ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เว็บโฮสติ้งคืออะไร

เว็บโฮสติ้งคือบริการที่จัดเก็บเว็บไซต์หรือเว็บแอปพลิเคชันของคุณ และทำให้เข้าถึงผ่านอุปกรณ์ประเภทต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นเดสก์ท็อป มือถือ หรือแท็บเล็ต โดยทั่วไปแล้ว เว็บแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ใดๆ จะประกอบด้วยไฟล์จำนวนมาก เช่น รูปภาพ วิดีโอ ข้อความ และโค้ด ซึ่งคุณจำเป็นต้องจัดเก็บไว้บนคอมพิวเตอร์พิเศษที่เรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ ผู้ให้บริการด้านการโฮสต์เว็บจะดูแลรักษา กำหนดค่า และใช้งานเซิร์ฟเวอร์จริงที่คุณสามารถเช่าสำหรับไฟล์ของคุณได้ นอกจากนี้ บริการโฮสต์เว็บไซต์และเว็บแอปพลิเคชันยังมีการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น การรักษาความปลอดภัย การสำรองข้อมูลเว็บไซต์ และประสิทธิภาพเว็บไซต์ ซึ่งช่วยให้คุณมีเวลามากขึ้นในการทุ่มเทให้กับฟังก์ชันหลักของเว็บไซต์

เหตุใดเว็บโฮสติ้งจึงมีความสำคัญ

การโฮสต์เว็บไซต์ธุรกิจของคุณบนเซิร์ฟเวอร์ภายในอาจใช้เวลานานและมีราคาแพง ผู้ให้บริการการโฮสต์เว็บจะเสนอประโยชน์ต่อไปนี้

ประสิทธิภาพ

บริษัทโฮสต์เว็บที่จัดกาทรัพยากรฮาร์ดแวร์สำหรับหลายเว็บไซต์มีกำลังซื้อที่มากกว่า และจะลงทุนในเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อให้คุณได้เว็บเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงพร้อมความสามารถในการประมวลผล หน่วยความจำภายใน และทรัพยากรการประมวลผลอื่นๆ ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์และผู้เข้าชมของคุณก็จะโหลดหน้าได้อย่างรวดเร็ว

ความเสถียร

ผู้ให้บริการโฮสต์เว็บจะกำจัดความเครียดจากการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัปเกรดระบบเป็นประจำเพื่อรักษามาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่สูง ทำให้ทรัพยากรไอทีของคุณเป็นอิสระ คุณจึงสามารถมุ่งเน้นไปที่การส่งมอบแอปพลิเคชันแทนการจัดการเซิร์ฟเวอร์

การสนับสนุนทางเทคนิค

บริการโฮสต์เว็บส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนที่ครอบคลุมสำหรับแก้ไขปัญหาด้านประสิทธิภาพ อีกทั้งยังปรับปรุงการตรวจสอบเว็บไซต์และข้อมูลวิเคราะห์ การสำรองและกู้คืนข้อมูล รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งทำให้เว็บไซต์ของคุณทำงานได้ราบรื่นยิ่งขึ้น

ความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด

บริการโฮสต์เว็บใช้แนวทางแบบครบวงจรเพื่อรักษาความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงมาตรการทางกายภาพ การปฏิบัติงาน และซอฟต์แวร์เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมด

เว็บโฮสติ้งมีฟีเจอร์อะไรบ้าง

บริษัทเว็บโฮสติ้งส่วนใหญ่มีแพ็กเกจและแผนการโฮสต์ที่แตกต่างกันออกไป ค่าใช้จ่ายในการโฮสต์เว็บรายเดือนของคุณจะมีหลายราคาตั้งแต่แบบฟรีไปจนถึงแบบเสียค่าใช้จ่าย โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้

  • ขนาดของเว็บไซต์
  • จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์รายวัน
  • ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์หรือเว็บเพจในช่วงที่มีการเข้าชมสูง
  • ฟีเจอร์การโฮสต์เว็บที่คุณต้องการ

ก่อนจะเลือกบริการโฮสต์เว็บ ให้สำรวจฟีเจอร์ที่บริการต่างๆ มีให้ ฟีเจอร์หลักที่พบเห็นได้ทั่วไปมีดังนี้

