ALM คืออะไร

การจัดการวงจรการใช้งานของแอปพลิเคชัน (ALM) คือการสร้างและการบำรุงรักษาแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์จนกว่าจะไม่มีการใช้งานอีกต่อไป ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการ เครื่องมือ และคนที่ทำงานร่วมกันมากมายในการจัดการทุกแง่มุมของวงจรการใช้งาน เช่น ไอเดีย การออกแบบและการพัฒนา การทดสอบ การผลิต การสนับสนุนและความซ้ำซ้อนในที่สุด

ALM ยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะโปรแกรมจัดการวงจรการใช้งานแบบบูรณาการเพราะผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ต่างๆ เช่น นักพัฒนา นักวิเคราะห์ ผู้ทดสอบ และผู้จัดการการเปลี่ยนแปลงการทำงานร่วมกันตลอดวงจรการใช้งานแอปพลิเคชัน การทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานและการใช้เครื่องมือสนับสนุนต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าการพัฒนาแอปพลิเคชันเป็นไปตามเป้าหมายทางธุรกิจและโปรเจ็กต์นั้นประสบความสำเร็จ

เหตุใด ALM จึงมีความสำคัญ

ภายใต้การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิม ส่วนต่างๆ ของกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์นั้นแยกกันอย่างสิ้นเชิง การแยกกันดังกล่าวนำไปสู่ความไร้ประสิทธิภาพ กระบวนการความล่าช้าในการส่งมอบ การเปลี่ยนแปลงขอบเขตที่ไม่คาดคิด และค่าใช้จ่ายที่เกินเลย การจัดการวงจรการใช้งานของผลิตภัณฑ์ (ALM) สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการผสานรวมสาขาวิชา การปฏิบัติ และทีมงานไว้ด้วยกันในส่วนเดียว การทำงานร่วมกันช่วยทำให้การสร้าง ส่งมอบ และจัดการซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนนั้นง่ายขึ้น

ALM ให้ผลประโยชน์หลายประการตลอดการใช้งานโปรแกรมซอฟแวร์

ให้ทิศทางโครงการที่ชัดเจน

กระบวนการ ALM และเครื่องมือช่วยเหลือทีมพัฒนาและทดสอบในการวางแผนและใช้กลยุทธ์โปรเจ็กต์ พวกเขาสามารถประมาณข้อกำหนดของโปรเจ็กต์ได้อย่างถูกต้องมากขึ้น และแมปอนาคตของแอปพลิเคชันได้ดีขึ้น และยังสามารถตัดสินใจแบบเรียลไทม์และปรับแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป

เพิ่มการมองเห็นทั่วทั้งทีม

เครื่องมือและเทคนิคที่ใช้ใน ALM สร้างมุมมองโปรเจ็กต์ที่ทั่วถึงกันสำหรับทุกทีม ทุกคนจะรู้งานที่ทำไปแล้วจนถึงตอนนี้และงานที่จะต้องทำต่อไป ทีมงานต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันเพื่อจัดลำดับความสำคัญขั้นตอนต่อไปในการพัฒนาแอปพลิเคชันได้ 

เพิ่มความพึงพอใจของทีม

ทีมสื่อสารได้ดีขึ้นและทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การสื่อสารนี้ช่วยเพิ่มผลงานและเพิ่มความพึงพอใจของพนักงานและการมีส่วนร่วมในสถานที่ทำงาน

เพิ่มความเร็วและคุณภาพในการพัฒนา

เมื่อทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ดังต่อไปนี้ทำตามหลักการ ALM นักพัฒนาและผู้ทดสอบจะทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อปรับปรุงคุณภาพของซอฟต์แวร์ พวกเขาสามารถใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อทดสอบซอร์สโค้ดเป็นประจำ และแก้ไขปัญหาการเขียนโค้ดในช่วงต้นได้ โดยการทดสอบโค้ดทั้งหมดสำหรับการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง ทีมจะสร้างฟีเจอร์ซอฟต์แวร์ใหม่ได้เร็วขึ้นและมั่นใจมากขึ้น

ขั้นตอนของ ALM มีอะไรบ้าง

วงจรการใช้งานแอปพลิเคชันมีทั้งหมดห้าขั้นตอน:

การรวบรวมข้อกำหนดของแอปพลิเคชัน

ในระยะเริ่มแรก ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องจะกำหนดสิ่งที่พวกเขาต้องการจากแอปพลิเคชัน พวกเขาวิเคราะห์ว่าแอปพลิเคชันจะสนับสนุนพวกเขาอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจและข้อกำหนดในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การจัดข้อกำหนดมักจะเกี่ยวข้องกับการเขียนเรื่องราวของผู้ใช้ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้แต่ละรายจะมีปฏิสัมพันธ์กับแอปพลิเคชันอย่างไร

ตัวอย่างการรวบรวมข้อกำหนดของแอปพลิเคชัน

ธนาคารต้องการสร้างแอปพลิเคชันธนาคารสำหรับมือถือ โดยจะมีผู้ใช้สองประเภท ได้แก่ ลูกค้าและผู้ดูแลระบบ ฝ่ายบริการได้กำหนดเรื่องราวของผู้ใช้มาสองประเภท

  • เรื่องราวของผู้ใช้ที่เป็นลูกค้าที่ระบุว่าลูกค้าจะใช้แอปพลิเคชันเพื่อส่งคำขอเพื่อเปิดบัญชีธนาคารใหม่ 
  • เรื่องราวของผู้ใช้ที่เป็นผู้ดูแลระบบที่ระบุว่าผู้ดูแลระบบใช้แอปพลิเคชันเพื่ออนุมัติเอกสารของลูกค้า 

นอกจากนี้ ฝ่ายบริการข้อกำหนดยังระบุอีกว่าระบบซอฟต์แวร์ของแอปพลิเคชันควรเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่ตรงตามกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

การพัฒนาแอปพลิเคชัน

ในขั้นตอนการพัฒนา ทีมงานต่างๆ ทำงานร่วมกันเพื่อแปลงข่อกำหนดนั้นเป็นแอปพลิเคชันที่ทำงานได้จริง ต่อไปนี้คือตัวอย่างขั้นตอน:

  • ผู้จัดการโปรเจ็กต์ประมาณการเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนา 
  • นักพัฒนาระบุงานออกแบบและการเขียนโปรแกรม
  • นักวิเคราะห์คุณภาพเพิ่มงานทบทวนและจุดตรวจสอบเพื่อตรวจสอบคุณภาพและความคืบหน้า 

อีกทั้งทีมพัฒนาและทดสอบวางแผนระยะเวลาสำหรับโปรเจ็กต์ซอฟต์แวร์ และระบุการพึ่งพาซึ่งกันและกันใด ๆ ในบรรดาข้อกำหนดและตัดสินใจคำสั่งเพื่อที่จะสร้างและปล่อยฟีเจอร์ใหม่

ตัวอย่างการพัฒนาแอปพลิเคชัน

ฝ่ายไอทีของธนาคารทำแผนพัฒนาสำหรับแอปพลิเคชันบนมือถือ สมาชิกในทีมระบุว่าพวกเขาต้องการที่จะจัดการเรื่องราวของผู้ใช้ก่อน และจึงทดสอบอย่างละเอียดก่อนที่จะจัดการกับความต้องการของผู้ดูแลระบบ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้ว่าจะต้องจัดการกับตามข้อกำหนดทั้งสองก่อนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ พวกเขาเขียนโค้ดของแอปพลิเคชันและปล่อยไปยังกลุ่มเบต้าในสองเดือน

การทดสอบแอปพลิเคชั่น

ในขั้นตอนการทดสอบซอฟต์แวร์ นักวิเคราะห์คุณภาพจะประเมินแอปพลิเตชันเพื่อตรวจสอบว่าเป็นไปตามข้อกำหนดหรือไม่ พวกเขาจะระบุและจัดลำดับข้อผิดพลาดซอฟต์แวร์หรือข้อบกพร่องใด ๆ ที่ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์จะต้องแก้ไข การทดสอบแอปพลิเคชันและการพัฒนามักจะดำเนินการพร้อมกันในช่วงวงจรการใช้งานแอปพลิเคชัน ยกตัวอย่างเช่น วิธีการพัฒนาที่ลื่นไหลจะใช้เครื่องมือทดสอบอัตโนมัติในการทดสอบฐานโค้ดทั้งหมดทุกครั้งที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทำการเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์

