พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายคืออะไร

อุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบเชื่อมต่อกับเครือข่าย (NAS) เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเฉพาะไฟล์ที่ทำให้พนักงานสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านเครือข่าย โดยทุกเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีเครื่องเซิร์ฟเวอร์และเครื่องไคลเอ็นต์ที่เชื่อมต่อถึงกันซึ่งส่งคำขอไปยังเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์ NAS เป็นเซิร์ฟเวอร์เฉพาะที่จัดการเฉพาะคำขอในการจัดเก็บข้อมูลและการใช้งานไฟล์ร่วมกันเท่านั้น ซึ่งจะให้บริการจัดเก็บข้อมูลที่รวดเร็ว ปลอดภัย และเชื่อถือได้ไปยังเครือข่ายส่วนตัว

เหตุใดอุปกรณ์ NAS จึงมีความสำคัญ

องค์กรและธุรกิจขนาดเล็กในหลายอุตสาหกรรมต่างเลือกใช้โซลูชัน NAS เนื่องจากมีการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ปรับขนาดได้ และต้นทุนต่ำ โดยเซิร์ฟเวอร์ไฟล์ NAS ให้การเข้าถึงข้อมูลได้เร็วกว่า และสามารถกำหนดค่าและจัดการได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับเซิร์ฟเวอร์ประเภทอื่นๆ ซึ่งสามารถรองรับแอปพลิเคชันทางธุรกิจต่างๆ รวมถึงระบบอีเมลส่วนตัว ฐานข้อมูลการบัญชี บัญชีเงินเดือน การบันทึกและตัดต่อวิดีโอ การบันทึกข้อมูล และการวิเคราะห์ธุรกิจ

โดยประโยชน์บางส่วนของ NAS ได้แก่

การปรับใช้ระบบคลาวด์ส่วนตัวสำหรับองค์กร

ระบบคลาวด์ส่วนตัวคือระบบคลาวด์ที่โฮสต์ทรัพยากรจากศูนย์ข้อมูลขององค์กรของตนเอง ซึ่งอาจใช้ทรัพยากรฮาร์ดแวร์ภายในหรือโครงสร้างพื้นฐานแยกต่างหากที่จัดหาโดยบริษัทภายนอก โดยคุณสามารถใช้อุปกรณ์ NAS เพื่อปรับใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ส่วนตัวได้ในองค์กรของคุณ

โซลูชันการจัดเก็บข้อมูลในระบบที่ยืดหยุ่นสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

ระบบ NAS สามารถปรับแต่งได้ตามขนาดและความต้องการขององค์กร โดยมีทั้งทั้งอุปกรณ์ราคาถูกที่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลน้อยและอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ที่มีราคาแพงกว่าวางจำหน่ายในท้องตลาด

เราใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่ออะไรบ้าง

องค์กรต่างๆ ใช้โซลูชัน NAS เพื่อทำงานหลายอย่าง ได้แก่

  • การจัดเก็บและการแชร์ไฟล์
  • สร้างคลังเก็บข้อมูลถาวรที่ใช้งานอยู่หรือเพื่อการสำรองข้อมูลและกระบวนการกู้คืนจากความเสียหาย
  • โครงสร้างพื้นฐานของเดสก์ท็อปเสมือนของโฮสต์
  • ทดสอบและพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันบนเว็บและฝั่งเซิร์ฟเวอร์
  • สตรีมไฟล์และทอร์เรนต์สื่อ
  • จัดเก็บรูปภาพและวิดีโอที่ต้องเข้าถึงบ่อย
  • สร้างที่เก็บงานพิมพ์ภายใน