พื้นที่ดิสก์

เว็บไซต์ของคุณจำเป็นต้องมีพื้นที่เก็บอีเมล ไฟล์ของเว็บ รูปภาพ และฐานข้อมูล เมื่อคำนวณข้อกำหนดการเก็บข้อมูล ให้พิจารณาถึงการเติบโตของเว็บไซต์ในอนาคตและปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ด้วย พื้นที่ดิสก์ที่ต่ำจะมีผลกระทบกับประสบการณ์ผู้ใช้ ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเลือกบริการโฮสต์เว็บ

แบนวิดท์และการถ่ายโอนข้อมูล

ในแวดวงการโฮสต์เว็บ มักมีการใช้คำว่าแบนวิดท์และการถ่ายโอนข้อมูลแทนกันและกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกัน แบนวิดท์คือปริมาณข้อมูลที่เว็บไซต์ของคุณสามารถส่งไปยังผู้เข้าชมได้ในครั้งเดียว ส่วนการถ่ายโอนข้อมูลคือปริมาณข้อมูลที่ส่งไป

คุณจะนึกภาพของแบนวิดท์เป็นท่อน้ำก็ได้ ยิ่งท่อมีขนาดใหญ่ น้ำก็จะยิ่งไหลผ่านได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่สามารถใช้ความจุทั้งหมดของท่อได้ด้วยเหตุผลหลายประการ การถ่ายโอนข้อมูลก็เหมือนกับปริมาณน้ำที่ไหลผ่านท่อในเวลาหนึ่ง

บัญชีอีเมล

แผนการโฮสต์เว็บจำนวนมากมีบัญชีอีเมลรวมอยู่ด้วย คุณสามารถลิงก์ที่อยู่อีเมลกับชื่อเว็บไซต์ของคุณได้ ตัวอย่างเช่น หากเว็บไซต์ของคุณชื่อ example.com ชื่ออีเมลของคุณจะเป็น ชื่อของคุณ@example.com บัญชีอีเมลมีประเภทหลักๆ ดังต่อไปนี้

POP3

บัญชี POP3 จะให้พื้นที่เซิร์ฟเวอร์สำหรับการเก็บอีเมลของคุณ ซึ่งจะเข้าถึงได้โดยตรงหรือโดยการใช้โปรแกรมไคลเอ็นต์ของอีเมล

การส่งต่อเมล

บัญชีเมลที่ส่งต่อจะเปลี่ยนเส้นทางอีเมลไปยังที่อยู่อีเมลอื่น บัญชีนี้อาจเป็นบัญชีอีเมลส่วนตัวที่มาจากผู้ให้บริการอีเมลหรือเป็นบัญชีบุคคลที่สามที่จัดการอีเมลเว็บไซต์ให้คุณก็ได้

Alias

บางเว็บโฮสต์มีแผนอีเมลที่คุณสามารถใช้สร้าง Alias หรือชื่อบัญชีอีเมลหลายรายการ โดยไม่ต้องสร้างบัญชี POP3 อย่างเต็มรูปแบบ ตัวอย่างเช่น คุณอาจต้องการแสดง sales@, support@ และ orders@ ในหน้าต่างๆ ของเว็บไซต์ แทนที่จะต้องสร้างบัญชี POP3 ที่จำเป็นต้องตรวจสอบและดูแลหลายบัญชี คุณจะส่งต่อทุกอย่างไปยังกล่องจดหมายเดียวได้

การเข้าถึง FTP

FTP หมายถึงการถ่ายโอนและการแชร์ไฟล์ของเว็บไซต์ หลายเว็บไซต์มีเอกสาร เช่น ไฟล์ PDF หรือไฟล์รูปภาพที่ต้องการให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตดาวน์โหลด บริษัทโฮสต์เว็บใช้การเข้าถึง FTP เพื่อมอบบริการนี้

เว็บโฮสติ้งและชื่อโดเมนแตกต่างกันอย่างไร

เว็บโฮสติ้งจะให้เซิร์ฟเวอร์หรือเครื่องบนอินเทอร์เน็ตแก่เว็บแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของคุณ แต่ชื่อโดเมนจะให้ที่อยู่กับแอปพลิเคชันของคุณ ดังนั้นผู้ใช้จะค้นหาคุณได้