ตัวอย่างการทดสอบแอปพลิเคชัน

ทีมประกันคุณภาพของธนาคารตรวจสอบกรณีการทำธุรกิจเพื่อเปิดบัญชีสำหรับแอปพลิเคชั่นธนาคารบนมือถือ พวกเขาพบว่าลูกค้าสามารถเลือกได้แค่ใบอนุญาตขับรถเป็นหลักฐานบัตรประจำตัว เนื่องจากธนาคารับหนังสือเดินทางเป็นหลักฐานอีกด้วย พวกเขาขอให้ทีมพัฒนาปรับปรุงแอปแพลิเคชันเพื่อรวมข้อมูลนี้เช่นกัน

การติดตั้งแอปพลิเคชันเพื่อใช้จริง

ระหว่างการนำไปใช้จริง นักพัฒนาปล่อยแอปพลิเคชันให้กับผู้ใช้ปลายทาง การจัดการการเผยแพร่ยังรวมถึงการวางแผนวิธีการที่ทีมงานใช้การเปลี่ยนแปลงของซอฟต์แวร์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านไปด้วย ทีมพัฒนาอย่างลื่นไหลทำให้การนำไปใช้จริงเป็นอัตโนมัติเพื่อเร่งความเร็วในการปล่อยฟีเจอร์และอัปเดตใหม่ เครื่องมือและบริการต่างๆ เช่น AWS CodeDeploy ให้การควบคุมการนำไปใช้จริงดีขึ้นและลดข้อผิดพลาดในการผลิต

ตัวอย่างการนำแอปพลิเคชันไปใช้จริง

ทีมแอปพลิเคชันมือถือของธนาคารใช้เซิร์ฟเวอร์ระบบคลาวด์เพื่อโฮสต์โค้ดของแอปพลิเคชันเพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถเข้าถึงโค้ดดังกล่าวได้จากเว็บไซต์ พวกเขายังปรับใช้โค้ดในแอปสโตร์ของของแพลตฟอร์มมือถือยอดนิยมเพื่อให้ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดได้โดยตรง

การบำรุงรักษาแอปพลิเคชั่น

ในขั้นตอนการบำรุงรักษา ทีมสนับสนุนและทีมพัฒนาจะทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องที่เหลืออยู่ วางแผนการปรับปรุงใหม่ และปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น พวกเขารับเอาความคิดเห็นของผู้ใช้มาปรับใช้และเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า และทีมยังใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น AWS X-Ray และ AWS CloudTrail เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพและการใช้งานแอปพลิเคชันในขั้นตอนการบำรุงรักษาอีกด้วย เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น พวกเขาอาจตัดสินใจที่จะสร้างแอปพลิเคชันใหม่ในระบบที่ทันสมัยและหยุดใช้แอปพลิเคชันปัจจุบันก็เป็นได้

ตัวอย่างการบำรุงรักษาแอปพลิเคชัน

ทีมไอทีของธนาคารตรวจสอบประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันบนมือถือและพบว่ามีการทำงานช้าลงเมื่อลูกค้าอัปโหลดเอกสาร พวกเขาทำการเปลี่ยนแปลงระบบและปรับปรุงการออกแบบก่อนที่จะปล่อยอัปเดตต่อไป

เครื่องมือ ALM คืออะไร

เครื่องมือ ALM (Application Lifecycle Management) เป็นซอฟต์แวร์ที่นักพัฒนานักวิเคราะห์และผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ใช้สำหรับการจัดการแอปพลิเคชัน เครื่องมือเหล่านี้จะให้สภาพแวดล้อมมาตรฐานที่ทุกคนสามารถใช้ในการสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ เราให้บริการฟีเจอร์ทั่วไปบางส่วนของชุดเครื่องมือ ALM แบบบูรณาการดังต่อไปนี้

การจัดการโปรเจกต์

เครื่องมือ ALM ส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือการจัดการโปรเจ็กต์เป็นหลัก คุณสามารถดูสถานะโปรเจ็กต์ในขั้นตอนทั้งหมดของ ALM ได้ เครื่องมือจะแสดงรายละเอียดงานและรวมถึงคุณสมบัติสำหรับการประมาณการและการวางแผนโครงการ 