ตัวอย่างเช่น บริษัทสื่อสร้างรูปภาพจำนวนมากทุกวัน อย่างไรก็ตาม บริษัทดังกล่าวไม่สามารถสตรีมข้อมูลนี้ไปยังระบบคลาวด์ได้อย่างต่อเนื่องเนื่องจากเวลาแฝงในการส่งข้อมูลบนเครือข่าย แต่บริษัทจะใช้อุปกรณ์ NAS ระดับไฮเอนด์ในการจัดเก็บรูปภาพแทน โดยพนักงานทุกคนสามารถเข้าถึงและแก้ไขรูปภาพเหล่านี้ได้ผ่านเครือข่ายของบริษัท

องค์ประกอบของอุปกรณ์ NAS มีอะไรบ้าง

โดยทั่วไปแล้วอุปกรณ์ NAS จะประกอบด้วยองค์ประกอบหลายส่วน

ไดรฟ์จัดเก็บข้อมูลจริง

อุปกรณ์ NAS สามารถมีฮาร์ดไดรฟ์ได้ตั้งแต่สองถึงห้าตัว ซึ่งทำให้มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลในปริมาณมาก โดยจะมีการจัดเรียงไดรฟ์จัดเก็บข้อมูลจริงหลายตัวตามตรรกะเป็นคอนเทนเนอร์จัดเก็บข้อมูลสำรอง (RAID) ทั้งนี้ RAID เป็นเทคโนโลยีการจำลองเสมือนที่รวมองค์ประกอบของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลจริงหลายตัวเข้าด้วยกันเป็นหน่วยตรรกะหนึ่งหน่วยขึ้นไป ซึ่งจะช่วยสำรองข้อมูลและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน

หน่วยประมวลผลกลาง (CPU)

อุปกรณ์ NAS มี CPU ที่มีระบบอัจฉริยะในการประมวลผลและขุมพลังในการจัดการระบบไฟล์ โดย CPU จะอ่านและเขียนข้อมูลเพื่อประมวลผลและให้บริการไฟล์ จัดการผู้ใช้หลายราย และบูรณาการร่วมกับระบบคลาวด์ได้หากต้องการ

ระบบปฏิบัติการ

ระบบปฏิบัติการคือส่วนติดต่อแบบซอฟต์แวร์ระหว่างฮาร์ดแวร์อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลและผู้ใช้ แม้ว่าอุปกรณ์พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ซับซ้อนจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการของตัวเอง แต่อุปกรณ์ที่ซับซ้อนน้อยกว่าบางรุ่นอาจไม่มีระบบปฏิบัติการเลย

ส่วนติดต่อระบบเครือข่าย

อุปกรณ์ NAS เชื่อมต่อกับเครือข่ายโดยใช้ส่วนติดต่อระบบเครือข่าย โดยสามารถดำเนินการเชื่อมต่อเครือข่ายได้ผ่านสายอีเทอร์เน็ตหรือ Wi-Fi นอกจากนี้อุปกรณ์ NAS จำนวนมากยังมีพอร์ต USB สำหรับการชาร์จหรือเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ กับอุปกรณ์ NAS อีกด้วย

หลักการจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานของอุปกรณ์ NAS มีอะไรบ้าง

NAS คือเครือข่ายที่เชื่อมต่อพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบไฟล์ โดยมีวิธีการจัดเก็บหลักสามรูปแบบด้วยกัน ได้แก่

1. พื้นที่จัดเก็บไฟล์

ในการจัดเก็บในรูปแบบไฟล์ คุณสามารถจัดเก็บข้อมูลในไฟล์ จัดระเบียบไฟล์ลงในโฟลเดอร์ และวางไฟล์ดังกล่าวไว้ในลำดับชั้นของไดเรกทอรีและไดเรกทอรีย่อย นี่เป็นเทคนิคการจัดเก็บที่นิยมและคุ้นเคยกัน