ชื่อโดเมน

บนอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ทั้งหมดจะมีหมายเลขเฉพาะตัวเรียกว่าที่อยู่ IP ผู้ใช้จะใช้ที่อยู่ IP นี้เพื่อค้นหาอุปกรณ์และเว็บไซต์ หรือทรัพยากรในอุปกรณ์นั้นๆ ที่อยู่ IP อาจจดจำได้ยาก ดังนั้น การจดทะเบียนชื่อโดเมนจึงใช้ระบบชื่อโดเมน (DNS) เพื่อแมปที่อยู่ IP ให้เป็นชื่อเว็บไซต์ที่จดจำได้ง่าย การจดทะเบียนเหล่านี้จะแมปชื่อเว็บไซต์ ซึ่งเรียกว่าชื่อโดเมน กับที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์เว็บ

หากต้องการเข้าชมเว็บไซต์ใดๆ คุณก็เพียงแค่ป้อนชื่อโดเมนของเว็บไซต์นั้นลงในเบราว์เซอร์ ตัวอย่างเช่น ชื่อโดเมนสำหรับเว็บไซต์ AWS คือ aws.amazon.com

การจดทะเบียนชื่อโดเมน

เพื่อให้คนเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณถึงได้บน World Wide Web คุณต้องมีทั้งบัญชีบริการโฮสต์เว็บและชื่อโดเมนที่จดทะเบียน คุณจะเลือกชื่อได้ แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อยเพื่อจดทะเบียนด้วยการจดทะเบียนชื่อโดเมน จากนั้นคุณจะสามารถเชื่อมโยงบัญชีการโฮสต์เว็บกับชื่อโดเมนที่ลงทะเบียน ให้เป็นที่อยู่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของคุณ

เว็บโฮสติ้งทำงานอย่างไร

เมื่อคุณสร้างบัญชีกับผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง ผู้ให้บริการจะจัดสรรพื้นที่บางส่วนสำหรับเว็บไซต์หรือเว็บแอปพลิเคชันของคุณบนเซิร์ฟเวอร์ คุณจะเข้าถึงและจัดการพื้นที่นี้จากแดชบอร์ดบัญชีการโฮสต์ได้ คุณยังเข้าถึงทรัพยากรอื่นๆ ได้ เช่น Random Access Memory (RAM), Central Processing Unit (CPU) และแบนวิดท์ สัดส่วนของทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์ที่คุณได้รับขึ้นจะอยู่กับประเภทของบริการโฮสต์เว็บที่เลือก

การเลือกแผนการโฮสต์เว็บคล้ายคลึงกับการเช่าพื้นที่สำนักงาน ตัวเลือกที่มีราคาถูกที่สุดคือการเช่าพื้นที่ทำงานร่วมกัน เมื่อบริษัทของคุณเติบโตขึ้น คุณจะสามารถขยายไปเช่าทั้งสำนักงานหรือทั้งอาคารก็ได้ ในทำนองเดียวกัน คุณสามารถเริ่มจากการโฮสต์เว็บฟรีบนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ร่วมกับเว็บไซต์หรือเว็บแอปพลิเคชันอื่นๆ เมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจต้องการอัปเกรดเป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่พิเศษยิ่งขึ้น หรืออาจต้องการเช่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดก็ได้

ประเภทบริการเว็บโฮสติ้งมีอะไรบ้าง

Abstract Window Toolkit (AWT) คือ GUI ที่คุณสามารถใช้เพื่อสร้างอ็อบเจกต์ UI เช่น ปุ่ม หน้าต่าง และแถบเลื่อน

การโฮสต์แบบใช้ร่วมกัน

ผู้ให้บริการโฮสต์แบบใช้ร่วมกันจะมอบการเข้าถึงเว็บเซิร์ฟเวอร์แบบใช้ร่วมกัน คุณจะสามารถเข้าถึงไดเร็กทอรีหรือโฟลเดอร์สำหรับไฟล์เว็บไซต์ แต่คุณจะต้องใช้ทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์กับผู้อื่น ซึ่งรวมถึงพื้นที่ดิสก์ กำลังของ CPU และ RAM ผู้ให้บริการโฮสต์แบบใช้ร่วมกันอาจมีเว็บไซต์หรือเว็บแอปพลิเคชันหลายร้อยรายการในเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน อย่างไรก็ตามเว็บไซต์อื่นๆ จะไม่เห็นข้อมูลภายในของคุณ เนื่องจากผู้ใช้จะไม่สามารถเข้าถึงไดเร็กทอรีหลักหรือรากได้

การโฮสต์แบบใช้ร่วมกันเหมาะสำหรับกรณีต่อไปนี้ 

  • ธุรกิจใหม่และธุรกิจขนาดเล็ก
  • เว็บไซต์ส่วนตัวและบล็อก
  • หน้าเว็บของผู้ค้าและเจ้าของ-ผู้ประกอบการรายเดียว

