มือผู้ใช้ Amazon EC2 เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับขีดจำกัดที่ใช้กับคำขอ Spot Fleet

ถาม: จะเกิดอะไรขึ้นหากคำขอ Spot Fleet ของฉันพยายามเปิดใช้ Spot Instance แต่ว่าเกินขีดจำกัดในการขอ Spot ใน Region ของฉัน

หากคำขอ Spot Fleet เกินกว่าขีดจำกัดในการขอ Spot Instance ใน Region ของคุณ คำขออินสแตนซ์ Spot ที่เป็นรายการเดี่ยวจะตกไปพร้อมกับมี “สถานะคำขอ Spot เกินขีดจำกัด” ประวัติคำขอ Spot Fleet ของคุณจะแสดงข้อผิดพลาดเกี่ยวกับขีดจำกัดในการขอ Spot ที่คำขอ Fleet ได้รับ ไปที่ส่วนการเฝ้าติดตาม Spot Fleet ของคู่มือผู้ใช้ Amazon EC2 เพื่อเรียนรู้วิธีการตีความประวัติคำขอ Spot Fleet ของคุณ

ถาม: จะได้ Spot Fleet ตามที่ขอไปเสมอใช่หรือไม่

ไม่ การขอ Spot Fleet ช่วยให้คุณสามารถใส่คำขอ Spot Instance หลายๆ คำขอพร้อมกันได้ และจะขึ้นอยู่กับความพร้อมใช้งานและราคาเช่นเดียวกับการขอ Spot Instance แบบเดี่ยว ตัวอย่างเช่น หากเราไม่มีทรัพยากรสำหรับประเภทอินสแตนซ์ตามที่คุณลงรายการไว้ในคำขอ Spot Fleet เราอาจจะไม่สามารถตอบสนองตามคำขอของคุณได้ในบางส่วนหรือทั้งหมด เราขอแนะนำให้คุณรวมประเภทอินสแตนซ์และ Availability Zone ทั้งหมดที่เหมาะกับเวิร์กโหลดของคุณไว้ใน Spot Fleet

ถาม: ฉันจะสามารถส่งคำขอ Spot Fleet ในหลากหลาย Availability Zone ได้หรือไม่

ได้ ไปที่ส่วนตัวอย่าง Spot Fleet ของคู่มือผู้ใช้ Amazon EC2 เพื่อเรียนรู้วิธีการส่งคำขอ Spot Fleet ในหลาย Availability Zone

ถาม: ฉันจะสามารถส่งคำขอ Spot Fleet ในหลากหลายภูมิภาคได้หรือไม่

ไม่ได้ เราไม่รองรับการขอ Fleet ในหลากหลายภูมิภาค

ถาม: Spot Fleet มีวิธีจัดสรรทรัพยากรระหว่างกลุ่ม Spot Instance ต่างๆ ที่ระบุไว้ในข้อกำหนดในการเปิดใช้อย่างไร

RequestSpotFleet API จะมีกลยุทธ์ในการจัดสรรสามแบบ ได้แก่: ปรับความสามารถให้เหมาะสม ราคาถูกที่สุด และมีความหลากหลาย กลยุทธ์การจัดสรรแบบปรับความสามารถให้เหมาะสมจะพยายามจัดหา Spot Instance จากกลุ่ม Spot Instance ที่มีอยู่มากที่สุดโดยการวิเคราะห์ตัววัดความสามารถ โดยกลยุทธ์นี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับปริมาณงานที่มีค่าใช้จ่ายการขัดจังหวะที่สูงขึ้น เช่น Big Data และการวิเคราะห์ การแสดงผลภาพและสื่อ, Machine Learning, และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง

กลยุทธ์ราคาถูกที่สุดจะช่วยให้คุณสามารถจัดเตรียมทรัพยากร Spot Fleet ในกลุ่มอินสแตนซ์ที่มีราคาต่อหน่วยความสามารถถูกที่สุด ณ เวลาที่ขอ กลยุทธ์ความหลากหลายจะช่วยให้คุณสามารถจัดเตรียมทรัพยากร Spot Fleet ในกลุ่ม Spot Instance หลายกลุ่มได้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถรักษาพื้นที่เป้าหมายในกลุ่มของคุณได้และช่วยเพิ่มความพร้อมใช้งานให้กับแอปพลิเคชันของคุณในขณะที่พื้นที่ Spot มีความผันผวน

การเรียกใช้ทรัพยากรต่างๆ ในแอปพลิเคชันของคุณในกลุ่ม Spot Instance ที่มีความหลากหลายยังช่วยให้คุณสามารถลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานกลุ่มของคุณได้ในระยะยาวอีกด้วย ไปที่คู่มือผู้ใช้ Amazon EC2 เพื่อเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติม

ถาม: ฉันจะสามารถแท็กคำขอ Spot Fleet ได้หรือไม่

คุณสามารถขอเปิดใช้อินสแตนซ์ Spot ด้วยแท็กผ่านทาง Spot Fleet ได้ แต่ Fleet เองไม่สามารถแท็กได้

ถาม: ฉันจะดูได้อย่างไรว่า Spot Fleet ใดเป็นเจ้าของอินสแตนซ์ Spot ของฉัน

คุณสามารถระบุอินสแตนซ์ Spot ที่เกี่ยวข้องกับ Spot Fleet ของคุณได้โดยอธิบายไว้ในคำขอกลุ่ม คุณสามารถขอกลุ่มได้ภายในเวลา 48 ชั่วโมงหลังจากที่ยกเลิกอินสแตนซ์ Spot ทั้งหมดไปแล้ว ดูคู่มือผู้ใช้ Amazon EC2 เพื่อเรียนรู้วิธีการอธิบายคำขอ Spot Fleet

ถาม: ฉันจะสามารถแก้ไขคำขอ Spot Fleet ได้ใช่หรือไม่

ใช่ คุณสามารถแก้ไขความสามารถเป้าหมายในคำขอ Spot Fleet ได้ คุณอาจต้องยกเลิกคำขอและส่งคำขอใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวแปรในการกำหนดค่าคำขออื่นๆ

ถาม: ฉันจะสามารถระบุ AMI ที่แตกต่างกันสำหรับอินสแตนซ์แต่ละประเภทที่ต้องการใช้งานได้ใช่หรือไม่

ใช่ เพียงแค่ระบุ AMI ที่ต้องการเปิดใช้ในข้อกำหนดในการเปิดใช้ที่คุณแจ้งไว้ในคำขอ Spot Fleet

ถาม: ฉันสามารถใช้ Spot Fleet ที่มี Elastic Load Balancing, Auto Scaling หรือ Elastic MapReduce ได้หรือไม่

คุณสามารถใช้คุณสมบัติ Auto Scaling กับ Spot Fleet ได้ เช่น การติดตามเป้าหมาย การตรวจสอบความสมบูรณ์ ตัววัด CloudWatch ฯลฯ และสามารถแนบอินสแตนซ์ไปกับ Elastic Load Balancer ได้ (ทั้ง Classic Load Balancer และ Application Load Balancer) Elastic MapReduce มีคุณสมบัติหนึ่งที่ชื่อว่า “กลุ่มอินสแตนซ์” ที่มีความสามารถคล้ายคลึงกับ Spot Fleet

ถาม: คำขอ Spot Fleet จะยกเลิกอินสแตนซ์ Spot หรือไม่ในกรณีที่ไม่ได้เรียกใช้ในกลุ่ม Spot ที่ราคาถูกที่สุดหรือปรับความสามารถให้เหมาะสมอีกต่อไปแล้วและเปิดใช้ใหม่อีกครั้ง

ไม่ คำขอ Spot Fleet จะไม่ยกเลิกอินสแตนซ์และเปิดใช้อินสแตนซ์ใหม่โดยอัตโนมัติในขณะที่อินสแตนซ์นั้นกำลังทำงานอยู่ อย่างไรก็ตาม หากคุณยกเลิก Spot Instance แล้ว Spot Fleet จะชดเชยอินสแตนซ์นั้นด้วย Spot Instance ใหม่ในกลุ่มใหม่ที่ราคาถูกที่สุดหรือปรับความสามารถให้เหมาะสมตามกลยุทธ์การจัดสรรทรัพยากรของคุณ

ถาม: ฉันจะสั่งให้หยุดหรือระงับการแทรกแซง Spot Fleet ของฉันได้หรือไม่

ใช่ วงจรหยุด-เริ่มและวงจรระงับ-ใช้งานต่อจะสามารถใช้งานได้กับ Spot Fleet ที่เปิดตัวเลือก "รักษา" ไว้ 

แพลตฟอร์ม

Amazon Time Sync Service

ถาม: ถาม: ฉันจะใช้บริการนี้ได้อย่างไร

บริการนี้มีตำแหน่งข้อมูล NTP ที่อยู่ IP แบบเชื่อมโยงภายใน (169.254.169.123) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้จากทุกอินสแตนซ์ที่เรียกใช้ใน VPC มีคำแนะนำสำหรับการกำหนดค่าไคลเอ็นต์ NTP สำหรับLinux และ Windows

ถาม: ประโยชน์ที่สำคัญของการใช้บริการนี้คืออะไร

แหล่งเวลาอ้างอิงที่ถูกต้องและสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแอปพลิเคชันและบริการจำนวนมาก Amazon Time Sync Service มีการอ้างอิงเวลาที่สามารถเข้าถึงได้อย่างปลอดภัยจากอินสแตนซ์ โดยไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและอัปเดตการกำหนดค่า VPC ซึ่งสร้างขึ้นจากโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของ Amazon และใช้แหล่งเวลาอ้างอิงแบบซ้ำซ้อนเพื่อให้แน่ใจว่ามีความถูกต้องและมีความพร้อมใช้งานสูง

ถาม: บริการนี้รองรับอินสแตนซ์ประเภทใด

ทุกอินสแตนซ์ที่เรียกใช้ใน VPC จะสามารถเข้าถึงบริการนี้ได้

Availability Zone

ถาม: Availability Zone แต่ละเขตพื้นที่แยกออกจากกันอย่างไร

แต่ละ Availability Zone จะเรียกใช้บนโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพเฉพาะของตนอย่างเป็นอิสระ และได้รับการออกแบบมาให้มีความน่าเชื่อถือสูง โดยจะไม่มีการใช้จุดที่เกิดข้อผิดพลาดทั่วไป อย่างเช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้าและอุปกรณ์ระบายความร้อน ร่วมกันระหว่าง Availability Zone นอกจากนี้ ยังมีการแยกพื้นที่ออกจากกันทางกายภาพ เพื่อให้ความเสียหายร้ายแรงที่ไม่ปกติ อย่างเช่น อัคคีภัย พายุทอร์นาโด หรืออุทกภัย เกิดผลกระทบต่อ Availability Zone เพียงเขตพื้นที่เดียว

ถาม: Amazon EC2 ทำงานใน AWS Region มากกว่าหนึ่งแห่งใช่หรือไม่

ใช่ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และความพร้อมให้บริการตาม Region จากผลิตภัณฑ์และบริการระดับ Region