2. การจัดเก็บในรูปแบบบล็อก 

การจัดเก็บในรูปแบบบล็อกจะแบ่งไฟล์ออกเป็นกลุ่มที่เล็กลง (หรือบล็อก) และจัดเก็บแต่ละบล็อกแยกจากกันไว้ในที่อยู่ที่ไม่ซ้ำกัน คอมพิวเตอร์จึงสามารถจัดเก็บบล็อกต่างๆ ไว้ที่ใดก็ได้บนอุปกรณ์ ทั้งนี้ระบบปฏิบัติการของเซิร์ฟเวอร์จะใช้ที่อยู่เฉพาะเพื่อประกอบบล็อกต่างๆ กลับเป็นไฟล์อีกครั้ง ซึ่งเร็วกว่าการค้นหาตามลำดับชั้นต่างๆ เพื่อเข้าถึงไฟล์

3. การจัดเก็บในรูปแบบอ็อบเจกต์

อ็อบเจกต์เป็นหน่วยข้อมูลที่ไม่ต่อเนื่องซึ่งจัดเก็บโดยไม่มีลำดับชั้นหรือโครงสร้าง โดยแต่ละอ็อบเจกต์ประกอบด้วยข้อมูล ข้อมูลแบบพรรณนาเกี่ยวกับข้อมูล (ข้อมูลเมตา) และหมายเลขระบุที่ไม่ซ้ำกัน เมื่อใช้ข้อมูลนี้ ซอฟต์แวร์ระบบจึงสามารถค้นหาและเข้าถึงอ็อบเจกต์ได้

การจัดเก็บในรูปแบบไฟล์ เทียบกับรูปแบบบล็อก เทียบกับรูปแบบอ็อบเจกต์ 

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแต่ละประเภทสามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น การจัดเก็บในรูปไฟล์สำหรับการใช้ไฟล์ร่วมกันในระบบ และการจัดเก็บในรูปแบบบล็อกสำหรับแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพสูง ในทางกลับกัน คุณสามารถใช้การจัดเก็บในรูปแบบอ็อบเจกต์เพื่อจัดเก็บข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างต่างๆ ได้ เช่น อีเมล วิดีโอ ไฟล์รูปภาพ หน้าเว็บ และข้อมูลเซ็นเซอร์ที่เกิดขึ้นจาก Internet of Things (IoT)

NAS ทำงานอย่างไร

ระบบ NAS รวมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้ากับโปรโตคอล (หรือกฎ) เพื่อรองรับการใช้ไฟล์ร่วมกันผ่านเครือข่าย เมื่อปฏิบัติตามโปรโตคอลเหล่านี้ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจึงสามารถเข้าถึงไฟล์จากอุปกรณ์ NAS ได้อย่างราบรื่นราวกับว่าจัดเก็บไฟล์ดังกล่าวไว้ในคอมพิวเตอร์

โปรโตคอลการสื่อสาร

เครือข่ายสามารถเรียกใช้โปรโตคอลการถ่ายโอนข้อมูลได้หลายแบบ แต่เครือข่ายส่วนใหญ่มีโปรโตคอลอินเทอร์เน็ต (IP) และโปรโตคอลควบคุมการส่งผ่านข้อมูล (TCP) โดย IP เป็นส่วนที่ได้รับที่อยู่เพื่อส่งข้อมูลไฟล์ หลังจากนั้น TCP จะส่งข้อมูลโดยการรวมเป็นแพคเก็ต และส่งแพคเก็ตดังกล่าวผ่านเครือข่าย

โปรโตคอลการจัดรูปแบบไฟล์

อุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์อาจมีระบบปฏิบัติการพื้นฐานที่แตกต่างกันได้ เช่น Windows, Linux หรือ Unix ซึ่งระบบปฏิบัติการทั้งหมดต่างต้องการเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บไฟล์ NAS ในรูปแบบไฟล์เนทีฟของตน ดังนั้นระบบไฟล์ NAS จะจัดรูปแบบข้อมูลก่อนส่งไปยังเครือข่าย โดยโปรโตคอลการจัดรูปแบบสำหรับการให้บริการไฟล์ต่างๆ ได้แก่

ระบบไฟล์เครือข่าย (NFS)