ประโยชน์ของการโฮสต์เว็บแบบใช้ร่วมกัน

แผนการโฮสต์แบบใช้ร่วมกันมีประโยชน์ในการโฮสต์เว็บไซต์ดังต่อไปนี้

  • ค่าธรรมเนียมรายเดือนต่ำ
  • ฟีเจอร์ในตัว เช่น ตัวสร้างเว็บไซต์และซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล
  • ตั้งค่าและเริ่มต้นใช้งานได้ง่าย
  • มีความสามารถในการโฮสต์หลายเว็บไซต์ในบัญชีเดียว

ข้อกำจัดของการโฮสต์เว็บแบบใช้ร่วมกัน

ข้อจำกัดบางประการของบริการโฮสต์เว็บแบบใช้ร่วมกันมีดังนี้

  • หากเว็บไซต์อื่นบนเซิร์ฟเวอร์ของคุณมีปปริมาณการเข้าชมเพิ่มสูงขึ้น ประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณก็จะได้รับผลกระทบด้วย
  • คุณควบคุมการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ได้น้อยลง ซึ่งจะจำกัดฟีเจอร์ในเว็บไซต์ของคุณด้วย ตัวอย่างเช่น คุณจะไม่สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สาม อย่างระบบบัญชี เพื่อรวมเข้ากับเว็บไซต์ได้
  • ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อผู้ใช้และปริมาณการเข้าชมเพิ่มขึ้น

การโฮสต์ VPS

ผู้ให้บริการโฮสต์ Virtual Private Server (VPS) ใช้เซิร์ฟเวอร์เสมือนส่วนตัวเพื่อให้คุณเข้าถึงทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์ที่พิเศษยิ่งขึ้น เทคโนโลยีการโฮสต์ VPS จะแบ่งเซิร์ฟเวอร์จริงเพื่อสร้างเซิร์ฟเวอร์เสมือนเล็กๆ ที่คุณสามารถเช่าได้ เซิร์ฟเวอร์เสมือนจริงส่วนตัวทำให้คุณเข้าถึงได้ทั้งพื้นที่และทรัพยากรการประมวลผลแบบพิเศษในเซิร์ฟเวอร์จริง เช่น หน่วยความจำและความสามารถในการประมวลผล คุณจะติดตั้งระบบปฏิบัติการบนเซิร์ฟเวอร์เสมือนและควบคุมสภาพแวดล้อมในเซิร์ฟเวอร์ได้ดียิ่งขึ้น

การโฮสต์ VPS เหมาะสำหรับกรณีต่อไปนี้

  • ธุรกิจขนาดกลางที่มีปริมาณการเข้าชมเพิ่มขึ้น
  • เว็บไซต์ที่ซับซ้อนซึ่งจำเป็นต้องมีการติดตั้งซอฟต์แวร์ธุรกิจอื่นๆ บนเซิร์ฟเวอร์

ประโยชน์ของการโฮสต์ VPS

การโฮสต์ VPS มีประโยชน์หลายข้อ ดังนี้

  • ควบคุมการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์เสมือนได้อย่างสมบูรณ์
  • ปรับขนาดและปรับแต่งการกำหนดค่าได้ง่าย
  • มีควบคุมประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ที่เหนือกว่า

ข้อจำกัดของการโฮสต์ VPS

การโฮสต์ VPS ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทางเทคนิคภายในองค์กรและความรู้เกี่ยวกับการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์สูงกว่า คุณสามารถเลือกบริการโฮสต์ที่มีการจัดการ ซึ่งจะดูแลการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์อย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดนี้ได้

การโฮสต์แบบ Dedicated

ผู้ให้บริการโฮสต์แบบ Dedicated จะให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์จริงอย่างเต็มรูปแบบ คุณจะมีการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์แบบ Dedicated สำหรับเว็บไซต์ของคุณโดยเฉพาะ คุณสามารถควบคุมและปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมตามข้อกำหนดของคุณได้ คุณสามารถแบ่งเซิร์ฟเวอร์ได้ด้วยตนเองเพื่อโฮสต์โดเมนหลายรายการในเซิร์ฟเวอร์จริงเดียวกัน