ถาม: ฉันจะมั่นใจได้อย่างไรว่าฉันอยู่ใน Availability Zone เดียวกันกับผู้พัฒนาอีกราย

ขณะนี้ เรายังไม่รองรับความสามารถในการประสานการเปิดใช้ใน Availability Zone เดียวกันข้ามบัญชี Developer AWS ชื่อ Availability Zone เดียว (ตัวอย่างเช่น us-east-1a) ในบัญชีลูกค้า AWS สองบัญชีอาจสัมพันธ์กับ Availability Zone ที่ต่างกันทางกายภาพ

ถาม: หากฉันโอนข้อมูลระหว่าง Availability Zone โดยใช้ที่อยู่ IP สาธารณะ จะมีการคิดค่าใช้จ่ายสำหรับการโอนข้อมูลใน Region (ครั้งแรกสำหรับการข้ามเขตพื้นที่ และครั้งที่สองสำหรับการใช้ที่อยู่ IP สาธารณะ) หรือไม่

ไม่มี อัตราการโอนข้อมูลใน Region จะมีผลบังคับใช้ หากมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ แต่จะมีการคิดค่าบริการจากคุณเพียงครั้งเดียวสำหรับอินสแตนซ์ที่กำหนด แม้ว่าจะมีการดำเนินการทั้งสองอย่างก็ตาม

  • อินสแตนซ์อีกรายการหนึ่งอยู่ใน Availability Zone อื่น ไม่ว่าจะใช้ที่อยู่ประเภทใดก็ตาม
  • มีการใช้ที่อยู่ IP สาธารณะหรือที่อยู่ Elastic IP ไม่ว่าอินสแตนซ์อีกรายการหนึ่งจะอยู่ใน Availability Zone ใดก็ตาม

อินสแตนซ์แบบคลัสเตอร์

ถาม: อินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์คืออะไร

อินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์รวมทรัพยากรที่มีการประมวลผลสูงเข้ากับระบบเครือข่ายประสิทธิภาพสูงสำหรับแอปพลิเคชัน HPC และแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่ต้องใช้เครือข่ายอย่างมาก อินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์มีฟังก์ชันคล้ายกับอินสแตนซ์ Amazon EC2 อื่นๆ แต่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะเพื่อให้มีระบบเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง

ฟังก์ชันการทำงานการจัดกลุ่มคลัสเตอร์ไว้ในที่เดียวกันของ Amazon EC2 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดกลุ่มอินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์เป็นคลัสเตอร์ได้ เพื่อให้แอปพลิเคชันสามารถใช้งานเครือข่ายที่มีเวลาแฝงต่ำซึ่งจำเป็นสำหรับการสื่อสารแบบโหนดต่อโหนดที่เชื่อมกันแบบแน่นหนา ซึ่งเป็นแบบแผนของแอปพลิเคชัน HPC จำนวนมาก นอกจากนี้ อินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์ยังมีอัตราการโอนถ่ายข้อมูลเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในสภาพแวดล้อม Amazon EC2 และบนอินเทอร์เน็ต ด้วยเหตุนี้ อินสแตนซ์เหล่านี้จึงเหมาะสมกับแอปพลิเคชันของลูกค้าที่ต้องการใช้งานเครือข่ายอย่างมาก

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานอินสแตนซ์ประเภทนี้สำหรับแอปพลิเคชัน HPC

ถาม: ฉันจะคาดหวังประสิทธิภาพเครือข่ายได้ในระดับใดเมื่อเปิดใช้อินสแตนซ์ในกลุ่มการจัดวางคลัสเตอร์

แบนด์วิดท์อินสแตนซ์ EC2 สามารถใช้ประโยชน์ในการจัดกลุ่มคลัสเตอร์ไว้ในที่เดียวกัน โดยขึ้นอยู่กับประเภทอินสแตนซ์และข้อกำหนดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครือข่าย ปริมาณการใช้งานระหว่างอินสแตนซ์ภายใน Region เดียวกันสามารถใช้ความเร็วได้ 5 Gbps สำหรับการรับส่งข้อมูลแบบ Single-flow และ 25 Gbps สำหรับแบบ Multiflow เมื่อเปิดใช้ในการจัดกลุ่มไว้ในที่เดียวกัน การเลือกอินสแตนซ์ EC2 จะสามารถใช้ความเร็วได้สูงสุด 10 Gbps สำหรับการรับส่งข้อมูลแบบ Single-flow

ถาม: อินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์คืออะไร

อินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) สำหรับงานทั่วไปที่มี CPU สูงตามสัดส่วนและประสิทธิภาพเครือข่ายที่มากยิ่งขึ้นสำหรับแอปพลิเคชันต่างๆ โดยใช้ประโยชน์จากการประมวลผลแบบขนานสูงที่สามารถเร่งความเร็วได้ด้วย GPU โดยใช้รูปแบบการเขียนโปรแกรม CUDA และ OpenCL แอปพลิเคชันทั่วไป ได้แก่ การสร้างโมเดลและการจำลอง การแสดงผล และการประมวลผลสื่อ

อินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์ช่วยให้ลูกค้าที่มีเวิร์กโหลด HPC ได้มีตัวเลือกนอกเหนือจากอินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์เพื่อปรับแต่งคลัสเตอร์ประสิทธิภาพสูงเพิ่มเติมในระบบคลาวด์สำหรับแอปพลิเคชันเอง ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากพลังการประมวลผลแบบขนานของ GPU

อินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์ใช้ฟังก์ชันการทำงานการจัดกลุ่มคลัสเตอร์ไว้ในที่เดียวกันอันเดียวกับอินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์เพื่อจัดกลุ่มอินสแตนซ์ให้เป็นคลัสเตอร์ ซึ่งช่วยให้แอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพเครือข่ายแบนด์วิดท์สูงที่มีเวลาแฝงต่ำ ซึ่งจำเป็นสำหรับการสื่อสารแบบโหนดต่อโหนดที่เชื่อมกันแบบแน่นหนาซึ่งเป็นแบบแผนของแอปพลิเคชัน HPC จำนวนมาก

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ HPC บน AWS

ถาม: อินสแตนซ์แบบคลัสเตอร์หน่วยความจำสูงคืออะไร

นอกจากความสามารถในเครือข่ายที่สูงแล้ว อินสแตนซ์แบบคลัสเตอร์หน่วยความจำสูงยังช่วยให้ลูกค้าได้มีหน่วยความจำและความสามารถของ CPU ในปริมาณมากต่ออินสแตนซ์ อินสแตนซ์ประเภทเหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเวิร์กโหลดที่ต้องใช้หน่วยความจำอย่างมาก รวมทั้งระบบวิเคราะห์ข้อมูลในหน่วยความจำ การวิเคราะห์กราฟ และแอปพลิเคชันทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม

อินสแตนซ์แบบคลัสเตอร์หน่วยความจำสูงใช้ฟังก์ชันการทำงานการจัดกลุ่มคลัสเตอร์ไว้ในที่เดียวกันแบบเดียวกันกับอินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์เพื่อจัดกลุ่มอินสแตนซ์ให้เป็นคลัสเตอร์ ซึ่งช่วยให้แอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพเครือข่ายแบนด์วิดท์สูงที่มีเวลาแฝงต่ำ ซึ่งจำเป็นสำหรับการสื่อสารแบบโหนดต่อโหนดที่เชื่อมกันแบบแน่นหนาซึ่งเป็นแบบแผนของแอปพลิเคชัน HPC และแอปพลิเคชันที่ใช้เครือข่ายสูงอื่นๆ

ถาม การใช้อินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์และอินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์แตกต่างจาก อินสแตนซ์ Amazon EC2 ประเภทอื่นหรือไม่

อินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์และอินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์แตกต่างจากอินสแตนซ์ Amazon EC2 ประเภทอื่นในสองประการ

ประการแรก อินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์และอินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์ใช้การจำลองเสมือนแบบ Hardware Virtual Machine (HVM) และเรียกใช้เฉพาะ Amazon Machine Image (AMI) ตามการจำลองเสมือนแบบ HVM AMI ที่ใช้ Paravirtual Machine (PVM) ซึ่งใช้กับประเภท Amazon EC2 Instance อื่นๆ จะไม่สามารถใช้กับอินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์และอินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์ได้

ประการที่สอง เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากเวลาแฝงต่ำที่มีอยู่ แบนด์วิดท์เซกชันคู่เต็มรูปแบบระหว่างอินสแตนซ์ อินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์และอินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์ จะต้องเปิดใช้ไปยังกลุ่มการจัดวางคลัสเตอร์ผ่าน Amazon EC2 API หรือ AWS Management Console

ถาม: กลุ่มการจัดวางคลัสเตอร์คืออะไร

กลุ่มการจัดวางคลัสเตอร์เป็นเอนทิตีเชิงตรรกะที่ช่วยให้สามารถสร้างคลัสเตอร์ของอินสแตนซ์โดยการเรียกใช้อินสแตนซ์เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม คลัสเตอร์ของอินสแตนซ์จึงมีการเชื่อมต่อที่มีเวลาแฝงต่ำระหว่างอินสแตนซ์ในกลุ่ม กลุ่มการจัดวางคลัสเตอร์จะสร้างผ่าน Amazon EC2 API หรือ AWS Management Console

ถาม: คุณสมบัติทั้งหมดของ Amazon EC2 ใช้ได้กับอินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์และอินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์หรือไม่

ในปัจจุบัน Amazon DevPay ไม่สามารถใช้งานได้กับอินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์และอินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์

ถาม: มีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนอินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์และอินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์ที่ฉันสามารถใช้ได้ และ/หรือขนาดของคลัสเตอร์ที่ฉันสามารถสร้างได้โดยการเปิดใช้อินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์หรือ Cluster GPU ในกลุ่มการจัดวางคลัสเตอร์หรือไม่

ไม่มีข้อจำกัดเฉพาะสำหรับอินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์ สำหรับอินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์ คุณสามารถเปิดใช้ 2 อินสแตนซ์ด้วยตัวคุณเองได้ ถ้าคุณต้องการความจุเพิ่มเติม โปรดกรอกแบบฟอร์มคำขออินสแตนซ์ Amazon EC2 (เลือกประเภทของอินสแตนซ์หลักที่เหมาะสม)

ถาม: มีวิธีการใดที่ช่วยเพิ่มโอกาสได้รับอินสแตนซ์ทั้งหมดที่ฉันขอให้กับคลัสเตอร์ผ่านทางกลุ่มการจัดวางคลัสเตอร์

เราขอแนะนำให้คุณเปิดใช้อินสแตนซ์ขั้นต่ำที่จำเป็นสำหรับการเข้าร่วมในคลัสเตอร์ในการเปิดใช้ครั้งเดียว สำหรับคลัสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่มาก คุณควรเปิดใช้กลุ่มการจัดวางหลายกลุ่ม เช่น การจัดวางที่มี 128 อินสแตนซ์สองกลุ่ม แล้วนำมารวมกันเพื่อสร้างอินสแตนซ์ขนาดใหญ่ 256 คลัสเตอร์

