AWS Thai Blog

นำ AWS เข้ามาใกล้ลูกค้าของเราในเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นมากขึ้น

โลกกำลังเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้องค์กรต่างๆ ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (APJ) หันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปรับเปลี่ยนประสบการณ์ของลูกค้า

เมื่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลทั่วโลกเติบโตขึ้น และแอปพลิเคชันที่องค์กรสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามีการกระจายตัวมากขึ้น ความต้องการเวลาแฝง (Latency) หรือเวลาที่ใช้ในการส่งข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งบนเครือข่าย ที่ต่ำจึงยิ่งสำคัญมากขึ้น การลดเวลาแฝงสามารถช่วยให้องค์กรเพิ่มประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน เพิ่มความเร็วในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก และเพิ่ม productivityได้

เพื่อตอบสนองความต้องการและนำเทคโนโลยีคลาวด์เข้าใกล้ลูกค้ามากขึ้น เราตื่นเต้นที่จะประกาศขยายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานใน APJ ด้วยแผนเปิดตัว AWS Local Zones ใหม่ 10 โซน ใน 6 ประเทศ AWS Local Zones เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่นำการประมวลผล ที่จัดเก็บข้อมูล ฐานข้อมูล และบริการอื่น ๆ ของ AWS เข้ามาใกล้ลูกค้ามากขึ้น ลูกค้าสามารถสร้างและติดตั้งแอปพลิเคชันที่อยู่ใกล้กับผู้ใช้ ต้องตอบสนองอย่างรวดเร็ว หรือใช้เวลาแฝงในหลัก Millisecond เช่นเดียวกับศูนย์ข้อมูลในองค์กร

AWS Local Zones จะเปิดให้บริการกับผู้ใช้งานหลายร้อยล้านคนทั่ว ออสเตรเลีย (บริสเบนและเพิร์ธ) อินเดีย (เบงกาลูรู เจนไน เดลี และโกลกาตา) นิวซีแลนด์ (โอ๊คแลนด์) ฟิลิปปินส์ (มะนิลา) ประเทศไทย (กรุงเทพฯ) และเวียดนาม (ฮานอย) ร่วมกับ AWS Local ใหม่อีก 22 แห่ง ที่มีแผนเปิดให้บริการในอีก 20 ประเทศทั่วโลกในสองปีข้างหน้า

เวลาแฝงที่ต่ำกว่า เพื่อเอื้อต่องานดิจิทัล

เวลาแฝงที่ต่ำมากของ AWS Local Zones จะรองรับลูกค้าที่ใช้งานแอปพลิเคชัน เกมแบบเรียลไทม์ การสร้างเนื้อหาและสื่อความบันเทิง การสตรีมวิดีโอสด การจำลองทางวิศวกรรม และ Augmented and Virtual Reality โครงสร้างพื้นฐานใหม่นี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตั้งผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่รองรับประสบการณ์ที่เร็วและดียิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์ซึ่งไม่ต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานล่วงหน้า องค์กรใน APJ จะได้รับความคล่องตัวที่จำเป็นสำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

AWS เป็นผู้จัดการดูแล AWS Local Zones เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายและความพยายามในการจัดหา ดำเนินการ และบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับแอปพลิเคชันที่มีเวลาแฝงต่ำ

ช่วยเหลือสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น

ในช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา AWS ได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกครอบคลุมพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ 26 แห่ง (Geographic Region) และ Availability Zone (AZ) 84 แห่งทั่วโลก ซึ่งรวมถึง AWS Region ในสิงคโปร์ ซิดนีย์ มุมไบ โอซาก้า โตเกียว โซล และจาการ์ตา พร้อมแผนการลงทุนเพิ่มเติมใน โอ๊คแลนด์ ไฮเดอราบาด และเมลเบิร์น

เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นได้รับประโยชน์จากศักยภาพของคลาวด์ การลงทุนในท้องถิ่นและการเปิดตัวโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ใหม่จะช่วยให้รัฐบาลท้องถิ่นและธุรกิจทุกขนาดในทุกอุตสาหกรรมสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ มีศักยภาพครอบคลุมและมีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลก คลาวด์สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ทวีคูณ ตั้งแต่การสร้างงาน การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ไปจนถึงการเสริมสร้างความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน และเพิ่มความคล่องตัว