แผนการโฮสต์แบบ Dedicated เหมาะสำหรับกรณีต่อไปนี้

  • องค์กรและธุรกิจขนาดใหญ่
  • เจ้าของธุรกิจที่มีหลายโดเมน
  • เว็บแอปพลิเคชันซับซ้อนที่ต้องการความสามารถในการประมวลผลจำนวนมาก

ประโยชน์ของการโฮสต์แบบ Dedicated

เซิร์ฟเวอร์แบบ Dedicated สำหรับการโฮสต์เว็บมีประโยชน์หลายข้อ ดังนี้

  • ความเสถียรและความปลอดภัยมากกว่า
  • ความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพเซิร์ฟเวอร์ที่เหนือกว่า
  • การกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างเต็มรูปแบบ

ข้อกำจัดของการโฮสต์แบบ Dedicated

เซิร์ฟเวอร์แบบ Dedicated มีค่าเช่าและค่าบำรุงรักษาแพง คุณต้องมีความสามารถทางเทคนิคภายในองค์กร ดังนั้น องค์กรที่มีการเพิ่มทรัพยากรอย่างเพียงพอมักจะมองว่าการโฮสต์แบบ Dedicated มีความเหมาะสมมากกว่า

ปลั๊กอิน Java

ปลั๊กอิน Java สร้างการเชื่อมต่อระหว่างเบราว์เซอร์ยอดนิยมและแพลตฟอร์ม Java เพื่อให้คุณสามารถเรียกใช้แอปเพล็ตเว็บไซต์ภายในเบราว์เซอร์เดสก์ท็อปได้

การโฮสต์บนคลาวด์

ผู้ให้บริการโฮสต์บนคลาวด์ใช้การแบ่งทรัพยากรและปรับขนาดเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการโฮสต์เว็บและปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ คุณจะได้รับการเข้าถึงคลัสเตอร์ของเซิร์ฟเวอร์แบบใช้ร่วมกัน และผู้ให้บริการโฮสต์บนคลาวด์จะทำซ้ำไฟล์เว็บไซต์ของคุณโดยอัตโนมัติในหลายเซิร์ฟเวอร์ หากเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ตัวใดตัวหนึ่งไม่ว่าง ผู้ให้บริการโฮสต์ก็จะกำหนดเส้นทางการเข้าชมของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์อื่นโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้อย่างมากโดยไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายที่ต่อเนื่องของคุณ 

คุณจะเลือกแผนการโฮสต์บนคลาวด์แบบใช้ร่วมกัน การโฮสต์ VPS หรือการโฮสต์แบบ Dedicated ก็ได้ ความแตกต่างจะอยู่ที่พื้นฐานการจัดการเซิร์ฟเวอร์จริง 

เนื่องจากการโฮสต์บนคลาวด์นั้นมีตัวเลือกหลากหลาย จึงเหมาะกับธุรกิจทุกประเภท รวมถึงประเภทต่อไปนี้ด้วย

  • ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง
  • อีคอมเมิร์ชและเว็บแอปพลิเคชันที่ซับซ้อน
  • องค์กรรัฐและเอกชน
  • องค์กรขนาดใหญ่ที่มีหลายโดเมน

ประโยชน์ของการโฮสต์บนคลาวด์

การโฮสต์บนคลาวด์มีประโยชน์ในการโฮสต์เว็บหลายข้อ ดังนี้

  • ความพร้อมใช้งานและความเสถียรที่เหนือกว่าสำหรับผู้ใช้เว็บไซต์
  • เพิ่มและลดทรัพยากรโดยอัตโนมัติเมื่อข้อกำหนดของคุณเปลี่ยนแปลง
  • การรักษาความปลอดภัยสูงขึ้นซึ่งตรงกับมาตรฐานการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวดที่สุด
  • การสำรองข้อมูลอัตโนมัติและความซ้ำซ้อน
  • ความยืดหยุ่นสูง คุณจะชำระค่าบริการตามการใช้งานจริงเท่านั้น

ข้อกำหนดของเว็บโฮสติ้งในปัจจุบันมีอะไรบ้าง

ผู้คนคาดหวังว่าเว็บและแอปมือถือในปัจจุบันจะสามารถใช้งานได้จากทุกที่บนโลก ลูกค้ากำลังมองหาวิธีทำให้เว็บแอปพลิเคชันของตนทันสมัยขึ้น เพื่อให้ทำสิ่งต่อไปนี้ได้