ถาม: อินสแตนซ์ GPU แบบคลัสเตอร์และอินสแตนซ์การประมวลผลแบบคลัสเตอร์ สามารถเปิดใช้ในกลุ่มการจัดวางแบบคลัสเตอร์เดียวได้หรือไม่

แม้ว่าอาจเป็นไปได้ที่จะเปิดใช้ประเภทอินสแตนซ์แบบคลัสเตอร์ที่แตกต่างกันในกลุ่มการจัดวางเดียวก็ตาม แต่ในขณะนี้เราสนับสนุนเฉพาะกลุ่มการจัดวางที่เหมือนกันเท่านั้น

ถาม: ถ้าอินสแตนซ์ในกลุ่มการจัดวางคลัสเตอร์หยุดทำงานแล้วเริ่มต้นอีกครั้ง จะมีการรักษาสถานะในกลุ่มการจัดวางคลัสเตอร์หรือไม่

ได้ อินสแตนซ์ที่หยุดไปจะเริ่มทำงานเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มการจัดวางคลัสเตอร์ที่เคยอยู่ในช่วงที่หยุดทำงาน ถ้าความจุไม่พร้อมใช้งานสำหรับการเริ่มต้นภายในกลุ่มการจัดวางคลัสเตอร์ การเริ่มต้นจะล้มเหลว

ข้อมูลเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์

ถาม: ตัวเลือก CPU ที่พร้อมให้บริการบน EC2 instance มีอะไรบ้าง

EC2 instance นำเสนอตัวเลือก CPU ที่หลากหลายเพื่อช่วยให้ลูกค้าปรับสมดุลของความจำเป็นด้านประสิทธิภาพและค่าใช้จ่าย  EC2 นำเสนอตัวเลือกของ CPU ได้แก่ โปรเซสเซอร์ Graviton/Graviton2 ของ AWS (Arm), โปรเซสเซอร์ AMD (x86) และโปรเซสเซอร์ Intel (x86) โดยขึ้นอยู่กับประเภทอินสแตนซ์

ถาม: สแตกแอปพลิเคชันของฉันจะทำงานบนฮาร์ดแวร์ชนิดใด

ไปที่ Amazon EC2 Instance เพื่อดูรายการ EC2 instance ที่มีให้บริการตามภูมิภาค

ถาม: EC2 ดำเนินการซ่อมบำรุงอย่างไร

AWS ดำเนินการซ่อมบำรุงฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเครือข่ายเป็นประจำโดยมีผลกระทบต่อประเภท EC2 Instance ทั้งหมดน้อยที่สุด ในการซ่อมบำรุงนี้ เราใช้เทคโนโลยีและวิธีการต่างๆ ทั่วทั้งโครงสร้างพื้นฐานสากลของ AWS เช่น การอัปเดตสดและการย้ายสด รวมถึงระบบสำรองและซ่อมบำรุงได้พร้อมกัน เทคโนโลยีการซ่อมบำรุงแบบไม่ทำลาย เช่น การอัปเดตสดและการย้ายสด ซึ่งไม่จำเป็นต้องหยุดหรือรีบูตอินสแตนซ์ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ ก่อน ระหว่าง หรือหลังการย้ายสดหรือการอัปเดตสด เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยปรับปรุงสถานะเวลาทำงานของแอปพลิเคชันและลดความพยายามในการดำเนินงานของคุณ Amazon EC2 ใช้การอัปเดตสดเพื่อติดตั้งใช้งานซอฟต์แวร์กับเซิร์ฟเวอร์อย่างรวดเร็วโดยมีผลกระทบต่ออินสแตนซ์ของลูกค้าน้อยที่สุด การอัปเดตแบบสดช่วยรับรองได้ว่าเวิร์กโหลดของลูกค้าจะทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ด้วยซอฟต์แวร์ที่อัปเดตแพตช์ความปลอดภัย ฟีเจอร์อินสแตนซ์ใหม่ และการปรับปรุงประสิทธิภาพที่เป็นปัจจุบัน Amazon EC2 ใช้การย้ายสดเมื่อจำเป็นต้องย้ายอินสแตนซ์ที่ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์หนึ่งไปยังอีกเซิร์ฟเวอร์หนึ่งเพื่อซ่อมบำรุงฮาร์ดแวร์หรือเพื่อปรับตำแหน่งของอินสแตนซ์ให้เหมาะสม หรือเพื่อจัดการทรัพยากร CPU แบบไดนามิก Amazon EC2 ได้ขยายขอบเขตและความครอบคลุมของเทคโนโลยีการซ่อมบำรุงแบบไม่ทำลายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อทำให้กิจกรรมการซ่อมบำรุงตามกำหนดการเป็นตัวเลือกสำรองแทนที่จะเป็นตัวเลือกหลักในการเปิดใช้งานการซ่อมบำรุงตามปกติ

ถาม: ฉันจะเลือกประเภทอินสแตนซ์ให้ถูกต้องอย่างไร

Amazon EC2 instance แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ อินสแตนซ์สำหรับงานทั่วไป เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำ เพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่จัดเก็บ และเร่งการประมวลผล อินสแตนซ์สำหรับงานทั่วไปมีอัตราส่วนหน่วยความจำต่อ CPU ที่เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันทั่วไปส่วนใหญ่ และมาพร้อมกับประสิทธิภาพแบบคงที่หรือประสิทธิภาพที่ขยายได้ อินสแตนซ์แบบเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลจะมีสัดส่วนทรัพยากร CPU มากกว่าหน่วยความจำ (RAM) และเหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่เน้นการประมวลผลแบบปรับขนาดและเวิร์กโหลดการประมวลผลสมรรถนะสูง (HPC) อินสแตนซ์แบบเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำนำเสนอหน่วยความจำขนาดใหญ่ขึ้นสำหรับแอปพลิเคชันที่ใช้หน่วยความจำเป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงแอปพลิเคชันการแคชฐานข้อมูลและหน่วยความจำ อินสแตนซ์แบบเร่งการประมวลผลใช้ตัวเร่งฮาร์ดแวร์ หรือหน่วยประมวลผลร่วม เพื่อทำหน้าที่ต่างๆ อย่างการคำนวณเลขจุดทศนิยมลอยตัว การประมวลผลกราฟิก หรือการจับคู่รูปแบบข้อมูล ซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ซอฟต์แวร์ที่ทำงานบน CPU อินสแตนซ์แบบเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่จัดเก็บมอบความจุ I/O เวลาแฝงต่ำโดยใช้พื้นที่จัดเก็บอินสแตนซ์ภายในแบบ SSD สำหรับแอปพลิเคชันที่เน้น I/O รวมถึงอินสแตนซ์พื้นที่จัดเก็บแบบ HDD หนาแน่น ซึ่งมอบความหนาแน่นของพื้นที่จัดเก็บสูงภายในเครื่องและประสิทธิภาพ I/O แบบเรียงลำดับสำหรับการเก็บข้อมูลในคลังข้อมูล, Hadoop และแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่เน้นข้อมูล ในการเลือกประเภทอินสแตนซ์ คุณควรพิจารณาลักษณะเฉพาะของแอปพลิเคชันในแง่ของการใช้ทรัพยากร (เช่น CPU หน่วยความจำ พื้นที่จัดเก็บ) แล้วเลือกกลุ่มประเภทและขนาดอินสแตนซ์ที่เหมาะสมที่สุด

ถาม: “หน่วยประมวลผล EC2” คืออะไรและเพราะเหตุใดคุณจึงแนะนำ

โดยพื้นฐานแล้ว การเปลี่ยนเป็นโมเดลการประมวลผลอรรถประโยชน์จะเปลี่ยนวิธีการฝึกอบรม Developer ให้คิดเกี่ยวกับทรัพยากร CPU แทนที่จะซื้อหรือเช่าซื้อตัวประมวลผลเฉพาะเพื่อใช้เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี คุณกำลังเช่าความจุเป็นรายชั่วโมง เนื่องจาก Amazon EC2 สร้างขึ้นบนฮาร์ดแวร์ทั่วไป ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปอาจมีฮาร์ดแวร์หลายประเภทต่างกันที่เป็นพื้นฐานของ EC2 Instance เป้าหมายของเราคือการให้จำนวนความจุของ CPU ที่มีความสม่ำเสมอ ไม่ว่าฮาร์ดแวร์พื้นฐานที่ใช้จริงจะเป็นแบบใด

Amazon EC2 ใช้มาตรการที่หลากหลายในการจัดเตรียมอินสแตนซ์แต่ละรายการที่มีจำนวนความจุของ CPU สม่ำเสมอและคาดการณ์ได้ เพื่อให้ Developer สามารถเปรียบเทียบความจุของ CPU ระหว่างประเภทอินสแตนซ์ต่างๆ ได้ง่าย เราจึงได้ให้คำจำกัดความเกี่ยวกับหน่วยประมวลผลของ Amazon EC2 จำนวน CPU ที่จัดสรรให้อินสแตนซ์ใดๆ จะเรียกว่าเป็นหน่วยประมวลผล EC2 เราใช้เกณฑ์มาตรฐานและการทดสอบต่างๆ เพื่อจัดการเกี่ยวกับความสม่ำเสมอและความสามารถในการคาดการณ์ของประสิทธิภาพการทำงานจากหน่วยประมวลผล EC2 หน่วยประมวลผล EC2 (ECU) มีมาตรการที่เกี่ยวข้องสำหรับความสามารถในการประมวลผลจำนวนเต็มของ Amazon EC2 Instance เมื่อเวลาผ่านไป เราอาจเพิ่มหรือแทนที่มาตรการในการกำหนดหน่วยประมวลผล EC2 หากเราพบเมตริกที่จะทำให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับความจุในการประมวลผล

ถาม: EC2 ทำให้มั่นใจได้อย่างไรว่าประสิทธิภาพของประเภทอินสแตนซ์จะสม่ำเสมออยู่ตลอดเวลา

AWS สร้างเกณฑ์มาตรฐานด้านประสิทธิภาพประจำปีของประสิทธิภาพการประมวลผล Linux และ Windows บนประเภท EC2 Instance ผลลัพธ์ของการสร้างเกณฑ์มาตรฐานคือชุดการทดสอบที่ลูกค้าสามารถใช้ทำการทดสอบแบบอิสระได้ และคำแนะนำเกี่ยวกับความผันแปรทางประสิทธิภาพที่คาดหวังจะมีให้ใช้งานภายใต้ NDA สำหรับอินสแตนซ์ M,C,R, T และ z1d โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายของคุณเพื่อขอรับบริการดังกล่าว

ถาม: ประเภท Amazon EC2 instance มีความพร้อมให้บริการในระดับภูมิภาคอย่างไรบ้าง

สำหรับรายการอินสแตนซ์ทั้งหมดและความพร้อมใช้งานในภูมิภาค โปรดไปที่ราคาของ Amazon EC2