การจัดการข้อกำหนด

เครื่องมือ ALM ทำหน้าที่เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลส่วนกลางสำหรับข้อกำหนดของผู้ใช้แอปพลิเคชันของคุณ คุณสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวของผู้ใช้เข้ากับข้อกำหนดทางเทคนิคและการทำงาน ยกตัวอย่างเช่น ข้อกำหนดของแอปพลิเคชันสำหรับการเข้าถึงของผู้ใช้อาจมีความต้องการทางเทคนิคในการเข้ารหัสรหัสผ่าน

การจัดการซอร์สโค้ด

เครื่องมือ ALM มากมายมีตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาในการติดตามการเปลี่ยนแปลงโค้ด นักพัฒนาต่างๆ สามารถทำงานบนฐานโค้ดเดียว สร้างและรวมการเปลี่ยนแปลงและมีประสิทธิภาพในการจัดการกระบวนการพัฒนา

การจัดการการทดสอบ

นักวิเคราะห์ใช้เครื่องมือ ALM ในการเขียนและบำรุงรักษาการทดสอบซอฟต์แวร์เพื่อการบูรณาการอย่างต่อเนื่อง วิธีการพัฒนานี้จะทดสอบการเปลี่ยนแปลงโค้ดกับแอปพลิเคชันทุกครั้งโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการประกันคุณภาพและสนับสนุนการสร้างฟังก์ชันการใช้งานแอปพลิเคชันใหม่ให้กับลูกค้าของคุณอย่างต่อเนื่อง

คุณสมบัติเพิ่มเติม

เครื่องมือ ALM อาจรวมฟีเจอร์อื่นๆ อีกหลายอย่างสำหรับการจัดการที่มีประสิทธิภาพเช่น:

  • การรองรับแชทแบบเรียลไทม์
  • การบริหารจัดการพอร์ตโปรเจ็กต์
  • เครื่องมือการแสดงภาพ เช่น แผนภูมิ และกราฟ

เป็นเช่นไรเมื่อเปรียบเทียบ ALM กับวิธีการควบคุมดูแลวงจรการใช้งานแบบอื่นๆ

วงจรการใช้งาน นั้นมักถูกกล่าวถึงในด้านเทคโนโลยีเพื่ออ้างถึงกระบวนการทั้งหมดของนวัตกรรมเทคโนโลยีและการสนับสนุน และเรายังมีคำศัพท์อื่นที่คล้ายคลึงกันด้านล่าง

วงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์

วงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDLC) เป็นวิธีการที่เป็นระบบที่ใช้ในการผลิตซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้วิธีการ SDLC แบบทีละขั้นตอนในการออกแบบ พัฒนา ทดสอบ และนำซอฟต์แวร์ไปใช้จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ALM เทียบกับ SDLC

SDLC หมายถึงขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมอย่างลงรายละเอียด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการวงจรการใช้งานของแอปพลิเคชัน (ALM) ALM นั้นกล่าวรวมถึงวงจรชีวิตทั้งหมดของแอปพลิเคชันและมากกว่า SDLC ALM สามารถมี SDLC ได้มากกว่าหนึ่งในช่วงวงจรชีวิตของแอปพลิเคชัน

การจัดการวงจรผลิตภัณฑ์

การจัดการวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (PLM) จัดการการออกแบบ การผลิต และการขายผลิตภัณฑ์กายภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการผลิตและวิศวกรรม

ALM เทียบกับ PLM

ALM โดยส่วนใหญ่แล้วหมายถึงส่วนประกอบซอฟต์แวร์ ในขณะที่ PLM มักหมายถึงการมีฮาร์ดแวร์อิเล็กทรอนิกส์หรือส่วนประกอบทางกายภาพอื่น ๆ ในผลิตภัณฑ์ ในขณะที่หลักการพื้นฐานของทั้ง PLM และ ALM เหมือนกัน แต่การประยุกต์ใช้หลักการเหล่านี้แตกต่างกัน

ยกตัวอย่างเช่น ขั้นตอนการพัฒนาของ PLM รวมถึงข้อกำหนดการผลิตและขั้นตอนการตลาดผลิตภัณฑ์และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากความแตกต่างเหล่านี้ PLM จึงมีชุดเครื่องมือแยกต่างหาก คุณสามารถปรับและตั้งค่าเครื่องมือ ALM บางส่วนสำหรับ PLM ที่คุณต้องการได้