  • สร้างแอปพลิเคชันที่มีฟีเจอร์หลากหลายซึ่งมอบประสบการณ์ของผู้ใช้ที่น่าสนใจสำหรับกรณีการใช้งานทุกประเภท เช่น เว็บคงที่หรือแอปพลิเคชันที่แสดงฝั่งเซิร์ฟเวอร์ หน้าเริ่มต้นของแอปบนมือถือ หรือแอปพลิเคชันแบบก้าวหน้า
  • ให้ผู้ใช้ปลายทางทั่วโลกมีเวลาแฝงต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
  • ปรับขนาดเพื่อให้รองรับเวิร์กโหลดสูงสุดและปริมาณการเข้าชมที่เพิ่มขึ้น
  • ส่งมอบแอปพลิเคชันที่ทำงานบนเบราว์เซอร์เดสก์ท็อปและอุปกรณ์มือถือหลายร้อยรายการได้
  • ตรวจสอบแอปพลิเคชันอย่างต่อเนื่องเพื่อระบุปัญหาก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ของลูกค้า
  • เพิ่มความคล่องตัว สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เร็วขึ้น และออกสู่ตลาดเร็วขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการจัดการเซิร์ฟเวอร์จริง
  • ลดค่าใช้จ่ายรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO)
  • สร้างแอปพลิเคชันที่มีความปลอดภัย

จะโฮสต์เว็บไซต์ด้วยอินสแตนซ์เซิร์ฟเวอร์ที่จัดการด้วยตนเองได้อย่างไร

คุณสามารถเลือกจากตัวเลือกที่แตกต่างกันหลายอย่าง

การควบคุมเว็บโฮสติ้งอย่างสมบูรณ์

ในการจัดการเซิร์ฟเวอร์เว็บไซต์ของคุณอย่างเต็มที่ คุณสามารถกำหนดค่าและควบคุมอินสแตนซ์ Amazon EC2 และเรียกใช้เว็บไซต์และเว็บแอพหลายแห่ง แม้ว่าตัวเลือกนี้จะให้การควบคุมเว็บโฮสติ้งของคุณในระดับสูงสุด แต่ก็ซับซ้อนและสามารถกำหนดค่าผิดได้อย่างง่ายดายโดยต้องมีความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ

โฮสติ้งเว็บไซต์แบบคงที่ราคาไม่แพง

การใช้ Amazon S3 เป็นตัวเลือกหากคุณมีเว็บไซต์ที่เรียบง่ายและคงที่ซึ่งจะไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย มันมีราคาไม่แพงและค่อนข้างตรงไปตรงมาในการกำหนดค่าให้โฮสต์เว็บไซต์ แต่คุณจะต้องเปิดใช้งาน HTTPS

จะโฮสต์เว็บไซต์ด้วย VPS กึ่งจัดการได้อย่างไร

Amazon Lightsail VPS เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการจัดการเว็บเซิร์ฟเวอร์ด้วยตนเองบน AWS โดยนำเสนออินสแตนซ์เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวเสมือน (VPS) คอนเทนเนอร์ที่เก็บข้อมูลฐานข้อมูลและอื่น ๆ ที่ใช้งานง่าย เป็นตัวเลือกเว็บโฮสติ้ง VPS ที่ดีที่สุดสำหรับองค์กรขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่กำลังมองหาเว็บโฮสติ้งง่ายบน AWS โดยมีพื้นที่ที่จะเติบโต

Amazon Lightsail ช่วยให้คุณสามารถเปิดตัวเว็บไซต์หรือเว็บแอปของคุณเองได้เพียงไม่กี่คลิก โดยใช้ทรัพยากรคลาวด์ที่ใช้งานง่าย นำเสนอ:

  • พิมพ์เขียวที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้าด้วยแอพพลิเคชั่นและสแต็กการพัฒนาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก รวมถึง WordPress, Prestashop, Joomla, Node.js และ LAMP
  • กำหนดค่าฐานข้อมูล MySQL หรือ PostgreSQL บล็อกและที่เก็บวัตถุ อย่างสมบูรณ์
  • ไฟร์วอลล์ในตัวที่คุณสามารถจัดการผ่านคอนโซลหรือ API ที่ใช้งานง่าย
  • การจัดการใบรับรองแบบบูรณาการสำหรับ HTTPS พร้อมใบรับรอง SSL ฟรี

นอกจากนี้คุณยังได้รับประโยชน์จากการปรับสมดุลโหลดแบบง่ายสำหรับการเพิ่มปริมาณการจราจร การกระจายเครือข่ายการจัดส่งเนื้อหา (CDN) การสำรองข้อมูลและการผสานรวม AWS