ระบบ Linux และ UNIX จะใช้โปรโตคอลนี้ โดย NFS ทำงานได้บนฮาร์ดแวร์ ระบบปฏิบัติการ หรือสถาปัตยกรรมเครือข่ายทุกประเภท

บล็อกข้อความเซิร์ฟเวอร์ (SMB)

คอมพิวเตอร์ Microsoft Windows จะใช้โปรโตคอลนี้

โปรโตคอลการจัดเก็บไฟล์ของ Apple (AFP)

นี่คือโปรโตคอลเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ Apple ที่ใช้ macOS

อุปกรณ์ NAS ประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง

NAS แบบใช้เซิร์ฟเวอร์

เซิร์ฟเวอร์ NAS เป็นอุปกรณ์ที่คุณใช้เพื่อติดตั้งพื้นที่จัดเก็บไฟล์ในองค์กร ซึ่งมีหลายขนาดและประเภท ตัวอย่างเช่น คุณสามารถซื้อหน่วยเดสก์ท็อปหรือหน่วยเซิร์ฟเวอร์ NAS ที่มีการติดตั้งแร็กก็ได้ คุณสามารถควบคุมและกำหนดค่าได้บนเครือข่าย

เพิ่มทรัพยากร NAS

อุปกรณ์ NAS ที่เพิ่มทรัพยากรจะประกอบด้วยไดรฟ์จัดเก็บข้อมูลที่จัดการโดยตัวควบคุมคู่หนึ่ง ทุกครั้งที่คุณต้องการเพิ่มความสามารถในการจัดเก็บ คุณสามารถซื้อไดรฟ์ NAS เพิ่มได้ อย่างไรก็ตาม ตัวควบคุมมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพและความสามารถในการจัดเก็บ โดยสามารถจัดการไดรฟ์ได้อย่างเหมาะสมในจำนวนคงที่เท่านั้น เมื่อถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว คุณต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มทรัพยากรใหม่ ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่จัดเก็บไฟล์แยกกันสองไซโล คุณต้องกระจายการรับส่งข้อมูลและจัดการไฟล์ข้อมูลระหว่างไซโลทั้งสอง ซึ่งจะทำให้มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพิ่มขึ้น

เพิ่มจำนวนอินสแตนซ์ NAS

อุปกรณ์ NAS ที่เพิ่มจำนวนอินสแตนซ์จะมีกลุ่มเซิร์ฟเวอร์ที่มีจำนวนหน่วยเชิงตรรกะหรือการแชร์ไฟล์ผ่านเครือข่าย นอกจากนี้ยังมีตัวควบคุมและไดรฟ์ อย่างไรก็ตาม ตัวควบคุมสามารถเชื่อมต่อกับหน่วยทางกายภาพได้หลายหน่วยเพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถทำงานได้เป็นหนึ่งหน่วยในเชิงตรรกะ ระบบจะปรับขนาดเป็นเชิงเส้นและจะเพิ่มประสิทธิภาพไปพร้อมๆ กับที่คุณเพิ่มความสามารถในการจัดเก็บ

NAS แตกต่างจากสถาปัตยกรรมเครือข่ายจัดเก็บข้อมูลอื่นๆ อย่างไร

NAS คือหนึ่งในโซลูชันพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเครือข่าย

เครือข่ายพื้นที่จัดเก็บข้อมูล

เครือข่ายพื้นที่จัดเก็บข้อมูล (SAN) คือเครือข่ายความเร็วสูงที่เชื่อมต่อระหว่างหลายเซิร์ฟเวอร์ด้วยอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่หลากหลาย องค์กรสามารถใช้ SAN เพื่อเข้าถึง ทำสำเนา และปกป้องพื้นที่จัดเก็บข้อมูลส่วนกลางได้ด้วยทรัพยากรแบบรวมในที่เดียว SAN ยังใช้เทคโนโลยีเพิ่มเติม เช่น RAID และการกำจัดข้อมูลซ้ำซ้อน เพื่อเพิ่มความสามารถและความเสถียรของพื้นที่จัดเก็บข้อมูล

