คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Amazon RDS สำหรับ Db2

Amazon Relational Database Service (Amazon RDS) สำหรับ Db2 เป็นกลไก ฐานข้อมูลแบบเชิงสัมพันธ์ ที่มีการจัดการได้เต็มรูปแบบ พร้อมใช้งานสูง และปลอดภัย ซึ่งทําให้ง่ายต่อการตั้งค่าและปรับขนาดการนำไปใช้จริงของ Db2 ในระบบคลาวด์

คุณสามารถเริ่มต้นใช้งานได้โดยใช้ คอนโซลการจัดการของ AWS Command Line Interface (AWS CLI) หรือ AWS CloudFormation เพื่อสร้างอินสแตนซ์ฐานข้อมูล Amazon RDS สำหรับ Db2 ใหม่ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ เอกสารประกอบอินเทอร์เฟซ Amazon RDS

คุณสามารถจัดการอินสแตนซ์ของคุณด้วย คอนโซลการจัดการของ AWS หรือ AWS CLI คุณยังสามารถตรวจสอบ ประสิทธิภาพของอินสแตนซ์ RDS ของคุณโดยใช้ Amazon CloudWatch และเหตุการณ์ และบันทึกกิจกรรมด้วย Amazon RDS Enhanced Monitoring

Amazon RDS สำหรับ Db2 รองรับฐานข้อมูล Db2 v11.5.9 รุ่น Db2 Standard และ Advanced สําหรับ Linux, Unix และ Windows (LUW)

หากคุณใช้ v11.1 Amazon RDS สำหรับ Db2 จะรองรับการย้ายข้อมูลผ่านการสํารองและกู้คืนจากสแนปช็อต v11.1 ไปยังอินสแตนซ์ Amazon RDS สำหรับ Db2 หากคุณใช้เวอร์ชันที่เก่ากว่า v11.1 เราขอแนะนําให้คุณอัปเกรดเป็น v11.5 ก่อนที่จะย้ายข้อมูลไปยัง Amazon RDS สำหรับ Db2

Amazon RDS สำหรับ Db2 เสนอโมเดล Bring Your Own License (BYOL) และความสามารถในการสมัครรับสิทธิ์การใช้งานรายชั่วโมงผ่าน AWS Marketplace โมเดล BYOL ช่วยให้คุณสามารถใช้สิทธิ์การใช้งาน Db2 ที่มีอยู่กับ Amazon RDS ในขณะที่การให้สิทธิ์การใช้งานผ่าน AWS Marketplace เป็นสิทธิ์การใช้งาน Db2 ใหม่และคุณจ่ายเฉพาะที่คุณใช้ตามอัตรารายชั่วโมงต่อคอร์

ได้ คุณสามารถสลับระหว่าง BYOL และการให้สิทธิ์การใช้งานผ่าน AWS Marketplace โดยใช้การกู้คืนข้อมูลในจุดเวลาที่กำหนด (PITR) และเลือกประเภทสิทธิ์การใช้งานที่ต้องการได้เมื่อคุณกู้คืน โปรดทราบว่าจำเป็นต้องหยุดทำงานเมื่อเปลี่ยนประเภทการให้สิทธิ์การใช้งาน

ได้ คุณสามารถสลับระหว่าง Db2 รุ่น Standard และรุ่น Advanced โดยใช้การกู้คืนข้อมูลในจุดเวลาที่กำหนด (PITR) และเลือกรุ่นที่ต้องการเมื่อคุณกู้คืนได้ โปรดทราบว่าจำเป็นต้องหยุดทำงานเมื่อเปลี่ยนรุ่นฐานข้อมูลของคุณ

ด้วยการอัปเกรดเวอร์ชันรองคุณสามารถเลือกที่จะ แก้ไขเวอร์ชันกลไกด้วยตนเอง หรือเปิดใช้งาน การอัปเกรดเวอร์ชันรองอัตโนมัติ

Amazon RDS สำหรับ Db2 มี การใช้งานอินสแตนซ์แบบ Multi-AZ ในสแตนด์บายเดียวใน Availability Zone (AZ) อื่น แต่อยู่ใน AWS Region เดียวกันกับฐานข้อมูลหลักของคุณ โดยใช้การจําลองแบบซิงโครนัสเพื่อให้ข้อมูลในฐานข้อมูลสแตนด์บายของคุณทันสมัยอยู่เสมอ ในกรณีที่เกิดความล้มเหลว ฐานข้อมูลหลักจะใช้การใช้ระบบสำรองเพื่อกู้คืนข้อมูลไปยังฐานข้อมูลสแตนด์บายโดยไม่มีการสูญเสียข้อมูลและโดยไม่มีการแทรกแซงจากมนุษย์ในเวลาเพียง 60 วินาที

Amazon RDS สำหรับ Db2 จะสแนปช็อตระดับพื้นที่จัดเก็บโดยอัตโนมัติในแต่ละวัน ข้อมูลบันทึกจะเก็บถาวรจะถูกแยกและอัปโหลดทุก 5 นาที สแนปช็อตจะถูกเก็บไว้นานถึง 35 วัน สแนปช็อตสามารถใช้เพื่อกู้คืนระบบการจัดการฐานข้อมูล (DBMS) หรือสร้างสําเนาของ DBMS ใน Region อื่นที่มีการกู้คืนข้อมูลในจุดเวลาที่กำหนด (PITR) หมายเหตุ: ไม่สามารถส่งออกสแนปช็อตอัตโนมัติของ AWS ออกนอก AWS ได้

เรารองรับการยืนยันตัวตนผู้ใช้ภายในและ AWS Managed Microsoft Active Directory (AD) ด้วย Kerberos

Amazon RDS Enhanced Monitoring และ CloudWatch รองรับ Amazon RDS สำหรับ Db2 ข้อมูลบันทึกการวินิจฉัย Db2 พร้อมใช้งานใน CloudWatch ดู ตัววัดการตรวจสอบในอินสแตนซ์ DB สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม คุณยังสามารถใช้ IBM Data Management Console (DMC) เพื่อตรวจสอบอินสแตนซ์ Amazon RDS สำหรับ Db2 ได้อีกด้วย

ใช่ Amazon RDS สำหรับ Db2 รองรับ PITR ใน Region เดียวกัน

ใช่ Amazon RDS สำหรับ Db2 รองรับการเข้ารหัสอย่างง่ายดายโดยใช้ AWS Key Management Service (AWS KMS) คุณสามารถใช้คีย์การเข้ารหัสของตัวเองได้ Amazon RDS สำหรับ Db2 มีคุณสมบัติเพิ่มเติม รวมถึงการเข้ารหัสระหว่างการส่งและการแยกเครือข่ายโดยใช้ Amazon Virtual Private Cloud (Amazon VPC) หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยของ Amazon RDS โปรดไปที่ ความปลอดภัยของ Amazon RDS