ตัวอย่างเช่นคุณสามารถปรับใช้เว็บไซต์ WordPress ได้ในเวลาประมาณห้านาที ขั้นแรก สร้าง บัญชี Amazon Lightsail จากนั้นทำตามขั้นตอนด้านล่าง (ดู คู่มือฉบับสมบูรณ์ ที่นี่)

ขั้นตอนที่ 1 — สร้างอินสแตนซ์

จากคอนโซล Amazon Lightsail ให้คลิก 'สร้างอินสแตนซ์' เลือกภูมิภาค AWS และโซนความพร้อมใช้งาน หากคุณต้องการเปลี่ยนจากตำแหน่งอินสแตนซ์เริ่มต้น เลือก Linux/Unix เป็นแพลตฟอร์มของคุณและ WordPress เป็นพิมพ์เขียวของคุณ เพิ่มสคริปต์เปิดตัว คีย์ SSH หรือสแนปชอตอัตโนมัติเพื่อสำรองข้อมูล เลือกแผนอินสแตนซ์ของคุณ จากนั้นป้อนชื่ออินสแตนซ์สำหรับอินสแตนซ์ของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นตัวระบุที่ไม่ซ้ำกัน

ขั้นตอนที่ 2 - เชื่อมต่อกับ WordPress

รอจนกว่าอินสแตนซ์ของคุณจะเปลี่ยนจาก 'เริ่มต้น' เป็น 'กำลังทำงาน' ในคอนโซล Lightsail จากนั้นเลือกไอคอนเชื่อมต่อด่วน ในหน้าต่างไคลเอ็นต์ SSH ป๊อปอัป ให้พิมพ์ 'cat $HOME/bitnami_application_password' เพื่อดึงรหัสผ่านเริ่มต้น คุณจะใช้รหัสผ่านนี้เพื่อลงชื่อเข้าใช้แดชบอร์ดผู้ดูแลระบบ WordPress ของคุณ

ในคำอธิบายอินสแตนซ์บนคอนโซล Lightsail ให้ค้นหาที่อยู่ IP สาธารณะ นี่คือตัวอธิบายที่อยู่เว็บ IPv4 ตั้งค่า 5 หลักคั่นด้วยช่วงเวลา

เปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์ใหม่และพิมพ์ 'http://PublicIpAddress/wp-login.php' ใส่ที่อยู่ IP ที่พบในอินสแตนซ์ Lightsail ของคุณ ในการเข้าสู่ระบบ WordPress ให้พิมพ์ 'ผู้ใช้' เป็นชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านจากไคลเอ็นต์ SSH ป๊อปอัปเป็นรหัสผ่านของคุณ สิ่งนี้จะเปิดแดชบอร์ดผู้ดูแลระบบ WordPress

จะโฮสต์เว็บไซต์ที่มีสถาปัตยกรรมไร้เซิร์ฟเวอร์ได้อย่างไร

AWS Amplify ช่วยให้คุณสามารถปรับใช้และโฮสต์เว็บแอปหน้าเดียวและเว็บไซต์แบบคงที่โดยไม่ต้องจัดการทรัพยากร เป็นคอลเลกชันของบริการคลาวด์และไลบรารีสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบเต็มสแตค โดยมีการโฮสติ้งที่กระตุ้นโดยสาย CI/CD Git ทำให้สามารถใช้สำหรับโครงการที่หลากหลาย

การไร้เซิร์ฟเวอร์หมายถึงเว็บโฮสติ้งแบบชำระเงินตามที่สามารถปรับขนาดได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม สถาปัตยกรรมแบบไร้เซิร์ฟเวอร์เข้ากันได้กับการกำหนดค่าเว็บแอปพลิเคชันบางประเภทเท่านั้น AWS Amplify ถูกสร้างขึ้นสำหรับสถาปัตยกรรมแบบไร้เซิร์ฟเวอร์ แต่ยังมีการเชื่อมต่อกับแบ็คเอนด์ที่มีการจัดการโดยใช้ AWS Elastic Beanstalk เป็นบริการสำหรับการปรับใช้และปรับขนาดเว็บแอปพลิเคชันและบริการโดยไม่ต้องมีการจัดการโครงสร้างพื้นฐานในขณะที่ให้การควบคุมทรัพยากรตามความจำเป็น