NAS เทียบกับ SAN

ทั้ง NAS และ SAN เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลเครือข่าย โดยการรวมความสามารถและแบ่งปันพื้นที่จัดเก็บข้อมูลกับเซิร์ฟเวอร์แอปพลิเคชันผ่านเครือข่ายความเร็วสูง ความแตกต่างหลักระหว่างสองระบบนี้คือวิธีการใช้งานของผู้ใช้ สำหรับเครื่องไคลเอ็นต์ NAS จะทำงานเป็นระบบไฟล์และ SAN จะทำงานเป็นระบบปฏิบัติการ โดย NAS จะจัดการคำขอไฟล์แต่ละรายการ แต่ SAN จะจัดการคำขอสำหรับบล็อกข้อมูลที่ติดกัน นอกจากนี้ NAS และ SAN ยังใช้โปรโตคอลและเทคโนโลยีพื้นฐานที่แตกต่างกันอีกด้วย ซึ่ง SAN อาจมีความยืดหยุ่นมากกว่าสำหรับผู้ใช้ แต่การตั้งค่าและจัดการอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า 

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อโดยตรง

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อโดยตรง (DAS) เป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ได้โดยตรง ตัวอย่างที่พบได้บ่อยที่สุดของ DAS คือฮาร์ดไดรฟ์ภายนอกที่เชื่อมต่อด้วยสายเคเบิล โฮสต์เซิร์ฟเวอร์เท่านั้นที่จะเข้าถึงข้อมูลได้โดยตรง อุปกรณ์อื่นต้องขอข้อมูลกับอุปกรณ์โฮสต์

NAS เทียบกับ DAS

DAS เป็นรุ่นที่มาก่อน NAS DAS เชื่อมต่อโดยตรงกับเซิร์ฟเวอร์จึงทำให้การขยายสล็อตในเซิร์ฟเวอร์มีการจำกัดขนาดและการเชื่อมต่อ ขนาดของ DAS ยังจำกัดความสามารถในการจัดเก็บ และจำกัดจำนวนการเชื่อมต่อพอร์ตหรือโฮสต์ไว้น้อย ซึ่งจะทำงานได้ไม่ดีนักเมื่อมีการใช้ไฟล์ร่วมกันและยังมีความซับซ้อนในการจัดการอีกด้วย

NAS ภายในองค์กรมีข้อจำกัดอะไรบ้าง

NAS ถูกจำกัดให้ไม่สามารถส่งมอบประสิทธิภาพได้ในวงกว้าง

ความซับซ้อนในการจัดการ

การบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน NAS ภายในองค์กรสามารถเพิ่มภาระการดำเนินงานและทำให้องค์กรต้องสิ้นเปลืองงบประมาณและทรัพยากรด้านไอที

ยากต่อการปรับขนาดได้อย่างรวดเร็ว 

อุปกรณ์ NAS ใช้ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) เพื่อให้บริการข้อมูล แต่หากมีผู้ใช้ส่งคำขอไฟล์พร้อมกันมากเกินไป ระบบ NAS อาจมีภาระมากเกินไปและล่มได้

ไม่มีการรับประกันบริการ

อุปกรณ์ NAS ไม่สามารถให้การรับประกันบริการจัดเก็บข้อมูลใดๆ ได้ ผู้ใช้จึงอาจประสบปัญหาต่างๆ เช่น ข้อมูลล่าช้า ข้อมูลไม่ครบถ้วน และข้อมูลสูญหาย อุปกรณ์ NAS นั้นมีความน่าเชื่อถือไม่เพียงพอที่จะใช้สำหรับการดำเนินการในระดับที่มีความสำคัญมาก

