AWS Thai Blog
ประกาศแผนงานที่จะเปิดตัว AWS Bangkok Region
วันนี้ Amazon Web Services (AWS) ประกาศแผนงานที่จะเปิดตัว AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ในประเทศไทย ซึ่งจะนำเทคโนโลยีคลาวด์ล่าสุด – ตั้งแต่ compute, storage ไปจนถึง artificial intelligence (AI) และ machine learning (ML) เพื่อให้ใกล้กับลูกค้าในประเทศไทยมากที่สุด
AWS มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวสู่ Thailand 4.0 ซึ่งจะสร้างเศรษฐกิจโดยขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม, ความคิดสร้างสรรค์, และเทคโนโลยี ด้วยการเปิดตัว AWS Asia Pacific (Bangkok) Region AWS วางแผนการลงทุนด้วยงบประมาณกว่า 1.9 แสนล้านบาท (US$5 พันล้านบาท) ในประเทศไทย ในระยะเวลา 15 ปี ซึ่งรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการสร้าง data center (ศูนย์ข้อมูล), ค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงาน, สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และการบริการจากธุรกิจระดับภูมิภาค
ลูกค้าชาวไทยได้ประโยชน์จากการใช้ AWS มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2006 ซึ่งการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2015 และเปิด office แห่งแรกที่กรุงเทพ ซึ่ง AWS office ได้เติบโตและสนับสนุนทีมงานทั้ง data scientists, cloud engineers, solutions architects, sales และ account managers ซึ่งทีมงานเหล่านี้ทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเพื่อช่วยเหลือลูกค้า
AWS Asia Pacific (Bangkok) Region จะเพิ่มการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานประเทศไทย และยังรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในประเทศไทย โดยตั้งแต่ปี 2020 AWS ได้เปิดตัว Amazon CloudFront edge locations จำนวน 10 แห่งในกรุงเทพ ซึ่ง Amazon CloudFront เป็น content delivery network (CDN) หรือเครือข่ายการส่งเนื้อหาที่มีความปลอดภัย และช่วยเร่งการส่งข้อมูล วิดีโอ, แอปพลิเคชัน และ API ไปยังผู้ใช้ทั่วโลกด้วย latency ที่ต่ำ และสามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง ในปี 2020 เดียวกันนี้ AWS Outposts ก็ได้ให้บริการในประทศไทย ซึ่ง AWS Outposts เป็น full managed service ที่ให้ในเรื่องของการบริการเช่นเดียวกับ AWS infrastructure, AWS services, APIs และเครื่องมือในการจัดการใน data center, co-location หรือ on-premises เพื่ออำนวยความสะดวกให้องค์รที่จะใช้งานในรูปแบบ hybrid หลังจากนั้น AWS ยังคงขยายการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยเปิดตัว AWS Local Zone ในกรุงเทพ เพื่อให้ลูกค้าในประเทศไทยสามารถพัฒนาและส่งมอบแอปพลิเคชันที่มี latency ต่ำในระดับ single-digit millisecond ให้กับ end users ในประเทศไทยได้
ในวันนี้ AWS ได้ประกาศการลงทุนสร้าง infrastructure Region ใหม่ ซึ่งส่งมอบนวัตกรรม, ขับเคลื่อนประสิทธิภาพการทำงาน, เพิ่มความสามารถทักษะของแรงงาน, และยังพัฒนาประเทศไทยให้เป็นประเทศแนวหน้าด้านดิจิทัลเพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศของคนรุ่นต่อไป
สร้างโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ระดับโลกเพื่อกระตุ้นนวัตกรรมทั่วทั้งอุตสาหกรรม
ลูกค้าในประเทศไทยเป็นหนึ่งในลูกค้าหลายล้านรายที่ใช้ AWS ทุกเดือนในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และนำแนวคิดของพวกเขาขยายไปทั่วโลก