การควบคุมดูแลแอปพลิเคชันใน ALM คืออะไร

การควบคุมดูแลแอปพลิเคชันเป็นชุดของนโยบาย ขั้นตอน และกฎที่องค์กรใช้เพื่อจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพในระหว่างวงจรการใช้งานแอปพลิเคชัน ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการส่งมอบและสร้างความรับผิดชอบที่ชัดเจนและการควบคุมตลอดกระบวนการควบคุมดูแลวงจรการใช้งานแอปพลิเคชัน (ALM) การควบคุมดูแลที่แข็งแกร่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าแอปพลิเคชันเป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของข้อมูล กฎระเบียบ และการปฏิบัติตามข้อกำหนดขององค์กร 

การควบคุมดูแลแอปพลิเคชันประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้

  • ความปลอดภัยของข้อมูลและการเข้าถึงของผู้ใช้
  • การรีวิวแอปพลิเคชัน การตรวจสอบ และการย้อนกลับ
  • การจัดการทรัพยากรจากส่วนกลาง
  • การตรวจสอบประสิทธิภาพและระบบ

การควบคุมดูแลแอปพลิเคชันใน ALM คืออะไร

การควบคุมดูแลแอปพลิเคชันเป็นชุดของนโยบาย ขั้นตอน และกฎที่องค์กรใช้เพื่อจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพในระหว่างวงจรการใช้งานแอปพลิเคชัน ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการส่งมอบและสร้างความรับผิดชอบที่ชัดเจนและการควบคุมตลอดกระบวนการควบคุมดูแลวงจรการใช้งานแอปพลิเคชัน (ALM) การควบคุมดูแลที่แข็งแกร่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าแอปพลิเคชันเป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของข้อมูล กฎระเบียบ และการปฏิบัติตามข้อกำหนดขององค์กร 

การควบคุมดูแลแอปพลิเคชันประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้

  • ความปลอดภัยของข้อมูลและการเข้าถึงของผู้ใช้
  • การรีวิวแอปพลิเคชัน การตรวจสอบ และการย้อนกลับ
  • การจัดการทรัพยากรจากส่วนกลาง
  • การตรวจสอบประสิทธิภาพและระบบ

Amazon จะช่วยคุณด้วย ALM ได้อย่างไร

บริการ AWS Management and Governance สนับสนุนองค์กรเพื่อให้คุณสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้เร็วขึ้นและยังคงควบคุมต้นทุน การปฏิบัติตามข้อบังคับ และความปลอดภัยอีกด้วย บริการเหล่านี้จัดการทรัพยากรระบบคลาวด์แบบไดนามิกสูงในขนาดมหึมา พร้อมทั้งมีส่วนการควบคุมระนาบเดียวในการจัดการ คุณยังสามารถใช้บริการ AWS Management and Governance เพื่อประเมินการใช้ทรัพยากรและหาวิธีการลดต้นทุนได้อีกด้วย

ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้บริการเหล่านี้:

  • AWS Budgets เพื่อวางแผนการควบคุมต้นทุนและงบประมาณทรัพยากรของคุณบน AWS
  • AWS Organizations เพื่อสนับสนุนการกำกับดูแลและการจัดการจากส่วนกลางทั่วทั้งบัญชี AWS ต่างๆ
  • AWS CloudFormation เพื่อสร้างแบบจำลองและจัดหาทรัพยากรโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของคุณ

เริ่มต้นใช้งาน Application Lifecycle Management (ALM) โดยการสร้าง บัญชี AWS วันนี้

ขั้นตอนถัดไปของ AWS Application Lifecycle Management

ดูแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม
บริการการกำกับดูแลระบบคลาวด์ฟรีบน AWS 
ลงชื่อสมัครใช้บัญชีฟรี

รับสิทธิ์การเข้าถึง AWS Free Tier ได้ทันที 

ลงชื่อสมัครใช้งาน 
เริ่มต้นสร้างใน Console

เริ่มต้นสร้างใน AWS Management Console

ลงชื่อเข้าใช้