อินสแตนซ์ Micro

ถาม: อินสแตนซ์ Micro มีพลังในการประมวลผลเท่าใด

อินสแตนซ์ Micro จะให้ทรัพยากร CPU อย่างสม่ำเสมอในปริมาณเล็กน้อยและช่วยให้คุณสามารถขยายพื้นที่ CPU ได้สูงสุดถึง 2 ECU เมื่อมีรอบวงจรเพิ่มเติม โดยเหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่มีความสามารถในการรับส่งข้อมูลต่ำๆ และเว็บไซต์ที่ในบางครั้งใช้รอบวงจรในการประมวลผลจำนวนมาก แต่ในบางครั้งใช้ CPU น้อยมากในการประมวลผลเบื้องหลัง หรือ Daemons ฯลฯ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้อินสแตนซ์ประเภทนี้

ถาม: Micro Instance เป็นอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับอินสแตนซ์ Standard Small ด้านพลังในการประมวลผล

ในสภาวะคงที่อินสแตนซ์ Micro จะได้รับทรัพยากรในการประมวลผลเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของอินสแตนซ์ Small ดังนั้น หากแอปพลิเคชันของคุณจำเป็นต้องใช้พลังในการประมวลผลสูงหรือต้องมีสภาวะคงที่ เราขอแนะนำให้ใช้อินสแตนซ์ Small (หรืออินสแตนซ์ที่ใหญ่กว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ) อย่างไรก็ตาม ในบางคราวอินสแตนซ์ Micro อาจขยายได้ถึง 2 ECU (ในช่วงเวลาสั้นๆ) ซึ่งนับว่าเป็น ECU จำนวน 2 เท่าเมื่อเทียบกับอินสแตนซ์ Standard Small ดังนั้น หากคุณมีแอปพลิเคชันที่มีความสามารถด้าน Throughput ค่อนข้างต่ำหรือมีเว็บไซต์ที่จำเป็นต้องใช้รอบวงจรในการประมวลผลจำนวนมากเป็นครั้งคราว เราขอแนะนำให้ใช้อินสแตนซ์ Micro

ถาม: ฉันจะทราบได้อย่างไรว่าแอปพลิเคชันจำเป็นต้องใช้ทรัพยากร CPU มากกว่าที่ Micro Instance กำลังให้

ตัววัด CloudWatch ที่เฝ้าติดตามการใช้งาน CPU จะรายงานให้ทราบว่ามีการใช้งานเต็ม 100% หากอินสแตนซ์มีการขยายมากจนกระทั่งเกินทรัพยากรของ CPU ที่มีอยู่ในช่วงนาทีที่ CloudWatch กำลังเฝ้าติดตามอยู่ เมื่อ CloudWatch รายงานว่ามีการใช้งาน CPU เต็ม 100% นั่นคือสัญญาณว่าคุณควรพิจารณาปรับขนาดด้วยตนเองหรือปรับขนาดผ่านทาง Auto Scaling ไปเป็นอินสแตนซ์ประเภทที่ใหญ่ขึ้นหรือปรับขยายออกไปยังอินสแตนซ์ Micro หลายๆ อินสแตนซ์

ถาม: อินสแตนซ์ Micro มีคุณสมบัติครบทุกอย่างของ Amazon EC2 หรือไม่

ในขณะนี้ Amazon DevPay ยังไม่เปิดให้บริการสำหรับอินสแตนซ์ Micro

Nitro Hypervisor

ถาม: Nitro Hypervisor คืออะไร

การเปิดใช้อินสแตนซ์ C5 ซึ่งได้เปิดตัวไฮเปอร์ไวเซอร์แบบใหม่สำหรับ Amazon EC2 นั่นคือ Nitro Hypervisor เนื่องจากเป็นส่วนประกอบของระบบ Nitro โดยหลักแล้ว Nitro Hypervisor จะจัดเตรียมการแยก CPU และหน่วยความจำสำหรับอินสแตนซ์ EC2 ทรัพยากรเครือข่าย VPC และที่เก็บข้อมูล EBS ติดตั้งโดยใช้ส่วนประกอบฮาร์ดแวร์แบบเฉพาะ นั่นคือ ไนโตรการ์ด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล EC2 instance รุ่นปัจจุบันทั้งหมด Nitro Hypervisor สร้างขึ้นบนเทคโนโลยี Linux Kernel-based Virtual Machine (KVM) หลัก แต่ไม่รวมส่วนประกอบของระบบปฏิบัติการเพื่อการใช้งานทั่วไป

ถาม: ลูกค้าได้ประโยชน์อะไรจาก Nitro Hypervisor

Nitro Hypervisor มีประสิทธิภาพการทำงานที่สม่ำเสมอและมีทรัพยากรการประมวลผลและหน่วยความจำมากขึ้นสำหรับอินสแตนซ์เสมือน EC2 โดยการนำส่วนประกอบซอฟต์แวร์ของระบบโฮสต์ออกไป ซึ่งทำให้ AWS สามารถจัดเตรียมขนาดอินสแตนซ์ที่ใหญ่ขึ้น (เช่น c5.18xlarge) โดยให้ทรัพยากรทั้งหมดแก่ลูกค้าได้จากเซิร์ฟเวอร์ ก่อนหน้านี้ อินสแตนซ์ C3 และ C4 จะกำจัดส่วนประกอบซอฟต์แวร์แต่ละรายการโดยการย้ายฟังก์ชันการทำงานของ VPC และ EBS ไปยังฮาร์ดแวร์ที่ออกแบบและสร้างโดย AWS ฮาร์ดแวร์นี้ทำให้ Nitro Hypervisor มีขนาดเล็กมากและไม่เกี่ยวข้องกับงานประมวลผลข้อมูลสำหรับการสร้างเครือข่ายและพื้นที่จัดเก็บ

ถาม: EC2 Instance ทั้งหมดจะใช้ Nitro Hypervisor หรือไม่

ในท้ายที่สุดแล้ว ประเภทอินสแตนซ์ใหม่ทั้งหมดจะใช้ Nitro Hypervisor แต่ในระยะเวลาอันใกล้ ประเภทอินสแตนซ์ใหม่บางส่วนจะใช้ Xen โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแพลตฟอร์ม

ถาม: AWS จะยังคงลงทุนในไฮเปอร์ไวเซอร์ Xen ของตนต่อไปใช่หรือไม่

ได้ เนื่องจาก AWS ขยายโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ทั่วโลกของตน การใช้ไฮเปอร์ไวเซอร์ Xen ของ EC2 จะยังคงเติบโตต่อไป Xen จะยังคงเป็นส่วนประกอบหลักของ EC2 Instance สำหรับอนาคตที่คาดการณ์ได้ AWS เป็นสมาชิกก่อตั้งโครงการ Xen ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในฐานะที่เป็นโครงการความร่วมมือการก่อตั้ง Linux และยังคงเป็นผู้เข้าร่วมที่มีบทบาทในคณะที่ปรึกษาของโครงการด้วย เนื่องจาก AWS ขยายโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ทั่วโลกของตน ไฮเปอร์ไวเซอร์ที่ใช้ Xen ของ EC2 จะยังคงเติบโตต่อไป ดังนั้น การลงทุนของ EC2 ใน Xen จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยไม่หดตัว

ถาม: สามารถแนบไดรฟ์ข้อมูล EBS และ Elastic Network Interface (ENI) ไปกับอินสแตนซ์ที่กำลังเรียกใช้บน Nitro Hypervisor ได้มากเพียงใด

อินสแตนซ์ที่เรียกใช้บน Nitro Hypervisor รองรับอุปกรณ์ PCI เพิ่มเติมได้สูงสุด 27 อุปกรณ์สำหรับไดรฟ์ข้อมูล EBS และ VPC ENI แต่ละไดรฟ์ข้อมูล EBS หรือ VPC ENI จะใช้อุปกรณ์ PCI หนึ่งอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น หากคุณแนบอินเทอร์เฟซเครือข่ายเพิ่มเติม 3 รายการไปกับอินสแตนซ์ที่ใช้ Nitro Hypervisor คุณจะสามารถแนบไดรฟ์ข้อมูล EBS ได้ถึง 24 ไดรฟ์ไปกับอินสแตนซ์นั้น

ถาม: Nitro Hypervisor จะเปลี่ยน API ที่ใช้เพื่อโต้ตอบกับ EC2 Instance หรือไม่

ไม่ API สาธารณะทั้งหมดที่โต้ตอบกับอินสแตนซ์ EC2 ซึ่งเรียกใช้โดยใช้ Nitro Hypervisor จะยังคงเดิม ตัวอย่างเช่น ช่อง “ไฮเปอร์ไวเซอร์” ของการตอบกลับ DescribeInstances จะยังคงรายงานเป็น “xen” สำหรับ EC2 Instance ทั้งหมด แม้ว่าการเรียกใช้เหล่านั้นจะเป็นการเรียกใช้ภายใต้ Nitro Hypervisor ก็ตาม โดยอาจจะมีการลบช่องดังกล่าวออกในการแก้ไข EC2 API ในอนาคต

ถาม: AMI ใดที่มีการรองรับบนอินสแตนซ์ที่ใช้ Nitro Hypervisor

HVM AMI ที่สนับสนุนโดย EBS ซึ่งมีการรองรับระบบเครือข่ายและการเริ่มต้นระบบ ENA จากพื้นที่เก็บข้อมูล NVMe สามารถใช้ได้กับอินสแตนซ์ที่มีการเรียกใช้ภายใต้ Nitro Hypervisor โดยมีการรองรับ Amazon Linux AMI และ Windows AMI ล่าสุดที่จัดเตรียมโดย Amazon เช่นเดียวกันกับ AMI ล่าสุดของ Ubuntu, Debian, Red Hat Enterprise Linux, SUSE Enterprise Linux, CentOS และ FreeBSD

ถาม: ฉันจะเห็นความแตกต่างระหว่างอินสแตนซ์ที่ใช้ไฮเปอร์ไวเซอร์ Xen กับอินสแตนซ์ที่ใช้ Nitro Hypervisor หรือไม่

ได้ ยกตัวอย่างเช่น อินสแตนซ์ที่เรียกใช้ภายใต้ Nitro Hypervisor จะเริ่มต้นระบบจากไดรฟ์ข้อมูล EBS โดยใช้อินเทอร์เฟซ NVMe อินสแตนซ์ที่เรียกใช้ภายใต้ Xen จะเริ่มต้นระบบจากฮาร์ดไดรฟ์ IDE เลียนแบบ และเปลี่ยนเป็นไดรเวอร์อุปกรณ์บล็อก Xen เสมือนแบบเพิ่มประสิทธิภาพ

ระบบปฏิบัติการสามารถระบุได้เมื่อมีการเรียกใช้ภายใต้ไฮเปอร์ไวเซอร์ ซอฟต์แวร์บางอย่างจะถือว่าอินสแตนซ์ EC2 เรียกใช้ภายใต้ไฮเปอร์ไวเซอร์ Xen และเชื่อการตรวจจับดังกล่าว ระบบปฏิบัติการจะตรวจพบว่ามีการเรียกใช้ภายใต้ KVM เมื่ออินสแตนซ์ใช้ Nitro Hypervisor ดังนั้นจึงควรใช้ขั้นตอนการระบุ EC2 Instance เพื่อระบุ EC2 Instance ที่เรียกใช้ภายใต้ทั้งสองไฮเปอร์ไวเซอร์