ที่ AWS เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในด้านระบบคลาวด์ ซึ่งขับเคลื่อนโดยลูกค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น บริการทางการิงน, โทรคมนาคม, พลังงานและทรัพยากร, สื่อและความบันเทิง, สุขภาพ, การศึกษา และการค้าปลีก ตัวอย่างเช่น การบริการด้าน fashion e-commerce ของ Pomelo ที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AWS ML เพื่อปรับแต่งประสบการณ์การช็อปปิ้งให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนทั่วโลก, GPSC ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านพลังงานที่ยั่งยืนในประเทศไทย ได้ย้ายเวิร์กโหลด Windows ของบริษัทไปยัง AWS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 20-25% และมอบบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ให้กับลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น, โซลูชันการทำงานร่วมกันระดับองค์กรโดย Amity ได้ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของ AWS เพื่อพัฒนา Amity Social Cloud เพื่อสื่อสารกับชุมชนทั่วโลก และมีข้อความโซเชียลต่อเดือน มากกว่า 3 พันล้านข้อความบนแพลตฟอร์มดิจิทัลหลายร้อยแพลตฟอร์ม
กระตุ้นนวัตกรรมของรัฐบาลในการพัฒนาบริการสำหรับประเทศไทย
การรักษา resilience (ความสามารถในการกลับคืนสู่สภาพเดิม) เพื่อรักษาข้อมูลที่สำคัญและโครงสร้างพื้นฐานให้ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาครัฐทั่วประเทศไทย เนื่องจากพวกเขามองหาโอกาสในการเปลี่ยนแปลงวิธีการให้บริการประชาชน และด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่องของ AWS ในโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยจะช่วยให้ลูกค้าภาครัฐมีความพร้อมใช้งานสูงและเข้าถึงเทคโนโลยีคลาวด์ล่าสุด ในขณะเดียวกันก็เป็นไปตามข้อกำหนดเกี่ยวกับ data residency (สถานที่เก็บข้อมูล)
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 AWS ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (MDES) เพื่อช่วยในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของ Thailand Government Cloud (ระบบคลาวด์ที่ใช้ในภาครัฐของประเทศไทย) ภายใต้บันทึกความเข้าใจนี้ MDES และรัฐบาลไทยสามารถพิจารณาใช้ AWS เป็นส่วนหนึ่งของ Government Data Center and Cloud service (GDCC) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ส่วนกลางสำหรับหน่วยงานภาครัฐ ทั้งนี้ MDES จะทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลไทยอื่นๆ และ AWS เพื่อระบุ pilot workload ในเชิงกลยุทธ์เพื่อใช้งานบน AWS ผ่านทาง GDCC ในปีหน้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าหน่วยงานของรัฐสามารถทดลองกับเทคโนโลยีคลาวด์เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมและบรรลุภารกิจได้
นอกเหนือจากการสนับสนุน Thailand 4.0 ของประเทศแล้ว การเปิดตัว region AWS Asia Pacific (Bangkok) จะช่วยเพิ่มโอกาสสำหรับภาครัฐและรัฐบาลของประเทศไทยในการพัฒนาบริการทางดิจิทัลให้แก่ประชาชน, ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัย, เพิ่มความปลอดภัย และปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน
สนับสนุนให้ธุรกิจในท้องถิ่น สามารถขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก
AWS มุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าทุกขนาดทั่วประเทศไทย เพื่อให้เข้าถึงบริการคลาวด์ที่มีความปลอดภัย, ความน่าเชื่อถือ, ขนาด และความเร็วเช่นเดียวกับองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สตาร์ทอัพอย่าง Energy Response Co. Ltd (ENRES) ได้ใช้ประโยชน์จาก Internet of Things (IoT) และ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับอาคารทั่วเอเชีย ทั้งยังช่วยให้บริษัทลดต้นทุนการดำเนินงาน ด้วยการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น หลายๆสตาร์ทอัพได้เริ่มต้นธุรกิจผ่านโปรแกรม AWS Activate ซึ่งให้การฝึกอบรม, การสนับสนุนทางเทคนิค, และเครดิต AWS เพื่อรองรับการเติบโตของสตาร์ทอัพ ตั้งแต่ปี 2013 AWS Activate ได้ให้การสนับสนุนแก่สตาร์ทอัพนับแสนรายทั่วโลก และในปีที่แล้ว AWS ได้มอบเครดิต AWS มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยให้สตาร์ทอัพเร่งความเร็วและขยายธุรกิจของตน