NAS ภายในองค์กรมีข้อจำกัดอะไรบ้าง

NAS ถูกจำกัดให้ไม่สามารถส่งมอบประสิทธิภาพได้ในวงกว้าง

ความซับซ้อนในการจัดการ

การบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน NAS ภายในองค์กรสามารถเพิ่มภาระการดำเนินงานและทำให้องค์กรต้องสิ้นเปลืองงบประมาณและทรัพยากรด้านไอที

ยากต่อการปรับขนาดได้อย่างรวดเร็ว 

อุปกรณ์ NAS ใช้ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) เพื่อให้บริการข้อมูล แต่หากมีผู้ใช้ส่งคำขอไฟล์พร้อมกันมากเกินไป ระบบ NAS อาจมีภาระมากเกินไปและล่มได้

ไม่มีการรับประกันบริการ

อุปกรณ์ NAS ไม่สามารถให้การรับประกันบริการจัดเก็บข้อมูลใดๆ ได้ ผู้ใช้จึงอาจประสบปัญหาต่างๆ เช่น ข้อมูลล่าช้า ข้อมูลไม่ครบถ้วน และข้อมูลสูญหาย อุปกรณ์ NAS นั้นมีความน่าเชื่อถือไม่เพียงพอที่จะใช้สำหรับการดำเนินการในระดับที่มีความสำคัญมาก

ผู้ใช้จะแก้ไขข้อจำกัดของ NAS ได้อย่างไร

คุณสามารถแก้ไขข้อจำกัดของ NAS ได้โดยการเพิ่มอุปกรณ์ NAS เพิ่มเติมในเครือข่าย การบูรณาการร่วมกับ SAN หรือการแทนที่อุปกรณ์ NAS ด้วยพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ เราลองมาสำรวจตัวเลือกต่างๆ ด้านล่างกัน ได้แก่

เพิ่มอุปกรณ์ NAS เพิ่มเติม

คุณสามารถเพิ่มความสามารถหรือขยายขนาดสถาปัตยกรรม NAS เพื่อเพิ่มความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลได้ โดยการขยายขนาดหมายถึงการใช้ซอฟต์แวร์ควบคุมพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพื่อจัดการไดรฟ์จริงหลายตัวบนเซิร์ฟเวอร์ NAS เดียวกัน ในขณะที่การเพิ่มความสามารถหมายถึงการใช้ส่วนติดต่อการสื่อสารของซอฟต์แวร์ทั่วไปที่เรียกว่า API เพื่อจัดการเซิร์ฟเวอร์ NAS หลายเครื่อง ซึ่งองค์กรต่างๆ สามารถสร้างพื้นที่ว่างให้กับไฟล์หลายพันล้านรายการได้ด้วยการเพิ่มความสามารถ อย่างไรก็ตาม วิธีการดังกล่าวก็มีค่าใช้จ่ายสูงในการกำหนดค่า เขียนโค้ด และจัดการ

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบเบ็ดเสร็จ

แม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ SAN และ NAS ก็สามารถเกิดขึ้นร่วมกันได้ โดยคุณสามารถรวมทั้งสองแบบเพื่อสร้างระบบไฮบริดของ SAN-NAS ร่วมกัน ซึ่งคุณจะได้รับทั้งโปรโตคอลระดับไฟล์และระดับบล็อกจากระบบเดียวกัน นอกจากนี้ คุณยังสามารถเรียกใช้ NAS บนระบบ SAN เพื่อรับบริการระบบไฟล์ได้อีกด้วย ทั้งนี้คุณสามารถหาอุปกรณ์ที่มีองค์ประกอบ SAN/NAS แบบไฮบริดได้ในท้องตลาด