คุณสมบัติทั้งหมดของ EC2 อย่างเช่น บริการข้อมูลเมตาของอินสแตนซ์จะทำงานแบบเดียวกันกับอินสแตนซ์ที่เรียกใช้ภายใต้ทั้ง Xen และ Nitro Hypervisor แอปพลิเคชันส่วนใหญ่จะทำงานแบบเดียวกันภายใต้ทั้ง Xen และ Nitro Hypervisor ตราบใดที่ระบบปฏิบัติการมีการรองรับที่จำเป็นสำหรับการสร้างเครือข่าย ENA และพื้นที่เก็บข้อมูล NVMe

ถาม: Nitro Hypervisor มีการดำเนินการตามคำขอ EC2 API ในการเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้อินสแตนซ์อย่างไร

Nitro Hypervisor จะให้สัญญาณระบบปฏิบัติการที่เรียกใช้ในอินสแตนซ์ว่าควรปิดการทำงานอย่างสมบูรณ์ด้วยวิธี ACPI ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม สำหรับอินสแตนซ์ Linux ต้องมีการติดตั้ง ACPID และต้องทำงานอย่างถูกต้อง หาก ACPID ไม่ทำงานในอินสแตนซ์ การสิ้นสุดการใช้งานจะล่าช้าหลายนาที และจะดำเนินการรีเซ็ตทั้งระบบหรือปิดเครื่อง

ถาม: ไดรฟ์ข้อมูล EBS จะมีลักษณะอย่างไรเมื่อมีการเข้าถึงจากอินเทอร์เฟซ NVMe

ไดรเวอร์ NVMe ของระบบปฏิบัติการจะมีลักษณะสำคัญบางอย่างที่แตกต่างกัน เมื่อเปรียบเทียบกับไดรเวอร์บล็อก Xen เสมือนแบบเพิ่มประสิทธิภาพ (PV)

ประการแรก ชื่ออุปกรณ์ NVMe ที่ใช้โดยระบบปฏิบัติการ Linux จะแตกต่างจากพารามิเตอร์สำหรับคำขอแนบไดรฟ์ข้อมูล EBS และรายการแมปอุปกรณ์บล็อก อย่างเช่น /dev/xvda และ /dev/xvdf โดยระบบปฏิบัติการจะแจกแจงอุปกรณ์ NVMe เป็น /dev/nvme0n1, /dev/nvme1n1 ไปเรื่อยๆ ชื่ออุปกรณ์ NVMe จะไม่มีการแมปแบบถาวรกับไดรฟ์ข้อมูล ดังนั้นจึงควรใช้วิธีการอื่น เช่น UUID หรือป้ายระบบไฟล์ เมื่อมีการกำหนดค่าการติดตั้งระบบไฟล์อัตโนมัติหรือเมื่อดำเนินการเริ่มต้นระบบอื่นๆ เมื่อมีการเข้าถึงไดรฟ์ข้อมูล EBS ผ่านอินเทอร์เฟซ NVMe จะได้ ID ของไดรฟ์ข้อมูล EBS ผ่านเลขซีเรียลตัวควบคุม และผู้ขาย NVMe จะให้ชื่ออุปกรณ์ที่ระบุในคำขอ EC2 API เพิ่มเติมจากคำสั่งระบุตัวควบคุม ซึ่งทำให้สคริปต์อรรถประโยชน์สามารถสร้างลิงก์สัญลักษณ์แบบย้อนหลังที่เข้ากันได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูเอกสารประกอบ EC2 เกี่ยวกับการตั้งชื่ออุปกรณ์และไดรฟ์ข้อมูล EBS ของ NVMe

ประการที่สอง ตามค่าเริ่มต้นไดรเวอร์ NVMe ที่อยู่ในระบบปฏิบัติการส่วนใหญ่จะใช้การหมดเวลา I/O หาก I/O ไม่เสร็จสมบูรณ์ในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในการนำไปใช้ ซึ่งโดยปกติคือหลักสิบวินาที ไดรฟ์เวอร์จะพยายามยกเลิก I/O ลองใหม่อีกครั้ง หรือส่งคืนข้อผิดพลาดไปยังส่วนประกอบที่ส่ง I/O ออกมา อินเทอร์เฟซอุปกรณ์บล็อก Xen PV จะไม่ปรับ I/O เป็นหมดเวลา ซึ่งสามาถส่งผลในกระบวนการซึ่งไม่สามารถยกเลิกได้หากกระบวนการนั้นกำลังรอ I/O อยู่ สามารถดัดแปลงการทำงานของไดรฟ์เวอร์ Linux NVMe ได้ด้วยการกำหนดค่าที่สูงกว่าให้พารามิเตอร์โมดูลแบบเคอร์เนล nvme.io timeout

ประการที่สาม อินเทอร์เฟซ NVMe สามารถโอนข้อมูลจำนวนมากกว่าเป็นอย่างมากต่อ I/O และในบางกรณีอาจสามารถรองรับคำขอ I/O ที่ค้างอยู่ได้ เมื่อเทียบกับอินเทอร์เฟซบล็อก Xen PV ซึ่งทำให้เกิดการหน่วงเวลาคำขอ I/O มากกว่า หากออก I/O ขนาดใหญ่มากหรือคำขอ I/O จำนวนมากไปยังไดรฟ์ข้อมูลที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับปริมาณงานตามอัตราความเร็ว เช่น ไดรฟ์ข้อมูล HDD แบบเพิ่มอัตราความเร็ว (st1) และไดรฟ์ข้อมูล Cold HDD (sc1) ของ EBS การหน่วงเวลา I/O นี้เป็นเรื่องปกติสำหรับไดรฟ์ข้อมูลแบบเพิ่มอัตราความเร็วในสถานการณ์เหล่านี้ แต่อาจทำให้เกิดการหมดเวลา I/O ในไดรเวอร์ NVMe ได้ ทั้งนี้ สามารถปรับการหมดเวลา I/O ได้ในไดรเวอร์ Linux โดยการระบุค่าที่มากกว่าสำหรับพารามิเตอร์โมดูลแบบเคอร์เนล nvme_core.io_timeout

ปรับ CPU ให้เหมาะสม

ถาม: Optimize CPU คืออะไร

Optimize CPU ให้คุณควบคุม EC2 Instance บนส่วนหน้าสองส่วนได้ดียิ่งขึ้น ประการแรก คุณสามารถระบุจำนวน vCPU แบบกำหนดเองได้เมื่อเรียกใช้งานอินสแตนซ์ใหม่เพื่อประหยัดค่าสิทธิ์การใช้งานตาม vCPU ประการที่สอง คุณสามารถปิดใช้งาน Intel Hyper-Threading Technology (Intel HT Technology) สำหรับเวิร์กโหลดที่ทำงานได้ดีกับ CPU แบบเธรดเดี่ยว เช่น แอปพลิเคชัน HPC บางรายการ

ถาม: ทำไมจึงควรใช้คุณสมบัติการปรับ CPU ให้เหมาะสม

คุณควรใช้ Optimize CPU ถ้า:

  • คุณเรียกใช้เวิร์กโหลด EC2 ที่ไม่ได้เน้นการประมวลผลและมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเป็นค่าสิทธิ์การใช้งานตาม vCPU โดยการเรียกใช้งานอินสแตนซ์ที่มีจำนวน vCPU แบบกำหนดเอง คุณอาจสามารถปรับการใช้จ่ายเรื่องสิทธิ์การใช้งานให้เหมาะสมได้
  • คุณเรียกใช้เวิร์กโหลดที่ได้ประโยชน์จากการปิดใช้งานการไฮเปอร์เธรดบน EC2 Instance

ถาม: อินสแตนซ์ที่ปรับให้เหมาะสมกับ CPU จะมีราคาอย่างไร

อินสแตนซ์ที่ปรับให้เหมาะสมกับ CPU จะมีราคาเท่ากับอินสแตนซ์ขนาดเต็มแบบเทียบเท่า

ถาม: ประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชันของฉันจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างเมื่อใช้ Optimize CPU บน EC2

การเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชันของคุณโดยใช้ Optimize CPU โดยส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นอยู่กับปริมาณงานที่คุณเรียกใช้บน EC2 เราสนับสนุนให้คุณเทียบประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชันของคุณกับ Optimize CPU เพื่อให้ได้จำนวน vCPU ที่เหมาะสมและลักษณะการไฮเปอร์เธรดที่เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันของคุณ

ถาม: ฉันสามารถใช้ Optimize CPU บนประเภท EC2 Bare Metal Instance (เช่น i3.metal) ได้หรือไม่

ใช้ไม่ได้ คุณสามารถใช้การปรับ CPU ให้เหมาะสมกับอินสแตนซ์ EC2 เสมือนเท่านั้น

ถาม: ฉันจะเริ่มต้นใช้งานการปรับ CPU ให้เหมาะสมสำหรับอินสแตนซ์ EC2 ได้อย่างไร

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเริ่มต้นใช้งานการปรับ CPU ให้เหมาะสมและประเภทอินสแตนซ์ที่รองรับ โปรดดูที่หน้าเอกสารประกอบการปรับ CPU ให้เหมาะสมที่นี่

เวิร์กโหลด

Amazon EC2 ที่เรียกใช้บน IBM

ถาม: จะมีการเรียกเก็บเงินสำหรับการใช้งาน Amazon EC2 ที่เรียกใช้บน IBM อย่างไร

คุณจะจ่ายเงินเฉพาะสิ่งที่คุณใช้ และไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ เราคิดราคาต่อชั่วโมงอินสแตนซ์ที่แต่ละอินสแตนซ์ใช้ไป เวลาที่ใช้งานบางส่วนจะถูกเรียกเก็บเงินเต็มชั่วโมง การถ่ายโอนข้อมูลสำหรับ Amazon EC2 ที่เรียกใช้บน IBM จะมีการเรียกเก็บเงินแยกต่างหากจาก Amazon EC2 ไม่มีค่าใช้จ่ายในการโอนข้อมูลระหว่าง Amazon Web Services สองรายการใน Region เดียวกัน (เช่น ระหว่าง Amazon EC2 ในสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตกและบริการอื่นๆ ของ AWS ในสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก) การโอนข้อมูลระหว่างบริการ AWS ในภูมิภาคต่างๆ จะมีการคิดค่าใช้จ่ายเป็นการโอนข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตกับทั้งสองฝั่งที่โอน

สำหรับข้อมูลการกำหนดราคา Amazon EC2 ที่เรียกใช้บน IBM โปรดไปที่หัวข้อการกำหนดราคาในหน้ารายละเอียด Amazon EC2 ที่เรียกใช้บน IBM

ถาม: ฉันสามารถใช้ Amazon DevPay กับ Amazon EC2 ที่เรียกใช้บน IBM ได้หรือไม่

ไม่ได้ คุณไม่สามารถใช้ DevPay เพื่อรวมกลุ่มผลิตภัณฑ์นอกเหนือจาก Amazon EC2 ที่เรียกใช้บน IBM ได้ในขณะนี้

Amazon EC2 ที่เรียกใช้บน Microsoft Windows และซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สาม

