CloudWatch RUM รองรับแผนที่แหล่งที่มาของ JavaScript เพื่อการแก้ไขข้อบกพร่องที่ง่ายขึ้นแล้วในตอนนี้

โพสต์บน: 18 มี.ค. 2025

ในขณะนี้ Amazon CloudWatch RUM ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาตรวจติดตามการโต้ตอบของผู้ใช้จริงและวินิจฉัยปัญหาประสิทธิภาพส่วนหน้าได้ในแอปพลิเคชันเว็บ รองรับแผนที่แหล่งที่มาของ JavaScript แล้ว ทำให้นักพัฒนาสามารถแปลงข้อผิดพลาดของ JavaScript ที่ถูกปรับลดขนาดไปแล้วในข้อมูลติดตามสแต็กให้เป็นรูปแบบที่อ่านได้เพื่อให้แก้ไขข้อผิดพลาดได้เร็วขึ้น ฟีเจอร์นี้ช่วยให้นักพัฒนาส่วนหน้าและทีม DevOps สามารถค้นหาและอ่านข้อผิดพลาด JS ในภาษาที่มนุษย์จะเข้าใจ แล้วระบุตำแหน่งที่แน่นอนของข้อผิดพลาดในซอร์สโค้ดเดิมได้อย่างรวดเร็ว

ข้อผิดพลาดของ JavaScript อาจแก้ไขได้ยากเมื่อถูกปรับลดขนาดในข้อมูลติดตามสแต็ก ซึ่งทำให้การระบุต้นเหตุของปัญหาที่แน่นอนนั้นเป็นไปได้ยากเช่นกัน แต่ในตอนนี้ หากเกิดข้อผิดพลาดในสภาพแวดล้อมการใช้งานจริง RUM ก็จะใช้ประโยชน์จากแผนที่แหล่งที่มาที่อัปโหลดไว้ของลูกค้าเพื่อย้อนกลับไปตรวจดูโค้ดเดิมได้ ความสามารถเพิ่มเติมในการค้นหารข้อมูลประวัติสแต็กที่ยกเลิกการปรับขนาดนี้ในเหตุการณ์ RUM ช่วยให้นักพัฒนาสามารถวิเคราะห์แนวโน้มและเชื่อมโยงปัญหาในหลายเซสชันได้ ทำให้สามารถตรวจจับและจัดลำดับความสำคัญของข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นซ้ำได้เร็วขึ้น ในการยกเลิกปรับขนาดข้อผิดพลาดในข้อมูลประวัติสแต็กของ JavaScript นั้น ลูกค้าจะต้องเปิดใช้งานในการกำหนดค่าเครื่องมือตรวจติดตามแอปและระบุ S3 URI ของบัคเก็ตหรือโฟลเดอร์ที่เก็บแผนที่แหล่งที่มาผ่านคอนโซลหรือ RUM API

การปรับปรุงเหล่านี้พร้อมใช้งานในทุกรีเจี้ยนที่ใช้งาน CloudWatch RUM ได้ ลูกค้ามีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บแผนที่แหล่งที่มาของตนไว้ใน Amazon S3 และสำหรับการเรียกใช้ API เพื่ออัปโหลดและดึงแผนที่แหล่งที่มาตามค่าบริการสาธารณะของ AWS ซึ่งดูได้ที่นี่

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ที่เอกสารประกอบ หรือดูคู่มือผู้ใช้เพื่อเรียนรู้วิธีเริ่มต้นใช้งาน CloudWatch RUM