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์

คุณสามารถเพิ่มหรือแทนที่ NAS จริงได้โดยใช้พื้นที่จัดเก็บไฟล์บนระบบคลาวด์ คลาวด์เกตเวย์ที่ Edge ของเครือข่ายศูนย์ข้อมูลของบริษัทหนึ่งจะย้ายข้อมูลแอปพลิเคชันระหว่างที่จัดเก็บในเครื่องและคลาวด์สาธารณะ โดยผู้ให้บริการระบบคลาวด์จะจัดการและดำเนินการจัดเก็บข้อมูลเป็นการบริการ คุณสามารถเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ตามต้องการด้วยความสามารถและค่าใช้จ่ายที่ทันท่วงที โดยไม่จำเป็นต้องซื้อและจัดการโครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บข้อมูลของคุณเอง โดยพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์จะช่วยให้คุณมีความคล่องตัว ความสามารถโดยรวม และความคงทนด้วยการเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา

AWS สามารถช่วยแก้ไขปัญหาด้านพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้อย่างไร

  • Amazon Elastic Block Store (Amazon EBS) นำเสนอบริการจัดเก็บข้อมูลแบบบล็อกบนระบบคลาวด์ โดยคุณสามารถโยกย้ายเวิร์กโหลด SAN ในองค์กรไปยังระบบคลาวด์สำหรับแอปพลิเคชันที่สำคัญต่อองค์กรได้ ทั้งนี้ EBS จะจัดเก็บข้อมูลด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพ
  • Amazon Elastic File System (Amazon EFS) เป็นระบบไฟล์ที่เรียบง่าย ไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ และสามารถตั้งค่าแล้วลืมไปได้เลยสำหรับบริการประมวลผลของ AWS คุณสามารถเข้าถึงไฟล์และปรับขนาดหรือลดขนาดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้ตามต้องการ
  • Amazon FSx สำหรับ NetApp ONTAP ให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบใช้ร่วมกันที่มีความน่าเชื่อถือสูง ปรับขนาดได้ มีประสิทธิภาพ และมีการจัดการเต็มรูปแบบสำหรับเวิร์กโหลดของ Linux, Windows และ MacOS
  • Amazon FSx for OpenZFS ให้พื้นที่จัดเก็บไฟล์ร่วมกันที่มีการจัดการเต็มรูปแบบซึ่งสร้างขึ้นบนระบบไฟล์ OpenZFS ซึ่ง ขับเคลื่อนโดยกลุ่มตัวประมวลผล AWS Graviton และสามารถเข้าถึงได้ผ่านโปรโตคอล NFS (v3, v4, v4.1, v4.2)
  • Amazon FSx สำหรับ Windows File Server ให้พื้นที่จัดเก็บที่ใช้ร่วมกันที่มีการจัดการเต็มรูปแบบซึ่งสร้างขึ้นบน Windows Server
  • Amazon Simple Storage Service (Amazon S3) คือบริการจัดเก็บอ็อบเจกต์ที่มอบความสามารถในการเพิ่มทรัพยากร ความพร้อมใช้งานของข้อมูล ความปลอดภัย และประสิทธิภาพระดับชั้นนำในอุตสาหกรรม
  • Amazon Virtual Private Cloud (Amazon VPC) ช่วยให้คุณควบคุมสภาพแวดล้อมระบบเครือข่ายเสมือนของคุณได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งรวมถึงการกำหนดทรัพยากร การเชื่อมต่อ และการรักษาความปลอดภัย
  • AWS Storage Gateway มอบการเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บบนระบบคลาวด์แบบแทบไม่จำกัดให้กับแอปพลิเคชันในองค์กรของคุณ
  • AWS Storage Services นำเสนอบริการแบบครบวงจรในการจัดเก็บ เข้าถึง ควบคุม และวิเคราะห์ข้อมูล
  • รับสิทธิ์เข้าถึงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ได้ฟรีโดยเปิดบัญชี AWS วันนี้!

ขั้นตอนต่อไปบน AWS

ดูแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการพื้นที่จัดเก็บ 
ลงชื่อสมัครใช้บัญชีฟรี

รับสิทธิ์การเข้าถึง AWS Free Tier ได้ทันที

ลงชื่อสมัครใช้งาน 
เริ่มต้นการสร้างใน Console

เริ่มต้นสร้างด้วย AWS ใน AWS Management Console

ลงชื่อเข้าใช้