ถาม: ฉันสามารถใช้สิทธิ์การใช้งาน Windows Server ที่ฉันมีอยู่กับ EC2 ได้หรือไม่

คุณสามารถใช้ได้ หลังจากที่คุณนำเข้าอิมเมจเครื่อง Windows Server ของคุณเองโดยใช้เครื่องมือ ImportImage คุณสามารถเปิดใช้อินสแตนซ์จากอิมเมจเครื่องเหล่านี้บนโฮสต์เฉพาะของ EC2 และสามารถจัดการอินสแตนซ์และรายงานการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ Microsoft กำหนดให้คุณติดตามการใช้สิทธิ์การใช้งานของคุณกับทรัพยากรทางกายภาพ เช่น ซ็อกเก็ตและแกน ซึ่งโฮสต์เฉพาะจะช่วยคุณในการดำเนินการนี้ ไปที่หน้ารายละเอียดของ Dedicated Hosts เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีใช้สิทธิ์การใช้งาน Windows Server ของคุณเองบน Dedicated Hosts ของ Amazon EC2

ถาม: ฉันสามารถนำสิทธิ์การใช้งานซอฟต์แวร์ใดไปใช้กับระบบ Windows ได้บ้าง

ข้อกำหนดของสิทธิ์การใช้งานซอฟต์แวร์แต่ละอย่างจะแตกต่างกันไปตามผู้จัดจำหน่ายแต่ละราย ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณตรวจสอบข้อกำหนดสิทธิ์การใช้งานของผู้จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ของคุณ เพื่อพิจารณาว่าสิทธิ์การใช้งานที่คุณมีนั้นได้รับอนุญาตให้ใช้งานใน Amazon EC2 หรือไม่

เวิร์กโหลดของ macOS

ถาม: อินสแตนซ์ Amazon EC2 Mac คืออะไร

อินสแตนซ์ Amazon EC2 Mac ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำงานเวิร์กโหลดของ macOS ตามต้องการได้บนระบบคลาวด์เป็นครั้งแรก เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ความสามารถในการปรับขนาดเพิ่มทรัพยากร และผลประโยชน์ที่ได้รับจากค่าใช้จ่ายของ AWS ให้กับนักพัฒนา Apple อินสแตนซ์ EC2 Mac จะช่วยให้นักพัฒนาที่สร้างแอปสำหรับ iPhone, iPad, Mac, Apple Watch, Apple TV และ Safari สามารถเตรียมและเข้าถึงสภาพแวดล้อมของ macOS ได้ภายในไม่กี่นาที ปรับทรัพยากรความจุแบบไดนามิกได้ตามที่ต้องการ และใช้ประโยชน์จากค่าบริการตามการใช้งานจริงของ AWS

ถาม: คุณควรทำงานเวิร์กโหลดใดบนอินสแตนซ์ EC2 Mac

อินสแตนซ์ Amazon EC2 Mac ออกแบบมาเพื่อสร้าง ทดสอบ ลงนาม และเผยแพร่แอปพลิเคชันสำหรับแพลตฟอร์ม Apple อย่างเช่น iOS, iPadOS, watchOS, tvOS, macOS และ Safari ลูกค้าอย่างเช่น Pinterest, Intuit, FlipBoard, Twitch และ Goldman Sachs ได้เห็นประสิทธิภาพการสร้างที่ดีขึ้นถึง 75% อัตราความล้มเหลวในการสร้างต่ำลงถึง 80% และจำนวนการสร้างแบบขนานเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับการเรียกใช้ macOS ในสถานที่

ถาม: อินสแตนซ์ EC2 x86 Mac คืออะไร

อินสแตนซ์ EC2 Mac ที่ใช้ x86 สร้างขึ้นบนคอมพิวเตอร์ Apple Mac mini ที่มีหน่วยประมวลผลกลาง Intel Core i7 และขับเคลื่อนโดย AWS Nitro System ซึ่งนำเสนอตัวเลือกให้ลูกค้า ได้แก่ macOS Mojave (10.14), macOS Catalina (10.15), macOS Big Sur (11) และ macOS Monterey (12) ในรูปแบบของ Amazon Machine Image (AMI) อินสแตนซ์ EC2 ที่ใช้ x86 มีให้ใช้งานใน 12 ภูมิภาค ได้แก่ สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออก (โอไฮโอ เวอร์จิเนียเหนือ) สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก (ออริกอน) ยุโรป (สตอกโฮลม์ แฟรงก์เฟิร์ต ไอร์แลนด์ ลอนดอน) และเอเชียแปซิฟิก (มุมไบ โซล สิงคโปร์ ซิดนีย์ โตเกียว) เรียนรู้เพิ่มเติมและเริ่มต้นการใช้งานอินสแตนซ์ EC2 Mac ที่ใช้ x86 ที่นี่

ถาม: อินสแตนซ์ EC2 M1 Mac คืออะไร

อินสแตนซ์ EC2 M1 Mac สร้างขึ้นบนคอมพิวเตอร์ Apple M1 Mac mini และขับเคลื่อนโดย AWS Nitro System ซึ่งส่งมอบประสิทธิภาพด้านราคาได้ดีขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ผ่านอินสแตนซ์ EC2 Mac ที่ใช้ x86 สำหรับเวิร์กโหลดการสร้างแอปพลิเคชัน iOS และ macOS อินสแตนซ์ EC2 M1 Mac เปิดใช้งานระบบ ARM64 macOS เป็นครั้งแรกใน AWS และรองรับ macOS Big Sur (11) รวมถึง macOS Monterey (12) ในรูปแบบของ Amazon Machine Image (AMI) อินสแตนซ์ EC2 M1 Mac พร้อมใช้งานใน 4 ภูมิภาค ได้แก่ สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออก (เวอร์จิเนียฝั่งเหนือ) สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก (ออริกอน) สหภาพยุโรป (ไอร์แลนด์) และเอเชียแปซิฟิก (สิงคโปร์) เรียนรู้เพิ่มเติมและเริ่มต้นการใช้งานอินสแตนซ์ EC2 M1 Mac ที่นี่

ถาม: อินสแตนซ์ EC2 M2 Mac คืออะไร

อินสแตนซ์ EC2 M2 Mac สร้างขึ้นบนคอมพิวเตอร์ Apple M2 Mac mini และขับเคลื่อนโดย AWS Nitro System มีประสิทธิภาพมากกว่า อินสแตนซ์ EC2 M1 Mac ถึง 10% สำหรับเวิร์กโหลดการสร้างแอปพลิเคชัน iOS และ macOS อินสแตนซ์ Mac EC2 M2 เปิดใช้งานสภาพแวดล้อม ARM64 macOS บน AWS และรองรับ macOS Ventura (เวอร์ชัน 13.2 และใหม่กว่า) เป็น Amazon Machine Image (AMI) อินสแตนซ์ EC2 M2 Mac พร้อมใช้งานใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออก (เวอร์จิเนียฝั่งเหนือ โอไฮโอ) สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก (ออริกอน) ยุโรป (แฟรงก์เฟิร์ต) และเอเชียแปซิฟิก (ซิดนีย์) เรียนรู้เพิ่มเติมและเริ่มต้นการใช้งานอินสแตนซ์ EC2 M2 Mac ที่นี่

ถาม: อินสแตนซ์ EC2 M2 Pro Mac คืออะไร

อินสแตนซ์ EC2 M2 Pro Mac สร้างขึ้นบนคอมพิวเตอร์ Apple M2 Pro Mac mini และขับเคลื่อนโดย AWS Nitro System มีประสิทธิภาพมากกว่าอินสแตนซ์ EC2 M1 Mac ถึง 35% สำหรับเวิร์กโหลดการสร้างแอปพลิเคชัน iOS และ macOS อินสแตนซ์ EC2 M2 Pro Mac เปิดใช้งานสภาพแวดล้อม ARM64 macOS บน AWS และรองรับ macOS Ventura (เวอร์ชัน 13.2 ขึ้นไป) เป็น Amazon Machine Image (AMI) อินสแตนซ์ EC2 M2 Pro Mac มีให้บริการใน 4 ภูมิภาค ได้แก่ สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออก (รัฐเวอร์จิเนีย โอไฮโอ) สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก (ออริกอน) และเอเชียแปซิฟิก (ซิดนีย์) เรียนรู้เพิ่มเติมและเริ่มต้นการใช้งานอินสแตนซ์ EC2 M2 Pro Mac ที่นี่

ถาม: อินสแตนซ์ EC2 Mac มีโมเดลการกำหนดราคาแบบไหนบ้าง

อินสแตนซ์ Amazon EC2 Mac พร้อมให้ใช้งานในรูปแบบของ Dedicated Host ผ่านทางโมเดลการกำหนดราคาทั้งแบบออนดีมานด์และ Savings Plans Dedicated Host เป็นหน่วยของการเรียกเก็บเงินสำหรับอินสแตนซ์ EC2 Mac การเรียกเก็บเงินจะเกิดขึ้นทุกวินาทีที่มีระยะเวลาการจัดสรรขั้นต่ำ 24 ชั่วโมงสำหรับ Dedicated Host ในการปฏิบัติตามข้อตกลงสิทธิ์การใช้งานซอฟต์แวร์ Apple macOS เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการจัดสรรขั้นต่ำ 24 ชั่วโมง สามารถปล่อยโฮสต์ได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องมีภาระผูกพันเพิ่มเติม ทั้ง Compute และ Instance Savings Plans พร้อมใช้งานสำหรับอินสแตนซ์ EC2 Mac และมอบส่วนลดถึง 44 เปอร์เซ็นต์จากการกำหนดราคาแบบออนดีมานด์ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน้าราคา Dedicated Host (หมายเหตุ: โปรดเลือกสิทธิ์การใช้งาน “Dedicated Host” และระบบปฏิบัติการ “Linux” เพื่อดูรายละเอียด) นอกจากนี้คุณยังสามารถเข้าถึงการกำหนดราคาอินสแตนซ์ของ EC2 Mac ได้ในเครื่องมือคำนวณค่าบริการของ AWS สำหรับ Dedicated Hosts

ถาม: คุณจะปล่อย Dedicated Host ได้อย่างไร

ระยะเวลาการจัดสรรขั้นต่ำสำหรับ Dedicated Host ของอินสแตนซ์ EC2 Mac คือ 24 ชั่วโมง หลังจากระยะเวลาการจัดสรรเกิน 24 ชั่วโมงแล้ว อันดับแรกให้หยุดหรือยุติอินสแตนซ์ที่ทงานบนโฮสต์ จากนั้นปล่อยโฮสต์โดยใช้คำสั่ง CLI “ws ec2 release-hosts” หรือคอนโซลการจัดการของ AWS

ถาม: คุณจะแชร์ EC2 Mac Dedicated Hosts กับบัญชี AWS อื่นๆ ในองค์กรของคุณได้หรือไม่

ได้ คุณสามารถแชร์ EC2 Mac Dedicated Hosts กับบัญชี AWS ภายในองค์กร AWS หน่วยองค์กรภายในองค์กร AWS หรือทั่วทั้งองค์กร AWS ผ่านทาง AWS Resource Access Manager สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่เอกสารประกอบของ AWS Resource Access Manager