องค์กรและชุมชนจำเป็นต้องมีทักษะที่เหมาะสมเพื่อปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของระบบคลาวด์ ผลการวิจัยล่าสุดจาก AlphaBeta (ผ่านการมอบหมายจาก AWS) เผยให้เห็นว่าความต้องการของทักษะด้านคลาวด์ขั้นสูงและทักษะด้านข้อมูลใน APJ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสามเท่าภายในปี 2025 และเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในทักษะดิจิทัลทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา AWS ได้ฝึกอบรมทักษะระบบคลาวด์ให้กับคน 2.5 ล้านคนทั่ว APJ และเรามุ่งมั่นที่จะสานต่อความพยายามของเราในการช่วยเพิ่มทักษะให้พนักงานและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญกับดิจิทัล (Digital-first Economy) ซึ่งรวมถึงความริเริ่มต่าง ๆ อาทิเช่น การเปิดตัวระบบ AWS Skill Builder ที่ให้ประสบการณ์การเรียนรู้ดิจิทัลแบบใหม่ การเพิ่มหลักสูตรของ AWS ในเว็บไซต์ Amazon.com การขยายโครงการเพิ่มทักษะระดับโลก AWS re/Start และการเปิดตัว AWS Skills Center ซึ่งเป็นพื้นที่การเรียนรู้ระบบคลาวด์โดยเฉพาะแบบตัวต่อตัวแห่งแรกของ Amazon

สู่อนาคตที่ยั่งยืน

องค์กรทั่วโลกจำเป็นต้องสร้างความยั่งยืนในแผนธุรกิจของตนเพื่อให้บริการลูกค้าและพลเมืองได้ดียิ่งขึ้น เช่นเดียวกัน การส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกลยุทธ์ดิจิทัลและคลาวด์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้บรรลุเป้าหมายนี้

รายงานจาก 451 Research ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ S&P Global Market Intelligence พบว่าระบบคลาวด์มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่าศูนย์ข้อมูลภายในองค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ซึ่งรวมถึงในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และอินเดีย ถึง 5 เท่า และการย้ายจากศูนย์ข้อมูลภายในองค์กรไปยังระบบคลาวด์ สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขององค์กรได้มากกว่า 78%

Amazon มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในธุรกิจของเราเพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้าและโลกใบนี้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงก่อตั้ง The Climate Pledge ร่วมกับ Global Optimism และตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุ Net Zero Carbon ภายในปี 2040 ซึ่งเร็วกว่าข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) 10 ปี และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ Amazon กำลังดำเนินตามแผนขับเคลื่อนการดำเนินงานทั่วโลกของเราด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2025 ตลอดจนลงทุนอย่างต่อเนื่องในโครงการพลังงานหมุนเวียนใน APJ ทั้งในออสเตรเลียและสิงคโปร์

ตั้งแต่ปี 2019 เราได้ประกาศโครงการพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์สามโครงการในออสเตรเลีย ซึ่งได้แก่ ฟาร์มกังหันลม Hawkesdale ในรัฐวิกตอเรีย, Gunnedah Solar Farm และ Suntop Solar Farm ในนิวเซาท์เวลส์ นอกจากนี้ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 62 เมกะวัตต์ในสิงคโปร์เป็นโครงการชุดแผงโซลาร์เซลล์ติดตั้งบนระบบภาคพื้นดินที่เมื่อแล้วเสร็จในปี 2565 จะเป็นหนึ่งในระบบพลังงานแสงอาทิตย์แบบเคลื่อนย้ายได้ที่ใหญ่ที่สุดที่ออกแบบและติดตั้งในสิงคโปร์ โดยโครงการจะจัดส่งพลังงานหมุนเวียนใหม่สุทธิให้กับโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ

โครงการเหล่านี้ใน APJ รวมกันจะสนับสนุนกำลังการผลิตประมาณ 346 เมกะวัตต์ และจัดหาพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมกว่า 800,000 เมกะวัตต์ต่อชั่วโมงให้กับโครงข่ายไฟฟ้าในแต่ละท้องถิ่น

การประกาศขยาย AWS Local Zones ใน APJ และการลงทุนอย่างต่อเนื่องของเราในโครงสร้างพื้นฐานและทักษะด้านดิจิทัล แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสิ่งที่สำคัญต่อลูกค้าของเราและความมุ่งมั่นในระยะยาวของ AWS ต่อภูมิภาคนี้ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำระดับโลกจะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่องและช่วยเพิ่มความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจสำหรับประเทศในภูมิภาคนี้

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ AWS Local Zones ที่นี่