การเพิ่มประสิทธิภาพฐานข้อมูล MySQL ด้วย Amazon ElastiCache for Redis

นำเข้าฐานข้อมูล MySQL ของคุณแบบอัตโนมัติ

การแคชและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด

ขั้นตอนที่ 1: สร้างคลัสเตอร์ Redis

เพื่อเริ่มต้นใช้งาน คุณจะเรียนรู้วิธีการตั้งค่าคลัสเตอร์ Redis ชุดแรก และกำหนดค่าประเภทโหนดและกลุ่มความปลอดภัยของคลัสเตอร์

ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาโมดูล: 10 นาที

เปิด แดชบอร์ด ElastiCache จากนั้น:

1.1 - เลือกภูมิภาคที่เปิดใช้งาน EC2 instance ของคุณที่มุมขวาบน

1.2 — คลิกที่ “เริ่มต้นใช้งานตอนนี้”

1.3 — เลือก “Redis” ให้เป็นกลไกของคลัสเตอร์

เพื่อให้บทแนะนำสอนการใช้งานสามารถเข้าใจได้ง่าย ให้นำเครื่องหมายออกจาก เปิดใช้งานโหมดคลัสเตอร์ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดใช้งานโหมดคลัสเตอร์ได้ ที่นี่

1.4 — เลือกชื่อให้กับคลัสเตอร์ Redis เช่น “elc-tutorial”

1.5 — เปลี่ยนประเภทโหนดให้เป็น cache.t2.micro

ประเภทโหนดดังกล่าวเหมาะสำหรับบทแนะนำสอนการใช้งานนี้ แต่สำหรับคลัสเตอร์การผลิตนั้น ขนาดของโหนดควรขึ้นอยู่กับปริมาณงานของคุณ และคุณควรเริ่มต้นด้วยกลุ่มประเภทอินสแตนซ์ m5 หรือ r5

1.6 — ในจำนวนแบบจำลอง ให้เลือก 1

แบบจำลองชนิดอ่านอย่างเดียวนั้นจะอนุญาตให้คุณปรับขนาดการอ่านของคุณได้ ในกรณีที่การทำงานล้มเหลว ระบบจะกระตุ้นการเปลี่ยนระบบอัตโนมัติให้ทำงานและแบบจำลองจะเข้าควบคุมบทบาทของโหนดหลัก

1.7 — ทำเครื่องหมายในช่อง “Multi-AZ with Auto-Failover”

ในกรณีที่โหนดหลักหรือ Availability Zone หรือแม้แต่การบำรุงรักษาที่วางแผนไว้เกิดการล้มเหลว ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย ElastiCache สำหรับ Redis สามารถแทนที่อินสแตนซ์ที่ล้มเหลวและแบบจำลองจะทำหน้าที่แทนโหนดหลัก ทำให้ระยะเวลาที่ล้มเหลวนั้นลดลง

1.8 — เลือกกลุ่มซับเน็ต

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มซับเน็ต โปรดดูที่ เอกสารประกอบ

1.9 — สำหรับ Availability Zone ที่ต้องการ ให้เลือก “ไม่กำหนดค่าที่ต้องการ”

การตั้งค่าความปลอดภัย

เราจะไม่ใช้การเข้ารหัสในตัวอย่างนี้ แต่โปรดทราบว่าคุณสามารถกำหนดค่าการเข้ารหัสข้อมูลทั้งข้อมูลที่จัดเก็บไว้และข้อมูลที่รับส่งได้

1.10 — เลือกกลุ่มความปลอดภัยให้กับคลัสเตอร์ Redis ของคุณ

นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญ: โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่ากลุ่มความปลอดภัยที่คุณเลือกนั้นอนุญาตให้เชื่อมต่อ TCP ขาเข้าบนพอร์ต 6379 จาก EC2 instance ของคุณ ไม่เช่นนั้น คุณจะไม่สามารถเชื่อมต่อกับโหนด Redis ของคุณได้

นำข้อมูลเข้าสู่คลัสเตอร์

สำหรับตัวอย่างนี้ เราจะไม่โหลดไฟล์ RDB ที่ปล่อยต่อใดๆ ดังนั้น เราสามารถข้ามขั้นตอนการกำหนดค่าทั้งหมดนี้ เพียงแค่ให้คุณทราบไว้ว่ามีตัวเลือกนี้ให้ใช้งาน

กำหนดค่าการสำรองข้อมูล

การสำรองข้อมูลประจำวันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกือบทุกกรณีการใช้งาน และขอแนะนำให้สำรองข้อมูลที่มีระยะเวลาการเก็บรักษาเพียงพอที่จะช่วยให้คุณมีเวลาสำหรับการดำเนินการแก้ไขในกรณีที่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น สำหรับบทแนะนำสอนการใช้งานนี้ เราจะไม่ใช้การสำรองข้อมูลใดๆ

1.11 — เอาเครื่องหมายออกจากช่อง “เปิดใช้งานการสำรองข้อมูลโดยอัตโนมัติ”

การตั้งค่าการบำรุงรักษา

1.12 — ระบุระยะเวลาบำรุงรักษาที่เหมาะกับความต้องการของคุณ

ในส่วนนี้ คุณจะได้พิจารณาเกี่ยวกับเวลาและวันเมื่อแอปพลิเคชันของคุณมีปริมาณงานต่ำ สำหรับความต้องการในปัจจุบัน เพียงแค่ระบุว่า “ไม่กำหนดค่าที่ต้องการ” ก็พอ