AWS ยังขยายโปรแกรม Startup Ramp สู่ประเทศไทยในปี 2021 โปรแกรมนี้สนับสนุนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้น ในขณะที่พวกเขาสร้าง, เปิดตัว, และขยายโซลูชัน ในเทคโนโลยีด้านต่างๆ เช่น สุขภาพ, รัฐบาลดิจิทัล, เมืองอัจฉริยะ, เกษตรกรรม และอวกาศ ซึ่ง AWS Startup Ramp ทำงานเพื่อขจัดอุปสรรคสำหรับผู้ประกอบการ ด้วยการให้คำปรึกษาทางด้าน technical design, การ review ในส่วนของ architecture, การให้เครดิต, และการช่วยเหลือด้านแผน go-to-market เพื่อช่วยแนะนำด้านข้อกำหนด, กฎระเบียบ, และความปลอดภัย
ธุรกิจในท้องถิ่นจำนวนมากที่เป็นส่วนหนึ่งของ AWS Partner Network ในประเทศไทยทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อแก้ปัญหาที่ท้าทายที่สุดของชุมชนและปรับปรุงการให้บริการประชาชน AWS มีเครือข่าย Partner ที่กว้างขวาง เพื่อรองรับนวัตกรรมของลูกค้าในประเทศไทย ซึ่งรวมถึง Independent Software Vendors หรือผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) และ Systems Integrators (SI) กว่า 100,000 รายทั่วโลก โดย AWS Partner สร้างโซลูชันและบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่บน AWS และ APN ยังให้การสนับสนุนด้านธุรกิจ, เทคนิค, การตลาด, และ go-to-market เพื่อ support ลูกค้า นอกจากนี้ APN SIs, consulting partners, and ISVs ยังช่วยเหลือลูกค้าเพื่อ migrate workload ต่างๆไปยัง AWS, deploy แอปพลิเคชัน ที่ความ critical และมีความสำคัญสูง และให้บริการเต็มรูปแบบด้าน monitoring, automation และ management services สำหรับลูกค้า โดย AWS Partners ในประเทศไทยเช่น National Telecom (NT), True IDC, G-Able และ DailiTech ในส่วนของ AWS ISV ในประเทศไทย เช่น 2C2P, Omise และ Amity เหล่านี้ได้ใช้ AWS เพื่อส่งมอบซอฟต์แวร์ให้กับลูกค้าทั่วโลกและวางแผนที่จะให้บริการลูกค้าชาวไทยจาก AWS Asia Pacific (Bangkok) region เมื่อเปิดให้บริการ
ร่วมมือกันแก้ปัญหาช่องว่างด้านทักษะของประเทศไทย
การย้ายไปยังระบบคลาวด์เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ที่สุดในยุคปัจจุบัน, และด้วยความเร็วของการเปลี่ยนแปลงนี้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการเพิ่มทักษะความสามารถให้กับ builder หรือผู้สร้างในทุกๆที่ ประเทศไทยกำลังสร้างกระแสแห่งนวัตกรรม ซึ่งต้องอาศัยแรงงานดิจิทัลที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับคลาวด์คอมพิวติ้ง โดยงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจาก AWS ของ AlphaBeta แสดงให้เห็นว่า ในปี 2025 ชุดทักษะดิจิทัลที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดสามในห้าจะเกี่ยวข้องกับคลาวด์
AWS ได้ให้ความสำคัญด้านการลงทุนเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนทักษะด้านดิจิทัลของประเทศไทย – เพื่อช่วยเร่งให้เกิดนวัตกรรม, ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ, และสร้างงานที่มีมูลค่าสูง ซึ่ง AWS ได้ฝึกอบรมบุคคลกว่า 700,000 คนทั่วอาเซียนเพื่อให้มีทักษะด้านคลาวด์มาตั้งแต่ปี 2017 และวางแผนที่จะร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและองค์กรภาครัฐในประเทศไทยต่อไปเพื่อพัฒนาชุดทักษะด้านดิจิทัลของประเทศ