ถาม: คุณสามารถเรียกใช้อินสแตนซ์ EC2 Mac ได้กี่รายการบน EC2 Mac Dedicated Host

อินสแตนซ์ EC2 Mac ใช้ประโยชน์จากขุมพลังของฮาร์ดแวร์ Mac mini พื้นฐาน คุณสามารถเรียกใช้อินสแตนซ์ EC2 Mac ได้ 1 รายการบนแต่ละ EC2 Mac Dedicated Host

ถาม: คุณจะอัปเดตตัวแปร EFI NVRAM บนอินสแตนซ์ EC2 Mac ได้หรือไม่

ได้ คุณสามารถอัปเดตตัวแปร EFI NVRAM บางรายการบนอินสแตนซ์ EC2 Mac ที่จะคงอยู่ตลอดการรีบูตได้ แต่ตัวแปร EFI NVRAM จะถูกรีเซ็ตหากหยุดหรือยุติการทำงานของอินสแตนซ์ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเอกสารประกอบของอินสแตนซ์ EC2 Mac

ถาม: คุณสามารถใช้ FileVault เข้ารหัสไดรฟ์ข้อมูลสำหรับเริ่มระบบบของ Amazon Elastic Block Store (Amazon EBS) บนอินสแตนซ์ EC2 Mac ได้หรือไม่

FileVault กำหนดให้ต้องเข้าสู่ระบบก่อนเริ่มต้นระบบเข้าสู่ macOS และก่อนเปิดใช้งานการเข้าถึงระยะไกล หากเปิดใช้งาน FileVault แล้ว คุณจะสูญเสียสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลของคุณในไดรฟ์เริ่มต้นระบบเมื่ออินสแตนซ์รีบูต หยุดหรือยุติการทำงาน ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าไม่ควรเปิดใช้งาน FileVault แต่เราขอแนะนำให้ใช้การเข้ารหัส Amazon EBS กับไดรฟ์ข้อมูลสำหรับบูตและไดรฟ์ข้อมูล EBS บนอินสแตนซ์ EC2 Mac แทน

ถาม: คุณสามารถเข้าถึงอินพุตไมโครโฟนหรือเอาต์พุตเสียงบนอินสแตนซ์ EC2 Mac หรือไม่

ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงอินพุตไมโครโฟนบนอินสแตนซ์ EC2 Mac เซิร์ฟเวอร์ VNC บนเดสก์ท็อปจากระยะไกลของ Apple แบบในตัวไม่รองรับเอาต์พุตเสียง ซอฟต์แวร์เดสก์ท็อปจากระยะไกลของบุคคลที่สาม เช่น Teradici CAS รองรับเสียงจากระยะไกลบน macOS

ถาม: มี Amazon Machine Image (AMI) ที่ใช้ macOS พร้อมใช้งานสำหรับอินสแตนซ์ EC2 Mac หรือไม่

อินสแตนซ์ EC2 Mac ใช้ฮาร์ดแวร์ Mac mini จริงเรียกใช้ macOS ฮาร์ดแวร์ของ Apple จะรองรับเฉพาะ macOS เวอร์ชันที่จัดส่งพร้อมกับฮาร์ดแวร์ (หรือในภายหลัง) ส่วนอินสแตนซ์ EC2 Mac ที่ใช้ x86 จะใช้ Mac mini 2018 รุ่นที่มี Intel Core i7 ซึ่งหมายความว่า macOS Mojave (10.14.x) จะ “ย้อนหลัง” ไปได้เท่าที่ต้องการ เนื่องจาก Mac mini 2018 มาพร้อมกับ Mojave อินสแตนซ์ EC2 M1 Mac ใช้ Mac mini (M1, ปี 2020) ซึ่งจะจัดส่งพร้อม macOS Big Sur (11.x) อินสแตนซ์ EC2 M2 และ M2 Pro Mac ใช้ (M2, ปี 2023) และ M2 Pro Mac Minis ตามลำดับ ซึ่งจะจัดส่งพร้อม macOS Ventura (13.2) หากต้องการดูว่า macOS เวอร์ชันล่าสุดเวอร์ชันใดที่พร้อมใช้งานในรูปแบบ EC2 Mac AMI โปรดไปที่เอกสารประกอบ

ถาม: คุณจะเรียกใช้ macOS เวอร์ชันก่อนหน้าบนอินสแตนซ์ EC2 Mac ได้อย่างไร

อินสแตนซ์ EC2 Mac เป็นอินสแตนซ์ Bare Metal และไม่ใช้ Nitro Hypervisor คุณสามารถติดตั้งและเรียกใช้เลเยอร์การจำลองระบบเสมือนประเภท 2 บนอินสแตนซ์ EC2 Mac ที่ใช้ x86 ในการรับสิทธิ์เข้าถึง macOS High Sierra, Sierra หรือ macOS เวอร์ชันก่อนหน้า เนื่องจาก macOS Big Sur เป็น macOS เวอร์ชันแรกที่รองรับ Apple Silicon ดังนั้น macOS เวอร์ชันก่อนหน้าจึงไม่ทำงานบนอินสแตนซ์ EC2 M1 Mac แม้จะเป็นการจำลองระบบเสมือนก็ตาม

ถาม: ฉันจะเรียกใช้ macOS เวอร์ชันเบต้าหรือเวอร์ชันตัวอย่างบนอินสแตนซ์ EC2 Mac ได้อย่างไร

การติดตั้ง macOS เวอร์ชันเบต้าหรือเวอร์ชันตัวอย่าง สามารถใช้ได้กับอินสแตนซ์ EC2 Mac ที่ใช้ Apple Silicon เท่านั้น Amazon EC2 ไม่มีคุณสมบัติของ macOS เวอร์ชันเบต้าหรือเวอร์ชันตัวอย่าง และไม่แน่ใจว่าอินสแตนซ์จะยังคงใช้งานได้หลังจากอัปเดตเป็นเวอร์ชัน macOS ก่อนการผลิต

ถาม: คุณจะใช้ข้อมูลผู้ใช้ EC2 ด้วยอินสแตนซ์ EC2 Mac ได้อย่างไร

คุณสามารถส่งผ่านข้อมูลผู้ใช้ที่กำหนดเองไปยังอินสแตนซ์ EC2 Mac ได้เช่นเดียวกับอินสแตนซ์ EC2 Linux และ Windows อินสแตนซ์ EC2 Mac ใช้โอเพนซอร์สเปิดตัว daemon: ec2-macos-init แทนการใช้ cloud-init คุณสามารถส่งผ่านข้อมูลนี้เข้าไปใน EC2 Launch Wizard ในรูปแบบข้อความ ในรูปแบบไฟล์ หรือในรูปแบบ base64-encoded-text

ถาม: คุณจะติดตั้ง Xcode บนอินสแตนซ์ EC2 Mac ได้อย่างไร

AWS มี macOS AMI พื้นฐานโดยไม่ต้องมีการติดตั้ง Xcode IDE ล่วงหน้า คุณสามารถติดตั้ง Xcode (และยอมรับ EULA) เหมือนกับที่คุณดำเนินการในระบบ macOS อื่นๆ คุณสามารถติดตั้ง Xcode IDE เวอร์ชันล่าสุดจาก App Store หรือ Xcode เวอร์ชันก่อนหน้าจากเว็บไซต์ Apple Developer เมื่อติดตั้ง Xcode แล้ว เราขอแนะนำให้สร้างสแนปช็อตของ AMI เพื่อการใช้งานในอนาคต

ถาม: macOS AMI มีจังหวะการออกรุ่นใหม่อย่างไร

เราสร้าง macOS AMI รุ่นใหม่ๆ อย่างดีที่สุดเป็นประจำ คุณสามารถสมัครรับการแจ้งเตือนการอัปเดตทาง SMS เราตั้งเป้าหมายที่จะออก macOS AMI อย่างเป็นทางการประมาณ 30-60 วันหลังจากการอัปเดตเวอร์ชันย่อยของ macOS และ 90-120 วันหลังจากการอัปเดตเวอร์ชันหลักของ macOS

ถาม: EC2 macOS AMI มีเอเจนต์และแพ็กเกจอะไรบ้าง

EC2 macOS AMI เริ่มต้นจะมีเอเจนต์และแพ็กเกจต่อไปนี้

  • ไดรเวอร์ ENA สำหรับ macOS
  • AWS CLI
  • EC2-macos-init
  • Amazon CloudWatch Agent
  • Chrony
  • Homebrew
  • AWS Systems Manger Agent

ถาม: คุณสามารถอัปเดตเอเจนต์และแพ็กเกจที่อยู่ใน macOS AMI ได้หรือไม่

มีคลัง GitHub สาธารณะของแท็บ Homebrew สำหรับเอเจนต์และแพ็กเกจทั้งหมดที่เพิ่มไปยังอิมเมจ macOS พื้นฐาน คุณสามารถใช้ Homebrew ติดตั้งเอเจนต์และแพ็กเกจเวอร์ชันล่าสุดบนอินสแตนซ์ macOS ได้

ถาม: คุณสามารถใช้การอัปเดต OS และซอฟต์แวร์กับอินสแตนซ์ Mac จาก Apple Update Server โดยตรงหรือไม่

การอัปเดตซอฟต์แวร์ macOS อัตโนมัติจะถูกปิดใช้งานบนอินสแตนซ์ EC2 Mac เราขอแนะนำให้ใช้ macOS AMI ที่จำหน่ายแล้วอย่างเป็นทางการในการเปิดใช้งาน macOS เวอร์ชันที่คุณต้องการ คุณสามารถอัปเดตเวอร์ชันของ macOS ผ่านทางบานหน้าต่างการตั้งค่าการอัปเดตซอฟต์แวร์หรือผ่านทางคำสั่ง CLI สำหรับการอัปเดตซอฟต์แวร์บนอินสแตนซ์ที่ใช้ x86 และ อินสแตนซ์ EC2 Mac ที่ใช้ Apple Silicon ได้ คุณสามารถติดตั้งและอัปเดตแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่ใช้พื้นที่ว่างของผู้ใช้บนอินสแตนซ์ EC2 Mac ทั้งสองแบบ

ถาม: คุณจะเชื่อมต่อกับอินสแตนซ์ EC2 Mac ผ่านทาง SSH ได้อย่างไร

หลังจากการเปิดใช้อินสแตนซ์ของคุณและได้รับ ID ของอินสแตนซ์แล้ว คุณสามารถใช้คำสั่งต่อไปนี้เพื่อสุ่มตัวอย่างความคิดเห็นเกี่ยวกับอินสแตนซ์และดูว่าจะพร้อมสำหรับการเข้าถึง SSH เมื่อใด การเชื่อมต่อผ่าน SSH ไปยังอินสแตนซ์ EC2 Mac จะใช้กระบวนการเดียวกันกับการเชื่อมต่อไปยังอินสแตนซ์ EC2 อื่นๆ อย่างเช่น อินสแตนซ์ที่ทำงานอยู่บน Linux หรือ Windows หากต้องการรองรับการเชื่อมต่อกับอินสแตนซ์ของคุณโดยใช้ SSH ให้เปิดใช้งานอินสแตนซ์โดยใช้คู่คีย์และกลุ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่อนุญาตให้เข้าถึง SSH ได้ จัดหาไฟล์ .pem สำหรับคู่คีย์เมื่อคุณเชื่อมต่อกับอินสแตนซ์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูเอกสารประกอบของเรา

ถาม: คุณจะเชื่อมต่อกับอินสแตนซ์ EC2 Mac ผ่านทาง VNC ได้อย่างไร

macOS มีฟังก์ชันการแชร์หน้าจอแบบในตัวที่ถูกปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น แต่สามารถเปิดใช้งานและใช้เชื่อมต่อกับเซสชันกราฟิก (เดสก์ท็อป) ของอินสแตนซ์ EC2 Mac ของคุณได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเปิดใช้งานการแชร์หน้าจอแบบในตัว โปรดดูที่เอกสารประกอบ

ถาม: คุณจะเชื่อมต่อกับอินสแตนซ์ EC2 Mac โดยใช้ AWS Systems Manager Session Manager อย่างไร

คุณสามารถเชื่อมต่อกับอินสแตนซ์ EC2 Mac ด้วย AWS Systems Manager Session Manager (SSM) ได้ Session Manager เป็นฟีเจอร์ AWS Systems Manager ที่มีการจัดการเต็มรูปแบบและมอบการจัดการอินสแตนซ์ที่ปลอดภัยและตรวจสอบได้ ฟีเจอร์นี้จะขจัดความจำเป็นที่จะต้องเปิดพอร์ตขาเข้า รักษาการโฮสต์ Bastion หรือจัดการคีย์ SSH อยู่เสมอ โดยค่าเริ่มต้นแล้วจะมีการติดตั้งเอเจนต์ SSM ไว้ล่วงหน้าบน EC2 macOS AMI ทั้งหมด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่บล็อกนี้

ถาม: มีไดรฟ์ข้อมูลของ Amazon EBS และอินเทอร์เฟซเครือข่ายแบบยืดหยุ่น (ENI) กี่รายการที่อินสแตนซ์ EC2 Mac รองรับ

อินสแตนซ์ EC2 Mac ที่ใช้ x86 รองรับไดรฟ์ข้อมูลของ EBS 16 รายการและการแนบ ENI 8 รายการ และอินสแตนซ์ EC2 M1 Mac รองรับไดรฟ์ข้อมูลของ EBS ได้ถึง 10 รายการและการแนบ ENI ได้ถึง 8 รายการ

คำถาม: อินสแตนซ์ EC2 Mac รองรับ EBS หรือไม่

อินสแตนซ์ EC2 Mac เป็นแบบเพิ่มประสิทธิภาพ EBS ตามค่าเริ่มต้น และมีแบนด์วิดท์เฉพาะสำหรับ EBS สูงสุด 8 Gbps สำหรับไดรฟ์ข้อมูล EBS ทั้งแบบเข้ารหัสและไม่ได้เข้ารหัส

คำถาม: อินสแตนซ์ EC2 Mac รองรับการบูตจากพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่องหรือไม่

อินสแตนซ์ EC2 Mac จะบูตได้จาก macOS AMI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก EBS เท่านั้น SSD ภายในของ Mac mini จะอยู่ใน Disk Utility แต่ไม่สามารถบูตได้

ถาม: อินสแตนซ์ EC2 Mac รองรับ Amazon FSx หรือไม่

ได้ อินสแตนซ์ EC2 Mac รองรับ FSx โดยใช้โปรโตคอล SMB หรือไม่ คุณจำเป็นต้องลงทะเบียนอินสแตนซ์ EC2 Mac ในบริการไดเรกทอรีที่รองรับ (เช่น บริการ Active Directory หรือบริการไดเรกทอรีของ AWS) เพื่อเปิดใช้งาน FSx บนอินสแตนซ์ EC2 Mac สำหรับข้อมุลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ FSx โปรดไปที่หน้าผลิตภัณฑ์

ถาม: อินสแตนซ์ EC2 Mac รองรับ Amazon Elastic File System (Amazon EFS) หรือไม่

ใช่ อินสแตนซ์ EC2 Mac รองรับ EFS ผ่านทางโปรโตคอล NFSv4 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EFS โปรดไปที่หน้าผลิตภัณฑ์

การรองรับ Nitro System สำหรับรุ่นก่อนหน้า

อินสแตนซ์การสนับสนุน Nitro System สำหรับรุ่นเก่าคืออะไร

ตอนนี้ AWS Nitro System จะจัดหาส่วนประกอบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยสำหรับอินสแตนซ์ EC2 รุ่นก่อน เพื่อขยายระยะเวลาของบริการให้เกินอายุการใช้งานปกติของฮาร์ดแวร์พื้นฐาน การสนับสนุน Nitro System นี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถเรียกใช้เวิร์กโหลดและแอปพลิเคชันของตนต่อไปในตระกูลอินสแตนซ์ที่สร้างขึ้นได้

ถาม: อินสแตนซ์รุ่นก่อนหน้ารุ่นใดบ้างที่จะได้รับการสนับสนุน Nitro System และภายในกรอบเวลาใด

เราได้เปิดใช้งานการรองรับระบบ Nitro สําหรับอินสแตนซ์ Amazon EC2 C1, M1, M2, C3, M3, R3, C4 และ M4 ลูกค้าของอินสแตนซ์เหล่านี้จะได้รับการแจ้งเตือนการบำรุงรักษาในส่วนการโยกย้ายไปยัง Nitro System เราจะเพิ่มการสนับสนุนสำหรับอินสแตนซ์ประเภทอื่นๆ ในปี 2023

ต้องดำเนินการอะไรบ้างเพื่อโยกย้ายข้อมูลอินสแตนซ์รุ่นก่อนหน้าที่มีอยู่

ลูกค้าไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ ในการโยกย้ายข้อมูลอินสแตนซ์รุ่นก่อนหน้าที่ใช้งานอยู่ซึ่งทำงานอยู่บนฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า สำหรับอินสแตนซ์ที่ใช้ฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า ID บัญชีลูกค้าแต่ละรายที่จับคู่กับอินสแตนซ์จะได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมล 2 สัปดาห์ก่อนการบำรุงรักษาตามกำหนดการ

เช่นเดียวกับการบำรุงรักษาทั่วไปของเรา ลูกค้าจะเลือกได้เองว่าจะจัดกำหนดการในการบำรุงรักษาใหม่เมื่อใดตามที่ต้องการภายใน 2 สัปดาห์ นับจากเวลาการบำรุงรักษาตามกำหนดการเดิม

ถาม: จะเกิดอะไรขึ้นหากอินสแตนซ์ถูกหยุดและเริ่มต้นก่อนหรือระหว่างกรอบเวลาการบํารุงรักษาตามกําหนดเวลา

การหยุด/เริ่มต้นอินสแตนซ์ระหว่างรอบการบํารุงรักษาตามกําหนดเวลาจะทำให้เกิดย้ายอินสแตนซ์ไปยังโฮสต์ใหม่ และอินสแตนซ์จะไม่ได้รับการบํารุงรักษาตามกําหนดเวลา การหยุด/เริ่มต้นอาจส่งผลให้ AWS Nitro System รองรับการย้ายอินสแตนซ์ของลูกค้า โปรดทราบว่าข้อมูลบนที่จัดเก็บอินสแตนซ์ภายในจะไม่ถูกเก็บรักษาไว้เมื่อคุณหยุดและเริ่มอินสแตนซ์ใหม่ คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการหยุด/เริ่มใหม่

จะเกิดอะไรขึ้นกับอินสแตนซ์ของฉันระหว่างการบำรุงรักษานี้

เราจะทำงานร่วมกับลูกค้าโดยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบำรุงรักษา AWS มาตรฐานของเรา ทีม AWS หลายๆ ทีมได้โยกย้ายข้อมูลไปแล้ว และใช้งานอินสแตนซ์รุ่นก่อนหน้าบนฮาร์ดแวร์ Nitro ในระหว่างการบำรุงรักษา อินสแตนซ์จะถูกรีบูตซึ่งอาจใช้เวลาถึง 30 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและแอตทริบิวต์ของอินสแตนซ์ ตัวอย่างเช่น อินสแตนซ์ที่มีดิสก์ในเครื่องจะใช้เวลาโยกย้ายนานกว่าอินสแตนซ์ที่ไม่มีดิสก์ในเครื่อง หลังจากรีบูตเสร็จแล้ว อินสแตนซ์ของคุณจะ Retain ที่อยู่ IP, ชื่อ DNS และข้อมูลทั้งหมดบนไดรฟ์ข้อมูลอินสแตนซ์ในเครื่อง

ฉันจำเป็นต้องสร้างเวิร์กโหลดใหม่/รับรองเวิร์กโหลดใหม่เพื่อให้ทำงานบนอินสแตนซ์รุ่นก่อนหน้าที่โยกย้ายไปยัง AWS Nitro System หรือไม่

ไม่ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องสร้างเวิร์กโหลดใหม่/รับรองเวิร์กโหลดใหม่บนอินสแตนซ์รุ่นก่อนหน้าที่โยกย้ายไปยัง AWS Nitro System

จะมีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดอินสแตนซ์ของฉันเมื่อโยกย้ายไปยัง AWS Nitro System หรือไม่

จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดอินสแตนซ์ของอินสแตนซ์รุ่นก่อนหน้า หากโยกย้ายอินสแตนซ์ไปยัง AWS Nitro System

คุณสมบัติและ AMI ทั้งหมดในอินสแตนซ์รุ่นก่อนหน้าของฉันจะได้รับการสนับสนุนโดยเป็นส่วนหนึ่งของการโยกย้ายข้อมูลนี้หรือไม่

ใช่ คุณสมบัติและ AMI ที่มีอยู่ทั้งหมดจะได้รับการสนับสนุนในอินสแตนซ์รุ่นก่อนหน้าเมื่อเราโยกย้ายอินสแตนซ์เหล่านี้ไปยัง AWS Nitro System 

ถาม: จะมีการเปลี่ยนแปลงราคาและการเรียกเก็บเงินเมื่อโยกย้ายอินสแตนซ์รุ่นก่อนหน้าไปยัง AWS Nitro System หรือไม่

การเรียกเก็บเงินและราคาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เราจะยังคงสนับสนุนรูปแบบราคาเดิมที่เราสนับสนุนในปัจจุบันสำหรับอินสแตนซ์รุ่นก่อนหน้า (On-demand Instance อินสแตนซ์เหมาจ่ายแบบ 1 ปี/3 ปี, Savings Plan Spot)

 

ดูแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม

มีทรัพยากรมากมายที่ช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีการสร้างด้วย Amazon EC2

เรียนรู้เพิ่มเติม 
ลงชื่อสมัครใช้บัญชีฟรี

รับสิทธิ์การเข้าถึง AWS Free Tier ได้ทันที 

ลงชื่อสมัครใช้งาน 
เริ่มต้นการสร้างใน Console

เริ่มต้นสร้างด้วย Amazon EC2 ใน AWS Management Console

เริ่มต้นใช้งาน