วิธีปรับใช้เว็บแอป Next.js ด้วย Amplify

หากคุณใช้เทคโนโลยีการแสดงผลด้านไคลเอ็นต์ เช่น React และ Vue AWS Amplify จะโฮสต์แอสเซทแบบคงที่ และคุณจะมีเทคโนโลยีเว็บในตัว เช่น HTTPS เว็บแอพที่แสดงผลจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้การสร้างแบบคงที่ เช่น แอพที่สร้างขึ้นด้วย Next.js และ Nuxt ก็ได้รับการสนับสนุนเช่นกัน

ขั้นตอนที่ 1 - ลงชื่อเข้าใช้คอนโซล AWS Amplify

ลงชื่อเข้าใช้บัญชี AWS ของคุณและไปที่คอนโซล Amplify หากคุณไม่มีผู้ให้บริการ git และที่เก็บโครงการ Next คุณสามารถ สร้างบัญชี GitHub และโคลน โครงการตัวอย่างการส่งออกแบบคงที่ Next.js ไปยังบัญชี ของคุณได้

ขั้นตอนที่ 2 - สร้างแอป

ในคอนโซล Amplify คุณสามารถเลือก 'สร้างแอป' และเลือกผู้ให้บริการ Git และที่เก็บ โดยอนุญาตให้เข้าถึง AWS Amplify ในป๊อปอัป

ขั้นตอนที่ 3 - ตรวจสอบ

ตรวจสอบว่าคำสั่ง Frontend build และ Build เอาต์พุตไดเรกทอรีถูกต้อง คุณสามารถคลิก แก้ไขการตั้งค่าใด ๆ เช่น ตัวแปรสภาพแวดล้อม จากนั้นคลิกที่ 'บันทึกและปรับใช้' โครงการของคุณ โดยโฮสต์เว็บไซต์โดยอัตโนมัติ

AWS มีบริการเว็บโฮสติ้งแบบใดบ้าง

AWS มีโซลูชันการโฮสต์บนคลาวด์สำหรับบริษัทสตาร์ทอัพ ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMB) องค์กรธุรกิจ องค์กรไม่แสวงผลกำไร และองค์กรภาครัฐ เพื่อส่งมอบเว็บไซต์และเว็บแอปพลิเคชันด้วยวิธีที่ใช้ต้นทุนต่ำ AWS มีตัวเลือกการโฮสต์เว็บสมัยใหม่มากมายสำหรับการตลาด บล็อก หน้าเริ่มต้น ริชมีเดีย เว็บไซต์ อีคอมเมิร์ซ และเว็บแอปพลิเคชันทุกประเภท

  • Amazon Lightsail เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเปิดใช้และจัดการเว็บเซิร์ฟเวอร์โดยใช้ AWS Lightsail มีทุกอย่างที่คุณต้องการในการเริ่มต้นเว็บไซต์ของคุณ ด้วยราคาที่ย่อมเยาและคาดการณ์ได้
  • AWS Amplify Hosting ปรับขนาดได้ มี CI/CD ที่มีการจัดการเต็มรูปแบบและบริการโฮสต์สำหรับเว็บไซต์แบบคงที่ และเว็บแอปพลิเคชันที่แสดงฝั่งเซิร์ฟเวอร์ 
  • Amazon S3 มีตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลที่คุณใช้เพื่ออัปโหลดไฟล์สำหรับเว็บโฮสติ้งได้
  • Amazon EC2 มาพร้อมความสามารถในการประมวลผลที่ปรับขนาดได้ในระบบคลาวด์ คุณสามารถใช้เพื่อโฮสต์เว็บไซต์องค์กรและเว็บไซต์ขนาดใหญ่อื่นๆ ได้

เริ่มต้นใช้งานเว็บโฮสติ้งบน AWS ด้วยการสร้างบัญชีวันนี้

AWS จะสนับสนุนความต้องการโฮสติ้งเว็บไซต์ของคุณได้อย่างไร

AWS นำเสนอบริการเว็บโฮสติ้งที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจระดับทักษะงบประมาณระดับการควบคุมความต้องการด้านความสามารถในการปรับขนาดและการผสานรวมการพัฒนาเว็บ สำรวจ บริการเว็บโฮสติ้งบน AWS เพื่อการกำหนดราคาที่ยืดหยุ่น ความสามารถในการปรับขนาดได้ตั้งแต่วันแรก ตัวเลือกทั่วโลก และการสนับสนุนแพลตฟอร์มที่กว้างขวางจากผู้ให้บริการโฮสติ้งของคุณ