AWS ยังลงทุนด้านการเพิ่มทักษะให้กับนักพัฒนา, นักเรียน, และผู้นำไอทีรุ่นต่อไปในประเทศ ผ่านทางโปรแกรมต่างๆ เช่น AWS Skills Builder, AWS Academy และ AWS Educate ซึ่ง AWS Academy ให้บริการแก่นักเรียนใน 8 สถาบันในกรุงเทพ,เชียงราย, และปทุมธานี นักเรียนที่สนใจเนื้อหาการเรียนรู้ด้วยตนเอง สามารถได้ประโยชน์จาก Cloud Career Pathways ผ่านทาง AWS Educate รวมทั้งจากหลักสูตรของวิทยาลัยผ่านทางโปรแกรมการฝึกอบรมเต็มเวลาและเนื้อหาการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยโปรแกรมของ AWS เหล่านี้ จะช่วยให้ผู้เรียนจากทุกระดับประสบการณ์ สามารถเตรียมพร้อมสำหรับการประกอบอาชีพในระบบคลาวด์
AWS ยังช่วยลูกค้าในประเทศไทยสร้างทักษะด้านดิจิทัลทั่วทั้งองค์กร โดย AWS จะร่วมมือกับ MDES ในแผนทักษะและให้การสนับสนุนในการฝึกอบรมพนักงานมากกว่า 1,200 คนด้วยทักษะระบบคลาวด์ เพื่อช่วยเร่งสร้างนวัตกรรมร่วมกับรัฐบาลของประเทศไทย นอกจากนี้ AWS จะจัดหลักสูตรดิจิทัลตามต้องการและกิจกรรมการฝึกอบรมที่อำนวยความสะดวก เพื่อให้พนักงานของรัฐสามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการนำเทคโนโลยีระบบคลาวด์ไปใช้ในวงกว้าง, ตัดสินใจทางธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้ดีขึ้น, และสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่ดีขึ้นสำหรับประชาชน
สร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน
การสร้างอนาคตที่ยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโลกของเรา, ลูกค้าของเรา และชุมชนของเรา ซึ่ง AWS เชื่อว่าการเติบโตของระบบคลาวด์จะต้องเป็นไปอย่างยั่งยืนที่สุด โดย Amazon ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2025 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายเดิมในปี 2030 ถึง 5 ปี (สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของ Amazon เพิ่มเติมได้ที่นี่)
AWS มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกค้าของเราลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยการย้าย workload ไปยังระบบคลาวด์ โดยการวิจัยกว่า 451 รายงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ S&P Global Market Intelligence พบว่าการประมวลผลในระบบคลาวด์มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่าศูนย์ข้อมูลภายในองค์กร ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ถึง 5 เท่า และการย้าย workload การประมวลผลจากศูนย์ข้อมูลภายในองค์กร สู่ระบบคลาวด์สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขององค์กรได้มากกว่า 78%
ในปี 2019 AWS ได้ร่วมก่อตั้ง Climate Pledge ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาขององค์กรที่จะให้คาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2040 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในข้อตกลงปารีสหนึ่งทศวรรษ ณ เดือนมีนาคม 2022 บริษัทมากกว่า 300 แห่งได้ลงนามใน The Climate Pledge ซึ่งเติบโตกว่า 600% ของผู้ลงนามในปีที่ผ่านมา
ความมุ่งมั่นของ AWS ต่อประเทศไทย
การประกาศ announcement ในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องและจริงจังของ AWS ในการสนับสนุนการเติบโตของประเทศไทยและวิสัยทัศน์ของเราในการทำให้ประเทศชาติเป็นผู้นำในเศรษฐกิจดิจิทัล โดย AWS มุ่งหวังว่าจะได้เห็นลูกค้าและคู่ค้าจำนวนมากขึ้น ให้ใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์ที่ครอบคลุมและนำไปใช้อย่างกว้างขวางที่สุดในโลก เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลทั่วประเทศไทย ในขณะเดียวกันก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